15 พ.ย. 2021 เวลา 16:03 • ข่าวรอบโลก
"หมึกบลูริง" อันตรายที่มาจากการกินโดยไม่รู้ตัว?
หมึกสายวงน้ำเงิน หรือ หมึกบลูริง (Blue-ringed octopus) เป็นหมึกยักษ์จําพวกหนึ่ง แต่มีขนาดเล็กมาก โดยตัวเต็มวัยมีขนาดลําตัวเพียง 4-5 เซนติเมตร มี 8 หนวด หลังจากเพศเมียวางไข่ ไข่จะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 สัปดาห์ และใช้เวลาประมาณ 2 - 3 เดือนเจริญเป็นตัวเต็มวัย โดยมีอายุขัยประมาณ 1 ปี
หมึกบลูริง มีจุดเด่นที่ต่างจากหมึกทั่วไปตรงที่ มีลวดลายเป็นวงแหวนสีน้ําเงิน กระจายตามลําตัวและหนวด ซึ่งจะตัดกับสีของลําตัวที่ออกเป็นสีเหลืองน้ําตาลอย่างชัดเจน วงแหวนสีน้ําเงินเหล่านี้สามารถ "เรืองแสง" ได้เมื่อถูกคุกคาม เนื่องจากหมึกชนิดนี้มีสีสวยงาม และมีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบในการเลี้ยงปลาสวยงาม และสัตว์แปลกๆ ในต่างประเทศ
โดยที่หมึกบลูริงนั้นมีพิษแรงมากกว่างูเห่าถึง 20 เท่า โดยที่พิษนั้นจะอยู่ที่น้ำลาย นั่นคือพิษ"เตรโตโดท็อกซิน" ผู้ถูกกัดอาจตายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง และหมึกชนิดนี้นั้นสามารถทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส ความร้อนจึงไม่สามารถทำลายพิษมันได้รวมถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มียาแก้พิษอีกด้วย
อาการของผู้ได้รับพิษ พิษจะเข้าไปทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้หายใจไม่ออก เนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลมและหน้าอกไม่ทํางาน มีอาการชาที่เริ่มจากบริเวณใบหน้าจากนั้นจะลามไปทั่วตัวจนเกิดตะคริว ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 4-6 ชั่วโมง หรือบางเคสเสียชีวิตภายใน 20 นาทีเท่านั้น หากพบผู้ที่ได้รับพิษจากหมึกสายวงน้ําเงิน ให้ปฐมพยาบาลในทันทีหลังถูกกัด โดยใช้เทคนิคการกดรัดและตรึงอวัยวะส่วนนั้นไม่ให้เคลื่อนไหวเพื่อทําให้พิษไม่แพร่กระจายเข้าระบบไหลเวียนโลหิต และรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อซื้อเวลาให้ผู้ป่วยมากที่สุด
โฆษณา