15 พ.ย. 2021 เวลา 06:11 • กีฬา
เหตุการณ์ดราม่าที่ขอนแก่น เมื่อกรรมการตัดสินมั่ว จนนักเตะประท้วงเดินออก ไม่ยอมเล่น เรื่องนี้ใครผิดใครถูก เราจะย้อนดูเหตุการณ์ด้วยกันแต่แรก
ในฟุตบอลยุโรป เหตุการณ์นักเตะไม่พอใจคำตัดสินแล้ว ตัดสินใจประท้วงไม่ลงเล่น (ที่ไทยเรียกว่า วอล์กเอาต์) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ
1
ก่อนอื่นเลย วอล์กเอาต์ เป็นสำนวนที่ใช้กันแค่ในไทยแค่นั้น การเดินออกจากสนามไม่ยอมเล่น ในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Walk off (the field)
2
ในยุโรป การเดินออกไม่ยอมเล่น เป็นเรื่องที่พิลึกมาก กล่าวคือเมื่อเกมเริ่มแล้ว หน้าที่ของทั้ง 2 ทีม คือเล่นให้ครบ 90 นาที แม้คุณจะไม่พอใจคำตัดสินแค่ไหน ก็ต้องเล่นต่อให้จบ
แฟนบอลเสียเงินมาดูคุณในสนาม บางคนจ่ายเงินเพื่อดูถ่ายทอดสด ดังนั้นนักเตะจะเลิกเล่น หยุดเล่น ตามใจชอบไม่ได้ ทุกคนมีหน้าที่ ที่จะเล่นให้จบเกม นี่เป็นเรื่องพื้นฐานมากที่สุดแล้ว
3
ถ้าหากจะมีเหตุการณ์ที่บอลแข่งไม่จบ นั่นต้องเป็นเหตุสุดวิสัย เช่น ไฟสนามดับ, นักกีฬาบางคนหัวใจวาย หรือ มีเหตุการณ์เหยียดผิวเกิดขึ้น แต่ในเคสที่ไม่พอใจคำตัดสินแล้วประท้วงด้วยการไม่เล่น คุณจะแทบหาไม่ได้เลย
เคยมีกรณีศึกษา ในลีกบัลแกเรีย ปี 2015 เกมระหว่าง เลฟสกี้ โซเฟีย กับ ลิเท็กซ์ โลเว็ค ในเกมนี้ ลิเท็กซ์ โลเว็ค โดนไล่ออก 2 คน และเสียจุดโทษ นั่นทำให้ผู้จัดการทีมบอกให้นักเตะเลิกเล่นไปเลย เดินออกจากสนามเพื่อเป็นการประท้วง
ผลปรากฏว่า สมาคมฟุตบอลบัลแกเรีย สั่งปรับตกชั้นทันที ตอนแรกลิเท็กซ์ โลเว็ค แข่งไปแล้ว 19 นัด อยู่อันดับ 4 ของลีก แต่ทันทีที่วอล์กเอาต์ เอฟเอบอกว่า คุณตกไปดิวิชั่น 2 เลย ไม่ต้องแข่งเกมที่เหลือแล้ว คือจบฤดูกาลกันไปดื้อๆ อย่างนั้นเลย พร้อมทั้งปรับเงินอีก 11,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกต่างหาก
นี่คือแนวคิดของฟุตบอลยุโรป คือคุณไม่พอใจคำตัดสินก็ประท้วงไปหลังจบเกม แต่คุณจะหยุดเล่นไม่ได้ ถ้าเลือกจะทำ มันมีผลที่รุนแรงตามมาเสมอ
อย่างไรก็ตามในประเทศไทย เรื่องวอล์กเอาต์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับทีมชาติชุดใหญ่ และในระดับสโมสร
2
ในเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ปี 2007 (ตอนนั้นใช้ชื่อไทเกอร์คัพ) รอบชิงชนะเลิศ เลกแรก สิงคโปร์ เปิดบ้านเจอไทย นาทีที่ 83 สิงคโปร์ได้จุดโทษ ปรากฏว่าเฮดโค้ชชาญวิทย์ ผลชีวิน ให้นักเตะไทยเดินออกจากสนาม ไป 16 นาที จนถึงนาทีที่ 98 ค่อยกลับมาลงเล่นต่อ เพื่อแสดงการประท้วง
3
สื่อต่างประเทศที่ถ่ายทอดสด ทั้ง ESPN และ Star Sport ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน รุมตำหนิสปิริตของเรา ว่าทำไมทำแบบนี้กับเกมที่ใหญ่ขนาดนี้
1
โค้ชหรั่ง - ชาญวิทย์ บอกว่า "นับตั้งแต่ทำงานเป็นผู้จัดการทีมมา เคยเจอการเป่าเอนเอียงเข้าข้างเจ้าภาพมาบ่อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนน่าเกลียดขนาดนี้ แต่ไม่ได้ต้องการวอล์กเอาต์เพื่อให้ยุติการแข่งขัน เพียงแต่ในเวลานั้นเห็นว่านักเตะไทยเสียสมาธิ คุมอารมณ์ไม่อยู่ ถ้าปล่อยให้เล่นต่อรับรองว่าต้องโดนยิง 3-1, 4-1 และอาจมีใบแดงด้วย ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้วอล์กเอาต์เพื่อดึง สมาธินักเตะคืน"
1
คือไม่ว่าจะอธิบายมุมไหน จะหยุดเล่นเพื่อประท้วง หรือหยุดเล่นเพื่อเป็นแท็กติก มันทำไม่ได้ทั้งนั้น นี่ไม่ใช่บาสเกตบอล ที่จะขอเวลานอกได้ ฟุตบอลมันเป็นแบบนี้ ถ้าเจอสถานการณ์ที่บีบคั้น คุณต้องสู้กับใจตัวเองให้ได้สิ
2
ลองคิดดู เกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2012 ระหว่างที่บาเยิร์น เสมอเชลซี 1-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ บาเยิร์นมาได้จุดโทษ ถ้าเกิดนักเตะเชลซีประท้วงว่า เฮ้ยไม่เล่นละ หรือหยุดเบรกสัก 15 นาที เพื่อป่วนคู่แข่ง แบบนี้วงการฟุตบอลจะเป็นอย่างไร
5
โค้ชหรั่งปิดท้ายด้วยการแซะผู้ตัดสินว่า "การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แสดงให้เห็นถึงความไร้มาตรฐาน ไม่พัฒนา แล้วอย่างนี้ฟุตบอลในย่านอาเซียนจะพัฒนาได้อย่างไร" แน่นอน โค้ชหรั่งก็โดนแซวกลับว่า สิ่งที่ไร้มาตรฐานคือพฤติกรรมวอล์กเอาต์ต่างหากเล่า
5
นั่นคือกับทีมชาติชุดใหญ่ ส่วนระดับสโมสร เราเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2017 อยุธยา เอฟซี กับ แพร่ ยูไนเต็ด ลงแข่งในเกมระดับ T3 นาที 83 อยุธยาได้จุดโทษ ฝั่งนักเตะแพร่ ไม่ยอมเล่น และวอล์กเอาต์เป็นระยะเวลา 11 นาที
ในปีเดียวกัน ในเกม T1 สุโขทัย ปะทะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในนาทีที่ 79 บุรีรัมย์ได้จุดโทษ ฝั่งสุโขทัยไม่พอใจ วอล์กเอาต์เป็นระยะเวลา 3 นาที
หรือย้อนกลับไปเล็กน้อย ในปี 2015 ในลีกภูมิภาค โซนภาคใต้ ตรัง ปะทะ พังงา ในนาทีที่ 70 ตรังขึ้นนำ 1-0 แต่ฝั่งพังงาไม่พอใจ โค้ชได้สั่งเรียกลูกทีมมาอยู่ข้างสนาม และหยุดเล่น 30 นาที เพื่อกดดันให้ผู้ตัดสินริบสกอร์คืน แต่ผู้ตัดสินไม่เปลี่ยนใจ สุดท้ายฝั่งพังงาจึงเลิกเล่นฟุตบอลไปเลย ท่ามกลางความงุนงงของแฟนบอลที่อยู่ในสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง
1
เราจะเห็นว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ดังนั้นสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงต้องออกกฎเรื่อง "การผละออกจากการแข่งขัน" (Abandonment) ขึ้น เพื่อยืนยันว่า คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าคิดจะวอล์กเอาต์ ต้องมีบทลงโทษตามมาอยู่แล้ว
1
ผมสอบถามทางสมาคมฯ แล้วนะครับ ถามว่าการวอล์กเอาต์ "กี่นาที" ถึงจะมีบทลงโทษ คำตอบคือ ไม่มีการระบุตัวเลขว่ากี่นาที มีแค่กำหนด 2 แบบคือ "วอล์กเอาต์ชั่วขณะ" กับ "วอล์กเอาต์จนเกมยุติ"
วอล์กเอาต์ชั่วขณะ คือหยุดเล่น แต่สุดท้ายกลับมาเตะต่อได้ ส่วนวอล์กเอาต์จนเกมยุติ ก็ตามชื่อเลย คือไม่สามารถแข่งได้ครบ 90 นาที ทั้งสองแบบมีบทลงโทษทั้งคู่ แต่ก็มีความหนักต่างกัน
1
ในเกมไทยลีกเมื่อคืนนี้ มีดราม่าสำคัญในเกม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ปะทะ แบงค็อก ยูไนเต็ด นี่เป็นแมตช์ที่มีราคาสูงมากๆ ของทั้งสองทีม ขอนแก่นต้องการแต้มเพื่อหนีตาย ส่วนแบงค็อกก็ต้องการแต้มเพื่อลุ้นแชมป์ ดังนั้นจึงมีแรงกดดันมหาศาลเกิดขึ้นในสนาม
2
เกมสู้กันอย่างสนุก และยื้อ 0-0 จนถึงนาทีที่ 90 จักรกริช พาละพล สตาร์ของขอนแก่น เข้าบอลช้า 1 จังหวะในเขตโทษไปเตะโดนลำตัวทริสตอง โด ที่วิ่งสอดมาจากด้านหลัง จังหวะนี้ว่ากันตรงๆ ก็คือ 50-50 ดูยากว่าโดนไหม ตอนแรกกรรมการฑีธิชัย นวลจันทร์ ไม่เป่าฟาวล์ พอเกมหยุด ต้องให้กรรมการในห้อง VAR คือชัยฤกษ์ งามสม ช่วยเช็กให้ว่าแรงพอเป็นจุดโทษหรือไม่
1
กรรมการ VAR ใช้เวลาเช็ก 3 นาที ยังหาคำตอบไม่ได้ สุดท้ายผู้ตัดสินหลักต้องไปดูด้วยตัวเอง สุดท้ายหลังจากดูอีก 3 นาที ก็ให้เป็นจุดโทษกับฝั่งแบงค็อก ยูไนเต็ด ท่ามกลางเสียงโห่ดังสนั่นจากแฟนบอลรอบสนาม
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อกรรมการชี้จุดโทษ นักเตะขอนแก่นตัดสินใจวอล์กเอาต์จากการแข่งไปข้างสนาม คือในอารมณ์นั้น มาเสียจุดโทษนาทีสุดท้ายแบบ 50-50 มันก็ทำใจรับได้ยาก
1
การวอล์กเอาต์เกิดขึ้น 4 นาทีนิดๆ ในสนามก็มีแฟนบอลบางส่วนกระตุ้นให้วอล์กเอาต์ออกมาเลย แต่ก็มีอีกส่วนบอกให้นักเตะกลับไปเล่นเถอะ โดนยิงก็โดนยิง แต่อย่าวอล์กเอาต์เลย
สุดท้ายฝั่งขอนแก่น ก็กลับมาแข่งขัน คือกว่าที่จะได้ยิงจุดโทษ ก็ถึงนาทีที่ 102 เลยทีเดียว เรียกว่ายืดเยื้อไปไกลมาก สุดท้ายวานเดอร์ หลุยซ์ ยิงเข้าไป แบงค็อกนำ 1-0
วานเดอร์ หลุยซ์ พอยิงได้ ทำท่าดีใจงูจงอางล้อเลียนแฟนบอลขอนแก่น เรียกเสียงโห่ และอารมณ์โมโหจากแฟนๆ รอบสนาม
เกมกลับมาเล่นต่อ ในช่วงเวลาที่เหลือ นาทีที่ 109 ขอนแก่นบอมบ์ครอสเข้าไปในเขตโทษ อภิศร ภูมิชาติ แย่งโหม่งกับเอเวอร์ตัน ผู้ตัดสินฑีธิชัยไม่เป่าฟาวล์ในตอนแรก แต่ก็ย้อนมาดู VAR
ลูกนี้ถามว่าฟาวล์ไหม ในสายตาแฟนบอลทั่วไป มองว่า "ฟาวล์ยาก" เพราะเป็นการแย่งโหม่งกันธรรมดา ถ้าให้จุดโทษลูกนี้ ยิ่ง Soft กว่าลูกแรกอีก แต่หลังจากไปดู VAR ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษกับขอนแก่น
2
มีการวิจารณ์กันหนักมาก ว่าผู้ตัดสินรับแรงกดดันในสนามแข่งไม่ไหว จึงต้องแจกจุดโทษเพื่อตอบแทนคืนให้ทีมเจ้าบ้าน แต่สุดท้ายอิบสัน เมโล่ หัวหอกขอนแก่นยิงจุดโทษหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้เกมจบลงที่แบงค็อกชนะ 1-0
สำหรับเรื่องนี้ เราต้องแบ่งเป็น 2 ประเด็น
ประเด็นแรกคือเรื่องความสามารถของผู้ตัดสิน ที่ใครๆ ก็เห็นตรงกันนั่นแหละ ว่าความสามารถผู้ตัดสินนัดนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ย่ำแย่เลยทีเดียว
1
ขั้นแรกคือกรรมการ VAR ใช้เวลานานมากในการดู 2 จุดโทษ แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ เรียกผู้ตัดสินหลักไปดูอยู่ดี อย่างลูกแรกกว่าจะได้ยิงจุดโทษใช้เวลาไป 6-7 นาที คือมันเยอะเกินไป
ขั้นที่สองคือกรรมการหลัก ฑีธิชัย ไม่มีความหนักแน่นเลย จุดโทษลูกแรกมัน 50-50 แต่ในจุดโทษลูกสอง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้จุดโทษ แต่ด้วยความที่รับแรงกดดันจากสนามเหย้าไม่ไหว เขาเลยแจกจุดโทษสมนาคุณให้ขอนแก่น สร้างความรู้สึกให้แฟนบอลว่า ผมแจกจุดโทษให้สองฝั่งแล้วนะ โอเคยังแบบนี้
2
ผู้ตัดสินฑีธิชัย โดนแฟนบอลกล่าวถึงในความมั่วมานานแล้ว ในปี 2019 ชินภัทร ลีเอาะ ของเชียงราย เคยเอาเท้ายันไปที่หน้าของสหรัฐ กันยะโรจน์ ของพีทีที ระยอง แต่เกมนั้นฑีธิชัยไม่มีบทลงโทษอะไรเลย แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่เห็นชัดเจน สุดท้ายจึงโดนไทยลีกสั่งแบนห้ามตัดสิน 3 สัปดาห์
3
มาคราวนี้ก็เหมือนกัน ความมั่ว ความไม่หนักแน่น การตัดสินช้า ทำให้แฟนบอลวิจารณ์กันอย่างหนักหน่วง บางคนบอกว่าบอลไทยจะพัฒนาได้อย่างไร ถ้าความสามารถผู้ตัดสินยังอยู่นี้
1
อย่างไรก็ตาม อีกประเด็นที่ต้องแยกกัน คือ แม้กรรมการจะเป่าน่าขัดใจแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถวอล์กเอาต์ได้
คือเข้าใจขอนแก่นนะ ว่าเล่นฟุตบอลอย่างมีวินัยมาตลอด ไม่มีนอกเกมอะไรเลย แล้วจังหวะของจักรกริชเอาจริงๆ ก็ 50-50 คือไม่ให้จุดโทษ ก็ไม่น่าเกลียด แน่นอนว่า พอมาโดนอะไรแบบนี้นาทีสุดท้าย มันเลยทำใจยากอยู่ แต่ถึงกระนั้นคุณก็ต้องกัดฟันเล่นต่อไป
1
หลังเกม ก็มีการตอบโต้จากฝั่งขอนแก่นว่า นักเตะยังไม่ออกจากสนามเลยนะ ยังอยู่ในเส้น แค่ออกมาสงบสติอารมณ์ 4-5 นาที แต่ก็นั่นล่ะ มันเข้าฐานความผิด วอล์กเอาต์ชั่วขณะแล้ว ดังนั้นขอนแก่นก็ต้องโดนโทษปรับเงินอยู่ดี
มองโลกในแง่ดี คืออย่างน้อยขอนแก่นก็กลับลำทัน ไม่ถึงขั้นออกจากสนามไปเลยเพื่อประท้วง ดังนั้นบทลงโทษก็คงไม่แรงเกินไป ก็ถือเป็นบทเรียนที่ทีมน้องใหม่ไทยลีกอย่างพวกเขาต้องเรียนรู้ ว่าการทำแบบนี้ ไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ
ในโลกของฟุตบอล มีหลายทีมที่เจอการตัดสินที่น่าโมโหจากกรรมการ อิตาลี เคยโดนกรรมการไบรอน โมเรโน่ ไล่ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ออก สุดท้ายแพ้เกาหลีใต้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2002
1
หรือในปี 2009 เกมแชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างเชลซี กับ บาร์เซโลน่าที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ กรรมการทอม เฮนนิ่ง โอเวรโบ ตัดสินเอื้อประโยชน์ให้บาร์ซ่าครั้งแล้วครั้งเล่า จนเชลซีตกรอบแบบเจ็บปวดที่สุด ดิดิเยร์ ดร็อกบา ชี้หน้าด่ากรรมการหลังเกมว่า "แม่งโคตรอัปยศ"
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น นักเตะทุกคนก็เล่นฟุตบอลต่อ ไม่มีการวอล์กเอาต์ประท้วง หรือวอล์กเอาต์เป็นแท็กติก เป็นที่รู้กันเลยว่า คุณต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ครบ จนกว่านกหวีดหมดเวลาจะดังขึ้น
1
สำหรับเหตุการณ์วอล์กเอาต์ในฟุตบอลไทย เรายังเห็นอยู่บ้างเป็นระยะ ก็ได้แต่หวังว่ามันจะหมดไปอย่างสิ้นเชิง และไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกเลยในอนาคต
และในขณะเดียวกันสมาคมก็ต้องช่วย ด้วยการไม่ปล่อยกรรมการที่คุณภาพไม่ถึงลงมาตัดสินเกมในระดับลีกสูงสุด เพราะนักฟุตบอลสู้กันแทบตาย แต่ถ้าผลแพ้ชนะเกิดจากความมั่ว การอดกลั้นอารมณ์คงทำได้ยากมากจริงๆ
#WALKOFFRULE
โฆษณา