Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สมุดบันทึกส่วนรวม
•
ติดตาม
17 พ.ย. 2021 เวลา 14:03 • ท่องเที่ยว
"Norway 5 days 4 nights"
.... ตามหัวข้อข้างบนนั้นเลยครับ.... นอร์เวย์ 5 วัน 4 คืน แต่หัก-ลบกลบค่าเสียเวลา การเดินทางวันไปและวันกลับที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืน เดินและนั่งรถยนต์และเครื่องบินรวมทั้งระหว่างรอขึ้นเครื่องแล้ว คงเหลือเวลาที่ได้ทำอะไรและไปไหนมาไหนได้จริง ๆ ในประเทศนอร์เวย์แค่เพียง 3 วันเท่านั้นไม่นับกลางคืน
.... ไปทำไม ไปทำอะไรที่นอร์เวย์?.... เป้าประสงค์หลักของการเดินทางไปนอร์เวย์ครั้งนี้ ก็เพื่อไปร่วมงานกฐินที่เมืองเอกเกอร์ซุน
โดยที่นอกจากจะมีเป้าหมายหลักอยู่ที่งานกฐิน แต่ผลพลอยได้ที่เกิดจากความจงใจก็คือการไปทำความรู้จักประเทศนี้ ไปศึกษาลักษณะภูมิประเทศของโลกใบนี้ในส่วนที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน.... บุญเราก็ตั้งใจเก็บเกี่ยวท่องเที่ยวเราก็ตั้งใจกอบโกย 555 ....ล้อเล่นครับ เดินทางไปต่างถิ่นแปลกที่ทั้งทีก็ควรจะไปศึกษาและทำความรู้จักเขาบ้างน่าจะเป็นเรื่องที่ดีมิใช่หรือครับ
ออกเดินทางจากเบอร์ลินตั้งแต่ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมาและไปถึงเอกเกอร์ซุนน่าจะราว 5 - 6 โมงเย็น ซึ่งท้องฟ้าที่นั่นมืดเหมือนเวลา 2 หรือ 3 ทุ่มเห็นจะได้ ....
ขออนุญาตไม่เล่าบรรยากาศวันงานและพิธีทอดกฐินนะครับเพราะคงมีรูปแบบและบรรยากาศไม่ต่างจากที่อื่น ๆ มากนัก แต่ขอเจาะจงไปที่วันก่อนหน้าและวันหลังจากงานกฐิน คือวันเสาร์ที่ 13 และวันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายนเลยนะครับ
วันเสาร์เราออกเดินทางเวลา 8 โมงเช้า โดยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะไปที่ Preikestolen หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Pulpit Rock เป็นหน้าผาที่ยื่นเป็นหิ้งหน้าตัดเรียบยื่นไปในอากาศสูงจากระดับน้ำทะเล 604 เมตร.... ตัวเลขดูไม่ค่อยสูง แต่ความหวาดเสียวนั้นเกินที่จะบรรยาย
การเดินทางไปยัง Preikestolen นั้น ไปโดยทางรถยนต์ แล้วนำรถขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก แล้วขับต่อไป จากนั้นเดินต่อด้วยเท้าไต่ไปตามความชันของภูเขาซึ่งบางช่วงเป็นทางเดินธรรมชาติ บางช่วงมีการทำเป็นขั้นบันได และบางช่วงเป็นทางเดินไม้ มีทั้งขึ้นและลงหลายรอบ และผ่านพื้นที่ชุ่มแฉะเป็นบางช่วง อารมณ์และบรรยากาศเหมือนลูกผสมระหว่างภูกระดึงและภูชี้ฟ้า ทางเดินเหมือนภูกระดึง และทัศนียภาพเหมือนภูชี้ฟ้า แต่ผู้ที่เคยไปภูกระดึงบอกว่า ภูกระดึงโหดกว่ามาก
แม้อุณหภูมิวันที่เดินจะอยู่ที่ 6 - 7 องศา แต่ไม่รู้สึกหนาว มีเหงือซึมสะด้วยซ้ำ ไปรู้สึกหนาวจนชาก็เมื่อไปถึงปลายทางนั่นแหละ หนาวจนสะท้านและมือชาเลยเชียว.... อยากให้มาเห็นด้วยสายตา เพราะไม่ว่าจะพยายามบรรยายอย่างไรก็ไม่ตรงกับความรู้สึก และแม้จะบันทึกภาพมาเป็นพยานหลักฐาน แต่ภาพที่บันทึกได้ก็ไม่สามารถถ่ายทอดความอลังการเท่าที่ตาเห็น
ระยะทางเดินเท้าจากจุดเริ่มต้นจนวนมาที่จุดเดิมหลังเสร็จสิ้นคือ 8 กิโลเมตร ไม่ได้รู้สึกเลยว่าไกล แต่เพราะรองเท้าที่ใส่เล็กและคับไปจนทำให้ ก้าวแต่ละก้าวนั้น ไม่องอาจสง่างามและเต็มก้าวอย่างที่ควรจะเป็น (มีคนให้ยืมรองเท้าสำหรับเดินขึ้นเขา)
.... การเดินทางในวันจันทร์ เราออกเดินทางแต่เช้าเช่นเดียวกับวันเสาร์ โดยในวันนี้เรามุ่งไปที่จุดใต้สุดของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งที่นี่มีประภาคารตั้งอยู่ มันเป็นประภาคารที่สวยงาม โดดเด่น และเข้ากับลักษณะพื้นที่อย่างกลมกล่อมลงตัว สวยกว่าประภาคารทุกที่ที่ผมเคยไปเยือนและเห็นมาก่อนหน้า .... ทว่าช่วงเวลาที่ไปมีละอองฝน ประกอบกับสายลมจากทะเลทำให้อากาศที่เย็นอยู่แล้ว เย็นหนักเข้าไปอีก
เป้าหมายแห่งที่ 2 ของการศึกษาภูมิประเทศของนอร์เวย์ในวันที่ 2 อยู่ที่ Brufjellhalene.... ก่อนไปไม่มีรายละเอียดเลยว่ามันคืออะไร เมื่อเห็นว่าหัวหน้าทีมเป็นผู้พาไปก็เห็นดีเห็นงามและเห็นด้วย.... ว่าอย่างไรว่าตามกัน เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย..... แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ ความคิดเกิดขึ้นมาในหัวเลย.... "ฉันมาทำอะไรเนี่ย"
ภาพคน 2 คน กระโดดกลางอากาศในช่องแสงสว่างรูปใบโพธิ์ คือภาพประชาสัมพันธ์สถานที่แห่งนี้.... โดยที่ปากทางเข้ามีหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นอาคารน่ารักสวยงามกระจายตัวอยู่ริมฝั่งน้ำ แต่จากจุดเริ่มต้นไปยังปลายทางนี่สิ ถ้ารู้แต่แรกคงไม่มาแน่นอน เพราะตั้งใจว่าวันก่อนเดินทางกลับเบอร์ลินจะไม่ซักผ้า....
การเข้าไปยังช่องแสงสว่างรูปใบโพธิ์ที่มีคนทำท่าโก้กระโดดกลางอากาศ ต้องเดินไปตามความลาดชันของภูเขาที่ชื้นแฉะ ลื่น และชัน มีหล่มโคลนเป็นช่วง ๆ และสิ่งที่ทำให้อยากจะตัดสินใจไม่ไปต่อ ก็คือจุดที่จะต้องโหนสลิงไปกับแง่งหิน และบันไดช่วงห่าง ๆ ที่ทำจากเหล็กฝังไปในหิน ลงไปตามความชันของหน้าผามีเปียกลื่น และมีน้ำตกไหลลงมาท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นนั่นแหละ .... เพราะเห็นว่าอันตรายเกินไป.... แต่เพราะเห็นว่าใคร ๆ ก็ลงไปหมด เราซึ่งอายุน้อยและ(น่าจะ)แข็งแรงที่สุดทำไมจะไม่ลง
มีความรู้สึกประหนึ่งว่า "คุณหลอกดาว" เกิดขึ้น เมื่อไปถึงยังเป้าหมายปลายทาง.... มุมกล้องบนภาพประชาสัมพันธ์คงทำให้ใคร ๆ หลายคนอยากมาที่นี่ เพื่อที่จะมาประจักษ์กับตัวเองว่า สิ่งที่เห็นจากภาพถ่ายกับสิ่งที่เห็นด้วยสายตาตัวเองนั้นมันช่างต่างกันยิ่งนัก
นึกว่าหลังจากถึงอุโมงค์รูปใบโพธิ์ แล้วจะมีทางเดินกลับอีกทางที่สะดวกสบายและปลอดภัยกว่า ที่ไหนได้ต้องปีนและไต่หน้าผาที่เดียวกับจุดที่ลงมา จะไม่ไปก็ไม่ได้เพราะไม่มีทางอื่นให้เลือก เว้นเสียจากโดดหน้าผาลงทะเลอ้อมไปยังจุดที่เริ่มเดินซึ่งไกลหลายกิโลเมตร
ขึ้นจากหน้าผาผ่านจุดที่อันตรายและหวาดเสียวที่สุด ฟ้าก็มืดเสียแล้ว มุดหมายสัญลักษณ์ที่บอกทางเดินเป็นช่วง ๆ เริ่มที่สังเกตุได้ยากและมองไม่เห็น.... นั่นเองจึงเป็นเหตุให้เราเดินหลงและกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ.... แต่ด้วยความที่ผมพอจะสังเกตุและจำภูมิประเทศช่วงขามาได้ และเห็นว่าคนนำทางกำลังพาหลง ก็เลยเปลี่ยนหน้าที่ จากเดิมที่อาสาอยู่ปิดท้ายคอยระวังหลัง มาเป็นคนเดินนำ เพื่อนำทุกคนกลับเข้าไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง เมื่อเห็นว่าถูกทางแล้ว จึงกลับไปอยู่ท้ายสุดเช่นเดิม ....เป็นเช่นนี้อยู่หลายรอบจนกระทั่งกลับออกมาถึงจุดเริ่มต้นได้อย่างปลอดภัย โดยที่หลายคนล้มลุกคลุกคลานหลายครั้งและเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน
1
แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการเดินทางในครั้งนี้ เพราะอันตรายเกินไป แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้ได้แง่คิดอะไรไม่น้อย อย่างน้อยก็ได้มีสติรู้ตัวว่า เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำอะไรจะนึกถึงแต่ความสนุก ความเพลินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความเหมาะสมทั้งของตัวเราเองและคนอื่น อีกประการก็คือ ในสถานการณ์ที่อยู่ท่ามกลางความเสี่ยง เราเลือกที่จะทำหน้าที่ระแวดระวังภัยให้ผู้อื่น ในขณะที่ผู้อื่นตัดสินใจผิด หรือกระสับกระส่ายโวยวาย เราเลือกที่จะนิ่ง และหาทางออกที่ถูกต้องให้กับหมู่คณะอย่างมีสติและปลอดภัย!
1
นอร์เวย์ ไม่มาไม่รู้ และถ้าไม่มาก็คงจินตนาการไม่ถูก
อ้อ ลืมไป มีอีกสถานที่หนึ่งที่ไปเยือนช่วงค่ำวันเสาร์ นั่นก็คือปฏิมากรรม "Three swords" ปฏิมากรรมโลหะรูปดาบ 3 เล่มขนาดใหญ่ ปลายดาบปักลงพื้น อยู่ที่เมือง Stravangar
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย