15 พ.ย. 2021 เวลา 06:29 • ธุรกิจ
ถุงมือไนไตรล์ “ถุงมือยางใช้แล้ว” วิกฤตในวิกฤต
วิกฤตในวิกฤต หนทางทำมาหากินที่ไม่สนใจอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความถูกผิด มีเพียงพรรคพวกตัวเองเพียงเท่านั้น เมื่อคิดแค่นี้การฉ้อโกง จึงเกิดขึ้นเป็น ขบวนการ นี่คือเรื่องของ ถุงมือไนไตรล์ “ถุงมือยางใช้แล้ว”
ในช่วงหลายวันมานี้เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้ว ข่าวนั้นคือ การนำถุงมือยางใช้แล้วมาบรรจุกล่องให้เป็นสินค้ามือหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นถุงมือที่ใช้แล้วในทางการแพทย์ย่อมต้องมีเชื้อโรคติดมาอย่างแน่นอน แต่คนบาง กลุ่มกลับเห็นเพียงประโยชน์ของตัวเองเล็กน้อย อาศัยช่วงขาดแคลนสินค้าทำแบบนี้ ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงอะไรบางอย่างที่ไม่อยากพูดถึงสักเท่าใดนัก เพราะการกระทำของคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นเอง ไม่ควรเหมารวมทั้งหมด
จึงนำไปสู่ Thailand Only เรื่องที่ประเทศเราทำไปได้ เรื่องอาจมีประเทศอื่นทำด้วยไม่ใช่แค่ที่ประเทศเรา แต่ประเทศเราโดนจับได้แล้วยิ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการส่งออกถุงมือยางไปทั่วโลกอีกแล้ว ยิ่งอยู่ในช่วงภาวะวิกฤตอีก แค่คำว่าไม่ช่วยก็อยู่เงียบๆ แค่นี้ยังคิดกันไม่ได้เชียวหรือ เรื่องแค่นี้เองหรือต่อจะทำก็อย่าให้ใครจับได้เท่านั้นเอง
“ถุงมือยางมือสอง” ความโลภที่แลกมาด้วยชื่อเสียงของประเทศไทย ที่มาจากกลุ่มคนผู้มีอำนาจไม่กี่กลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ในเรื่องนี้แต่ว่าในทางกลับกัน ผลเสียที่เกิดขึ้นกลับตกอยู่กับภาพลักษณ์ของคนในประเทศ แล้วแบบนี้ถ้าข่าวออกไปคนจากที่อื่นจะมองเราว่าอย่างไร เห็นแก่ได้ โกงกิน เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง ไม่สนใจคนอื่น ประเทศที่เปรียบได้กับสถานที่พักผ่อนของโลกทำแบบนี้ในช่วงนี้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่ถ้าดูกันจริงๆแล้วการกระทำนั้นนั้นเกิดจากคนบางพวกเท่านั้น
โดยเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น CNN รายงานว่า กระบวนการส่งออกส่งมือยางมือสอง สำหรับการใช้งานทางการแพทย์ เรียกว่า “ถุงมือไนไตรล์”มาขายให้กับบริษัทในอเมริกา มูลค่าความเสียหายประมาณ หลายพันล้านดอลลาร์ โดยบอกว่าเป็นถุงมือยางใช้แล้วเพราะ สินค้าอยู่ในสภาพสกปรก ถุงมือขาด ยางเสื่อมสภาพ บางชิ้นยังคงมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ โดยจากการลงมือสอบสวนในเรื่องนี้นั้น ทำให้ทางด้านผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสหกรรมนี้อย่าง ดักลาส สไตน์ บอกว่าตอนนี้ถุงมือยาง เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่อันตรายที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากความต้องการใช้งานที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน จากการเกิดโรคระบาด COVID-19 แต่แล้วในที่สุดเรื่องกลับเกิดขึ้น นี้ต้องเรียกว่า ไม่น่าให้อภัยยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ก่อนอื่นต้องบอกว่าในช่วงสถาณการณ์ที่วิกฤตนั้นทำให้ “ถุงมือไนไตรล์ ” ขาดตลาดอย่างมาก ทำให้คนขายสามารถเรียกร้องเงินค่าสินค้าเต็มจำนวนก่อนการจัดส่งสินค้าก่อนได้ แทนที่จะจ่ายเพียงมัดจำเพียง50% ก่อนเหมือนอย่างปกติ และการปลอมนั้นยังรวมไปถึงการรวมหัวกันปลอมมาตรฐานการรับประกันคุณภาพของสินค้า ช่วยให้ไม่ต้องมีการตรวจสอบสินค้าตามพิธีการต่างๆ เหมือนปกติทั่วไป เพราะความต้องการใช้อย่างเร่งด่วน เพราะชื่อเสียงของประเทศที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานอันดับต้นๆของโลกด้วย เรื่องนี้จึงยิ่งง่ายสำหรับคนกลุ่มนี้เข้าไปอีก
นับจากเวลาที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกมา ได้มีการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทจากประเทศไทยส่งถุงมือยางมือสองไปขายให้กับสหรัฐอเมริกาเกือบๆ 200 ล้านชิ้น และยังคงมีสินค้าอีกมากถึง 80 ตู้คอนเทนเนอร์ และนี่อาจเป็นชนวนให้กับการส่งออก เกี่ยวกับสินโภคภัณฑ์ของประเทศไทยอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย
แล้วอุตสหกรรมถุงมือยางของประเทศไทยเตรียมพร้อมรับมือกับผลที่เกิดขึ้นมาแล้วหรือยัง ถ้ายังคงมีการปล่อยปละ ละเลยให้กลุ่มคนส่วนน้อยทำลายความน่าเชื่อถือของอุตสหกรรมไปเรื่อยๆ โดยที่ยังหาต้นตอหรือรายใหญ่ของขบวนการนี้ยังไม่ได้ นี่เป็นเรื่องละอียดอ่อน เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่เกี่ยวกับ การรักษา การช่วยชีวิตคนยิ่งในช่วงที่มีการของโรคติดต่อที่ยังคงไม่สามารถหาทางหยุดยั้งโรคนี้ได้อย่าง 100%
ประเทศไทยจะดังขึ้นมาแต่ละทีกลับดังขึ้นมาด้วยเรื่องแบบนี้ มันจะน่าดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย
ขอบคุณที่ติดตาม
โฆษณา