Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ThaiSMEsCenter
•
ติดตาม
23 พ.ย. 2021 เวลา 02:00 • การตลาด
5 เทคนิค ขายของแพง แต่ลูกค้าแย่งกันซื้อ
คำว่า “ถูกหรือแพง” ในความรู้สึกของลูกค้าอาจไม่เหมือนกัน สินค้าแบบเดียวกันราคาเดียวกัน คนหนึ่งบอกแพง แต่อีกคนบอกว่าถูก ดังนั้นราคาสินค้าจึงขึ้นอยู่กับความคาดหวังในใจของลูกค้า
โดยลูกค้าส่วนใหญ่มักจะมีราคา “อ้างอิง” อยู่ในใจไปประกอบการตัดสินใจว่าสินค้าชิ้นนี้สมควรจะซื้อหรือไม่ แต่กลยุทธ์การตลาดทีเราเห็นส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้ามักใช้วิธีการลดราคา ซึ่งก็ถือว่าได้ผลแต่สิ่งที่ตามมาคือกำไรของเราเองที่จะน้อยลงเช่นกัน
อย่างไรก็ดี
www.ThaiSMEsCenter.com
เชื่อว่ายังมีเทคนิคการขายสินค้าราคาสูงที่จะทำให้ลูกค้าแย่งกันซื้อได้ และน่าจะเป็นผลดีต่อการทำการค้าขายอยู่ไม่น้อยลองมาเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ไปพร้อมๆกันดีกว่า
⭐ 1.ชู “จุดเด่นสินค้า” ที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่า
การขายสินค้าราคาแพง ลูกค้าย่อมหวังในสิ่งที่จะได้รับสูงเช่นกัน ดังนั้นสินค้าใดๆ ก็ตามที่เรามีอยู่หากจะขายได้ในราคาแพงต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป" เช่นประสิทธิภาพดีกว่า , แก้ไขปัญหาได้มากกว่า , มีบริการหลังการขายที่ดีกว่า เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เพื่อบ่งบอกถึง “เหตุผลของความแพง” ให้ลูกค้าฟังแล้วรู้สึกคล้อยตาม หรือการขายสินค้าที่เป็นการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ชัดเจน ซึ่งหากลูกค้าไปซื้อสินค้าจากที่อื่นอาจแก้ปัญหาที่เจออยู่ไม่ได้ ตรงนี้ถ้าสินค้าใด จับจุดความต้องการลูกค้าได้โอกาสที่จะขายสินค้าในราคาสูงก็เป็นไปได้มาก เพราะตามหลักจิตวิทยาถ้าคนเรารู้สึกถูกใจ มั่นใจ และเชื่อใจ เกิดความรู้สึกอยากได้สินค้านั้นๆ ต่อให้มีราคาแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา
⭐ 2.กำหนดราคาสินค้าเฉลี่ยรายวัน
สินค้าบางอย่างมีมูลค่ารวมสูงมากๆ จนทำให้ลูกค้ารู้สึกไปว่าแพง แต่ถ้าเราเลือกที่จะเสนอราคาให้ลูกค้าเฉลี่ยเป็นต่อวัน หรือต่อเดือนจะทำให้สินค้าดูมีราคาถูกลงไปมาก วิธีแบบนี้พบมากในบริษัทประกัน จะเห็นได้ว่าบริษัทประกันส่วนใหญ่ มักโฆษณาว่าทำประกันวันนี้ คิดแล้วเสียเงินเพียงวันละ 20 บาทเท่านั้น
ดูๆ ไปแล้วลูกค้าก็จะรู้สึกว่าแค่วันละ 20 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกมาก แต่พอมารวมตัวเลขจริงแล้ว ต้องจ่ายถึงปีละ 7,300 บาท นอกจากการขายประกันแล้ว นี้วิธีนี้ยังเป็นที่นิยมมากในธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น สมัครสมาชิกฟิตเนส, ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ, การจ่ายค่าเช่า เป็นต้น
⭐ 3.ขายสินค้าแบบ Limited
อะไรก็ตามที่เป็นของมีจำนวนจำกัด หรือหายาก ผลิตแล้วก็หมดไป มีแค่ครั้งเดียว หรือน้อยชิ้น จะกลายเป็นของที่เราสามารถขายแพงแบบมีราคาได้ทันที และมีคนแย่งกันซื้อเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันสิ่งเหล่านั้นต้องมาพร้อมความหรูหรา และคุณภาพอย่างแท้จริงด้วย
อย่างเช่น แบรนด์ Supreme ซึ่งขายสินค้าแฟชั่นที่มีราคาสูงมาก เนื่องจากจะผลิตสินค้าขึ้นมาน้อยชิ้น เพื่อให้เกิดมูลค่าทางจิตใจ คนที่ได้ครอบครองจะเกิดประสบการณ์ที่รู้สึกดี และรู้สึกว่าราคานี้คุ้มค่าแล้ว
⭐ 4.ใช้จำนวนคนที่เคยใช้สินค้ามาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
เทคนิคนี้เรียกว่า “Social Validation” คือการนำจำนวนคนที่ใช้สินค้าของเรามาโฆษณา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อกลุ่มใหม่มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราสนใจสินค้าใดๆ และเห็นคนที่เคยใช้สินค้านี้มาบ้างแล้วก็ย่อมทำให้เกิดการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแม้บางทีราคาสินค้าอาจจะสูงกว่าคู่แข่งก็ตาม
⭐ 5.ใช้ความรู้สึกลูกค้ามาขายสินค้าแบบไม่ต้องลดราคา
ร้านค้าต้องเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร? อะไรที่ลูกค้ายอมจ่ายให้ได้มา? และตัวสินค้าเอง ต้องตอบโจทย์ ต้องแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ เหมาะกับแต่ละคนได้ยิ่งดี ที่สำคัญอย่าคิดเอาเองว่าลูกค่าอยากได้อะไร มีปัญหาอะไร ให้เราไปถาม ไปหาข้อมูลด้วย ลูกค้าถึงจะเห็นค่าของ สินค้าของเรา และเมื่อลูกค้าเห็นคุณค่าในสินค้าและบริการเรื่องราคาที่อาจจะแพงกว่าคู่แข่งก็ไม่ใช่ประเด็นที่ลูกค้าจะบิดพลิ้วไม่อยากจ่ายอีกต่อไป
🎯 กลยุทธ์การตั้งราคาตามคุณค่า (Value Base Pricing) ที่ทำให้ลูกค้าย่อมจ่ายแพงกว่า
1.
ความสามารถในการแข่งขันและเป้าหมายทางการเงิน เช่น ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งที่สามารถกำหนดราคาสูงกว่าได้ หรือมีช่อง ทางการจำหน่ายที่ได้เปรียบกว่า รวมถึงกำไรที่ต้องการ เป็นต้น
2.
ความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า หากลูกค้ามีความต้องการและความคาดหวังสูงก็สามารถที่จะตั้งราคาที่สูงได้ เช่น iPhone หรือ iPad ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ ลูกค้าต้องเข้าคิวจองอยู่หลายเดือนกว่าจะได้ อีกทั้งยังเป็นเสมือนอุปกรณ์ที่บ่งบอกถึงฐานะหรือรสนิยมอีกด้วย
3.
ต้นทุนของสินค้าหรือบริการทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร หากมีต้นทุนสูงก็จำเป็นที่จะต้องตั้งราคาขายที่สูง เพื่อให้กิจการมีกำไรอยู่ได้
4.
ราคาของคู่แข่ง โดยเฉพาะคุณค่าของสินค้าคู่แข่งที่ลูกค้ารับรู้
5.
ความสามารถซื้อของลูกค้าเป้าหมายและสภาพเศรษฐกิจ
ตัวอย่างของธุรกิจหลายแห่งที่สินค้าราคาแพงแค่ไหนคนก็ยังนิยมซื้อแถมไม่เคยบ่นอีกต่างหาก เช่นร้าน Starbucks กาแฟแบบพรีเมี่ยมที่แทบจะไม่เคยลดราคาใด ๆ แต่เพราะความพรีเมี่ยมและบริการที่ดี ใช้ “ราคาเป็นคำสัญญา” ว่าลูกค้าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดทำให้มีลูกค้าประจำอยู่จำนวนมาก
หรืออีกตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือบรรดาร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่มีจุดขายเน้นความสะดวกของลูกค้าที่ต้องการสินค้าอะไรบางอย่าง ทำให้ร้านสามารถตั้งราคาที่สูงกว่าการเข้าไปซื้อสินค้าจากร้านอื่นๆ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน ติดตามได้ที่ Add LINE id: @tfcacademy
อัพเดทและติดตามข่าวสารได้ที่
Line : @thaifranchise
Twitter : @thaismecenter
Twitter : @thaifranchise
Website :
http://www.thaismescenter.com
Website :
https://www.thaifranchisecenter.com
Instagram :
https://instagram.com/thaifranchise
TikTok :
https://www.tiktok.com/@thaifranchisecenter
YouTube :
https://youtube.com/user/ThaiFranchise
Podcast :
https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
Facebook :
https://www.facebook.com/ThaiSMEsCenter
Facebook :
https://www.facebook.com/ThaiFranchiseCenterFanPage
Facebook :
https://www.facebook.com/TheMarketingMore
ที่มา :
https://bit.ly/3wLQpBW
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย