17 พ.ย. 2021 เวลา 11:00 • ปรัชญา
โศกนาฏกรรมจากกำแพงทิฐิ
นานมาแล้วมีชายหญิงหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่รักกัน
แต่แต่งงานกันได้ไม่นาน สามีก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ขณะที่ภรรยากำลังท้องอ่อน ๆ
เกือบสี่ปีผ่านไป ฝ่ายชายกลับมา
เมื่อเขาเห็นหน้าลูกก็ดีใจมาก จึงเข้าโผกอด
แต่ความที่เด็กยังเล็กไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนจึงกลัว แม่บอกให้เรียกพ่อเท่าไรก็ไม่ยอมเรียกเอาแต่ร้องไห้และพูดว่า
“นี่ไม่ใช่พ่อของหนู เพราะว่าพ่อที่มาหาหนูทุกคืนไม่ใช่คนนี้”
เมื่อได้ยินลูกพูดเช่นนั้น คนเป็นพ่อผงะทันทีแล้วอึ้งไป ตั้งแต่นั้นมา เขาไม่ยอมพูดกับภรรยาอีกเลย เพราะกำแพงแห่งทิฐิเกิดขึ้นในจิตใจเสียแล้ว
ทำให้ข้าวมื้อแรกที่ภรรยาตั้งอกตั้งใจทำไว้ต้อนรับสามีกลับบ้านนั้นจืดสนิท
เพราะไม่ว่าภรรยาจะทำอย่างไร
จะเอาอกเอาใจสามีแค่ไหนก็ตาม
ก็ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปากสามีเลยแม้แต่คำเดียว
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเลี้ยงลูกมาโดยลำพัง
ท่ามกลางไฟสงคราม
หวังเพียงอย่างเดียวว่าสักวันหนึ่งลูกจะได้พบหน้าพ่อ
แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาที่เฝ้ารอ
คนที่เธอรักที่สุด มีความหมายและสำคัญที่สุด
อุตส่าห์รอคอยมานานถึงเกือบสี่ปี
กลับทำเย็นชา ไม่ยอมพูดด้วยแม้เพียงคำเดียว
และไม่ยอมบอกเหตุผลเสียด้วย
เวลาผ่านไปสามวัน ภรรยาก็หายไปจากบ้าน
เมื่อสามีออกไปตามหา
จึงพบว่าภรรยากลายเป็นศพลอยน้ำอยู่ในแม่น้ำเสียแล้ว
เพราะความน้อยใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
เธอจึงตัดสินใจกระโดดน้ำตาย
สามีจึงอุ้มศพนั้นกลับมาบ้านด้วยความเศร้าสร้อย
คืนหลังจากพิธีศพเสร็จสิ้น
เขาจึงลุกขึ้นจุดตะเกียงแล้วนำไปวางไว้บนโลงศพ เมื่อมีคนเดินผ่านตะเกียงทำให้เกิดเงาวูบขึ้นบนผนัง ทันทีที่เด็กน้อยเห็นเงาที่ผนังก็รีบชี้ให้พ่อดู พลางบอกว่า “ลุงดูสิ พ่อหนูมาแล้ว”
เมื่อผู้เป็นพ่อเงยหน้ามองที่ข้างฝาตามคำของเด็กน้อย ก็ไม่เห็นใครนอกจากเงา จึงนั่งลงแล้วถามหนูน้อยว่า
“ทำไมหนูถึงบอกว่าเงาบนฝาผนังนี้เป็นพ่อของหนู”
เด็กน้อยจึงเล่าว่า
“ทุก ๆ คืนก่อนนอน แม่จะจุดตะเกียงแบบนี้
แล้วนั่งคุยกับเงาบนข้างฝา และบอกหนูว่า ‘นั่นไงพ่อของลูก’ ”
และด้วยความไร้เดียงสา เด็กน้อยจึงหลงคิดว่าเงานั้นคือพ่อของตัวเองจริง ๆ
ผู้หญิงคนนี้รักและคิดถึงสามีมากถึงขนาดสมมุติว่าเงาของตัวเองเป็นสามี และนั่งพูดคุยกับเงาที่ไม่มีชีวิตได้ทุกคืน
ฝ่ายผู้เป็นพ่อ เมื่อได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด
ก็เกิดสำนึกผิดขึ้นมาอย่างใหญ่หลวงที่ตกเป็นทาสของทิฐิ
คิดว่าภรรยามีชู้ แล้วทำตัวเย็นชาใส่ภรรยาสุดที่รัก จนกระทั่งเป็นเหตุให้เธอต้องฆ่าตัวตาย
เขาจึงตัดสินใจพิพากษาชีวิตตัวเองที่แม่น้ำเดียวกันกับภรรยาของเขา
ทิ้งเด็กน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไว้เพียงลำพัง
(เรื่องราวจากพงศาวดารประเทศเวียดนาม ใจความจากหนังสือสูตรเด็ดแห่งความเป็นเลิศ เขียนโดย ท่าน ว.วชิรเมธี)
เรื่องนี้จริง ๆ แล้วไม่ได้มีอะไรเป็นเหตุใหญ่โตเลย
ต้นเหตุมาจากทิฐิเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
หากสามียอมลดทิฐิตัวเองลง
แล้วเปิดใจพูดคุยกับภรรยาถึงสิ่งที่คาใจ
เรื่องคงไม่ลุกลามใหญ่โต จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมเพียงนี้
เพราะต่างฝ่ายต่างมีอคติและทิฐิแรงกล้า
ฝ่ายสามีก็สันนิษฐานว่าภรรยามีชู้
ส่วนภรรยาก็ถือทิฐิว่า ถ้าเธอไม่พูด ฉันก็จะไม่พูดเหมือนกัน
สุดท้ายแม้จะรักกันแค่ไหนก็ตายไปทั้งคู่
เพราะต่างคนต่างเลือกกอดทิฐิตัวเองเอาไว้
ทำให้กรรมมาตกอยู่กับเด็กน้อย
ที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเพียงคนเดียวอย่างไม่รู้ชะตากรรม
เพียงเพราะทิฐิของพ่อแม่เป็นเหตุ
เรื่องนี้จึงสอนให้เราได้รู้ว่า ปราการแห่งทิฐินั้นอันตรายที่สุด
เพราะทำให้เราเข้าไม่ถึงความจริง ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้อันตรายถึงชีวิตได้
ปราการแห่งทิฐินี้สามารถสูงลิ่วได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
บางครั้งเราหลงเชื่อบางอย่าง
เชื่อว่าเป็นสัจธรรม เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
และเมื่อเรายึดมั่นในความคิดในหลักการนั้น
ยังเป็นการปิดโอกาสทางการเรียนรู้
ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง
ดังเช่นเรื่องราวโศกนาฎกรรมของสองสามีภรรยานี้
ทิฐิสามารถก่อเกิดอวิชชา คือความไม่รู้จริงและความเข้าใจผิดได้
ขอให้เข้าใจไว้ว่า เราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง
และเรื่องที่เรารู้อาจจะไม่ถูกเสมอไปก็ได้
เป็นเช่นนี้ เราก็จะไม่ปิดกั้นตัวเองจากการเรียนรู้
และเรียกได้ว่าไม่เป็นกบในกะลาครอบ
เหมือนกับคำพูดของพระพุทธเจ้าจากซีรี่ย์เรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
ถ้อยความว่า...
เมื่อไรก็ตามที่คนเรายึดมั่นกับหลักการในชีวิตของเขา
เมื่อนั้นแล้ว เขาก็จะสูญเสียอิสรภาพ
เขาจะกลายเป็นคนที่ยึดติด
เขาจะคิดว่า หลักการของเขานั้นถูกต้องทุกอย่าง
และความเชื่อของตัวเองนั้นถูก ส่วนที่เหลือไม่ใช่เรื่องจริง
และเมื่อเราเสียอิสระทางความคิด เราจะยึดติดกับความคิดเดียว
มนุษย์เราก็จะยิ่งทุรนทุราย เป็นจุดเริ่มต้นของความดิ้นรนและความขัดแย้ง
ความเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถึงจะเชื่อว่าไม่เชื่อ ก็ทำให้คนยึดติด
ความคิดนั้นมีพลังมหาศาล และมันจับเราไว้
จับไว้อย่างแน่นหนา การยึดติดกับความคิด
คืออุปสรรคที่ใหญ่สุดของการเติบโตทางจิตวิญญาณ
หากเราติดอยู่ในนั้น ประตูแห่งความรู้อันเป็นนิรันดร์ก็จะไม่มีวันเปิดออก...
โฆษณา