Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เมฆาพายุ
•
ติดตาม
17 พ.ย. 2021 เวลา 11:45 • ไลฟ์สไตล์
123วันท้าลดน้ำหนัก Day 111 (13 days left)
123days Challenge Wt. Loss
วันพุธกลางสัปดาห์มาถึงแล้ว ฉันบอกแม่ให้ทำอาหารน้อยลงหน่อย แม่เลยทำแค่ผัดใบยี่หร่ากับ จับฉ่ายให้กินแค่นั้น ตอนกลางวันฉันไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยเหมือนเดิม ซึ่งเป็นอาหารที่ต้องกินทุกสัปดาห์ บางครั้งฉันแอบคิดว่าก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนี้ใส่กัญชาหรือไม่อย่างไร แต่ถึงจะใส่ฉันก็ยังจะไปกินอยู่ดี
ตอนเย็นฉันนั่งคุยกับน้า แล้วก็นึกถึงประเทศอินเดียขึ้นมา น้าฉันบอกว่า น้าเคยคิดว่าอินเดียเป็นประเทศสุดท้ายที่น้าจะไปเที่ยว แต่พอได้ไปเที่ยวแล้วครั้งหนึ่ง ก็อยากจะไปอีกเรื่อยๆ น้าว่าอินเดียก็มีเสน่ห์ของมัน เวลาฉันพูดถึงอินเดีย บางคนก็ร้องหยี บางคนก็ร้องโอ้โห้ บางคนอยากไปสัมผัส บางคนอยากหลีกเลี่ยง อินเดียเป็นประเทศที่ไม่มีตรงกลาง ส่วนใหญ่ถ้าไม่รักก็เกลียดไปเลย ส่วนตัวฉันเอง ฉันเป็นพวกที่หลงรักอินเดีย
ฉันไปอินเดียครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นฉันได้จับผลัดจับพลูไป เนื่องจากยายของฉันอยากไปเที่ยวสังเวชนียสถาน แม่ฉันไม่ว่าง เลยออกเงินให้ฉันพายายไปเที่ยวกันสองคนหลานกับยาย ฉันก็เลยได้ไปอินเดีย ตอนนั้นฉันต้องทำวีซ่าไปเนปาลด้วยเพราะว่า สถานที่ประสูติลุมพินีวันอยู่ที่เนปาล ครั้งแรกฉันไม่ได้ไปเที่ยวอินเดียเอง เพราะฉันคิดว่าคงเอาตัวไม่รอดในประเทศแบบนี้ ฉันเลยไปทัวร์กับยาย
เราลงเครื่องที่โกลกัลตา แล้วก็นั่งลัดเลาะไปยังที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สารนาถ พาราณสี พุทธคยา ลุมพีนี กุสินารา ในบรรดาสถานที่ทั้งหมดในอินเดีย ฉันชอบพาราณสีและกุสินารามากที่สุด พาราณสีเป็นลุ่มอารยธรรม มีผู้คนวุ่นวาย มีโยคี ฤาษี คนแสวงบุญ นั่งท่องเที่ยว และอื่นๆอีกมาก พาราณสีมีเสน่ห์ตรงที่ความวุ่นวายนี่แหละ มีคนกล่าวว่าแม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่พาราณสีจะยังเป็นแบบเดิมเสมอ ลุ่มแม่น้ำคงคานี้ มีคนมาดำผุดดำว่ายเพื่อจะได้ล้างบาปของตนตลอดเวลา
นอกจากนี้ชาวฮินดูยังเชื่อว่าอัฐิที่ได้โปรยลงในแม่น้ำคงคาจะทำให้ผู้ตายสามารถขึ้นสวรรค์ได้ ฉันได้นั่งเรือชมแม่น้ำคงคา ฉันได้เห็นคนอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน พอเรือผ่านไปซักพัก ฉันเห็นเด็กยืนปัสสาวะอยู่ พอผ่านไปอีกนิดฉันเห็นคนกำลังโกยเถ้ากระดูกลงแม่น้ำ ริมแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ฉันเห็นไฟที่กำลังเผาศพและควันที่พวยพุงอยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่าไฟแห่งนี้ไม่เคยมอดดับลงเลยตั้งแต่สมัยพุทธกาลหรืออาจจะนานกว่านั้น
ไกด์บอกว่าบางทีในแม่น้ำเราอาจจะเห็นเศษเนื้อท่ียังเผาไม่หมดลอยมา เพราะว่าไม้ที่ทำเชิงตะกอนนั้นบ่งบอกฐานะของคนได้ คนรวยก็จะมีเงินซื้อไม้ได้เยอะ ศพก็จะถูกเผาจนเป็นเถ้า ส่วนคนจนก็จะมีไม้ใช้น้อยกว่า บางทีเผาไม่หมดสัปปะเหร่อก็จำต้องโกยลงแม่น้ำเลย เพราะมีศพมาต่อคิวอีกมาก สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเผาศพคือไม่ว่าคนวรรณะใด ก็จะมีแค่ผ้าห่อศพเท่านั้น คนเรานั้นเท่าเทียมกันเวลาตาย แม้ว่าบางคนจะเหลือเศษเนื้ออยู่บ้างก็ตาม
ริมฝั่งคงคา ไกด์ชี้ให้เราดูโรงแรงต่างๆ มีชื่อเล่นว่า มรณะโฮเต็ล ที่มีคนแก่อาศัยอยู่ คนแก่ๆเหล่านี้บางทีก็มีญาติ บ้างก็ไม่มีญาติ แต่ทุกคนมีความปรารถนาเหมือนกันคืออยากให้อังคารของตัวเองได้ลอยอยู่ในแม่น้ำคงคาแห่งนี้ โรงแรมพวกนี้เช็คอินครั้งเดียวและเช็คเอาท์ตอนตาย ทุกๆวันจะมีพนักงานไปเดินตามห้องต่างๆเพื่อที่จะเคาะประตูดูว่าคนที่อยู่ในห้องเสียชีวิตหรือยัง ถ้ายังก็จะมีอาหารให้ ถ้าเสียชีวิตแล้วก็จะนำไปทำพิธีศพ ว่ากันว่าโรงแรมเหล่านี้บางที่แพงมาก แต่มันก็คือโรงแรมสุดท้ายของชีวิตของคนหนึ่งคน
อีกที่หนึ่งที่ฉันประทับใจถึงขั้นรู้สึกทราบซึ้งอย่างมากคือที่กุสินารา เพราะเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ตั้งอยู่ที่กุสินารานั้นมีความวิเศษมาก เพราะเป็นปางไสยาสน์ที่ดูธรรมดาที่สุด พระองค์ทรงนอนราบไม่ได้ตั้งแขนขึ้นมาอย่างปางไสยาสน์ที่ไทย สีพระพักตร์สงบนิ่งไม่ยินดียินร้าย มีพระอานนท์มอบกราบคร่ำครวญอยู่ที่ฐาน ถ้ามองจากทางศรีษะพระพุทธรูปพระองค์กำลังยิ้มอยู่ บรรยากาศในวิหารนั้นสงบ แสงไม่มากเกินไป แต่ก็ไม่น้อยเกินไป ฉันเห็นคนหลายคนสะอื้นไห้ มหาบุรุษหนึ่งคนเกิดขึ้นบนโลกที่ลุมพินี และได้จากไปตลอดกาลตรงนี้ สังสารวัฏที่ยาวนานได้จบลงแล้ว พระพุทธองค์ได้ข้ามผ่านห้วงน้ำแห่งความทุกข์ไปแล้ว พระองค์จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว เข้าสู่สภาวะนิพพานอันสงบเย็น
มีครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเห็นพระอานนท์ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เมื่อพระพุทธองค์ตัดสินใจจะปรินิพพานอีกสามเดือนข้างหน้า พระอานนท์ได้ขอร้องให้พระพุทธเจ้าทรงอยู่ต่อเพื่อเป็นประโยชน์ต่อโลก แต่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ และบอกพระอานนท์ว่าไม่อยู่ในฐานะที่ทำได้ และพระพุทธองค์ได้กล่าวแก่พระอานนท์ว่า “อานนท์เอ๋ย บัดนี้สังขารอันเหมือนเกวียนชำรุดนี้ เราได้สละแล้ว บัดนี้เป็นการสมควรที่ตถาคตจะจากโลกนี้ไป สังขารของตถาคตเป็นเสมือนเรือรั่วคอยแต่เวลาจะจมลงสู่ท้องธารเท่านั้น”
“อานนท์ เราเคยเตือนเธอแล้วมิใช่หรือว่า บุคคลย่อมต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พึงใจเป็นธรรมดา หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตนี้มีความพลัดพรากเป็นที่สุด สิ่งทั้งหลายมีความแตกไป ดับไป สลายไปเป็นธรรมดา จะปรารถนามิให้เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นนั้นเป็นฐานะที่ไม่พึงหวังได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไป เคลื่อนไปสู่จุดสลายตัวทุกขณะ”
คำพูดเหล่านี้อยู่ในมหาปรินิพพานสูตร (แปลโดยสำนวนของอาจารย์วศิน อินทสระ) เตือนใจถึงความจริงแห่งสังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมา แล้วสุดท้ายก็จะสลายไป มนุษย์นั้นเกิดมาบนโลก ใช้ชีวิตบนโลก “แต่สิ่งใดที่ได้รับมา สิ่งนั้นต้องถูกเอาคืนไปจนหมด” เอาไปไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว กุสินาราเตือนเราถึงสิ่งเหล่านี้ได้ดี สีหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายของพระพุทธรูปบอกเราเป็นนัยว่า เมื่อมาก็ต้องไป อย่าไปอาลัยอาวรณ์อะไรมากนัก ส่วนสีหน้าที่อมยิ้มบอกเป็นนัยว่า ผู้ที่ปราศจากกิเลสแล้ว ข้ามมหาสมุทรแห่งสังสารวัฏได้แล้ว จึงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบานอย่างแท้จริง
อินเดียคือดินแดนแห่งความแตกต่าง มีมหาบุรุษและสตรีที่มีชื่อเสียงมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ที่ๆเราจะเห็นความทุกข์ได้ชัดที่สุด เห็นผู้ที่ตกต่ำและเห็นผู้ที่เสวยสุข มีผู้ที่มีอันจะกินและผู้ที่ไม่มีจะกิน มีมหาราชาและเหล่ายาจก ในถนนสายหนึ่งเราเห็นทั้งวัว ทั้งเกวียน ทั้งรถหรู รถบุโรทัง ทุกอย่างนั้นช่างคอนทราสต์กันในอินเดีย แต่ทุกชีวิตก็อยู่ร่วมกันได้ ถ้าใครอยากไปอินเดีย จงไปอินเดีย ถ้าใครไม่อยากไป ก็จงไปอินเดีย มีวันหนึ่งไกด์บอกฉันว่า “สิ่งใดที่หาได้ในโลกสิ่งนั้นมีในอินเดีย สิ่งที่หาไม่ได้ในส่วนอื่นของโลก สิ่งนั้นก็มีที่อินเดียเช่นกัน”
ปูน2XL
ปล.อินเดียในวันฟ้าใสที่แคชเมียร์
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย