18 พ.ย. 2021 เวลา 04:45 • ไลฟ์สไตล์
อย่ากลัวที่จะเจอคนที่เก่งกว่า
1
ในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์เรานั้นไม่ว่าจะวัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน ยาวไปถึงจวบจนเราสิ้นลมหายใจ มีเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนต้องเคยพบเจอมาในชีวิต สิ่งนั้นคือ”คนเก่ง” คนเก่งในทีนี้ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในโลก ฉลาดที่สุดในโลก วิ่งไวที่สุดในโลก ยิงปืนแม่นที่สุด กล้ามใหญ่ที่สุด ที่กล่าวมาข้างต้นคือคนเหล่านั้นเก่งสุดยอดอยู่แล้ว แต่ผู้เขียนจะสื่อว่าคนเก่งไม่จำเป็นต้องเก่งขนาดนั้นเพราะคนเก่งนั้นขอแค่มีคุณสมบัติเดียวก็เป็นคนเก่งได้นั่นก็คือ...
เก่งมากกว่า”เรา” ใส่เครื่องหมายให้เข้าใจง่าย คนเก่ง>เรา ยกตัวอย่างว่าเราทำข้อสอบได้20คะแนนแต่เพื่อนทำได้21คะแนนเพียงเท่านั้นละครับ คำว่าเก่งกว่าจะถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับตัวเราทันที ซึ่งโดยสัญชาติญาณธรรมชาติของมนุษย์เราคงไม่อยากให้ใครมาเหนือกว่าตนเอง
เน้นตรงคำว่าสัญชาติญาณนะครับพจนานุกรมให้ความหมายไว้แบบนี้ครับ
สัญชาติญาณคือความรู้ที่มีมาแต่กําเนิดของคนและสัตว์ทําให้มีความรู้สึกและกระทําได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน
นั่นหมายความว่ามันคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่เกิดดังนั้นเมื่อเราเจอกับคนที่เก่งกว่าเราและยิ่งเราได้มีการแข่งขันกับคนที่เก่งกว่าไม่ว่าจะการงาน การเรียน กีฬา ผลที่ออกมาก็ตามสิ่งที่ควรจะเป็นคือคนเก่งต้องเหนือกว่าเสมอ ซึ่งทำให้เกิดสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคือความอิจฉา
“อิจฉา” มีความหมายตามพจนานุกรมว่า=เห็นคนอื่นได้ดีแล้วไม่พอใจ หรือน้อยเนื้อต่ำใจ อยากมี หรืออยากเป็นอย่างเขาบ้าง
อิจฉาเป็นสิ่งที่เราพบเจอได้ทุกวันครับไม่เราอิจฉาคนอื่น คนอื่นก็อิจฉาเราลองคิดทบทวนดูว่าในหนึ่งวันเรารู้สึกอิจฉาคนอื่นบ้างไหมเช่น เพราะอะไรเขาถึงมีเงินเยอะเพราะอะไรเราถึงไม่รวยแบบเขาบ้างนะ
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายๆคนเคยเป็น
จากที่กล่าวมาข้างต้นเหมือนกับผู้เขียนจะบอกแต่สิ่งที่ไม่ดีของการที่เราด้อยกว่าคนอื่นแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลยครับวันนี้ผมจะมาเปลี่ยนมุมมองให้กับผู้อ่านทุกท่านจากประสบการณ์และความคิดของผู้เขียนเอง ว่าควรทำอย่างไรเมื่อเจอคนที่เก่งกว่า
อย่างแรกเลยครับหยุด...
หยุดมองเขาเป็นศัตรู
อย่างแรกเลยเรามักจะมีอคติกับคนที่เป็นคู่แข่งเราหรือเก่งกว่าเรา การคิดแบบนี้นอกจากจะไม่ให้ประโยชน์อะไรแล้วกลับให้ผมเสียกับตัวเราเองที่จะต้องมาคอยจ้องจะเอาชนะเพียงอย่างเดียว เราจะทำทุกวิธีเพื่อเอาชนะให้ได้และไม่ใช่การง่ายที่จะเอาชนะคนที่เก่งใช่ไหมครับมันมีโอกาสที่จะพลาดจะแพ้ได้ยิ่งทำให้เรารู้สึกโกรธมากกว่าเดิมเมื่อมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวกับมันมักส่งผลไม่ดีนัก
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้เขียนรู้ว่าการอยากเอาชนะจนลืมตัวปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือความคิดนั้นส่งผลเสียมหาศาลคือตอนเล่นกีฬา มีอยู่วันหนึ่งผมเล่นฟุตบอล เมื่อเริ่มเล่นกันผมโดนเล่นงานชนิดที่ว่าภาษาชาวบ้านใช้คำว่าเละทะ
ผมรู้สึกหงุดหงิดมากรู้สึกว่าสู้ไม่ได้ผมยิ่งใส่อารมณ์เข้าไปในการเล่นเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์สำคัญต่อมาผมกระโดดสุดแรงเพื่อจะป้องกันเขาให้ได้ ปรากฎว่าด้วยความที่กระโดดแรงเกินไปจึงควบคุมทิศทางไม่ได้ศีรษะของผมและเขากระแทกกันอย่างจัง
ผมรู้สึกปวดหัวมากยกมือมาคลำบริเวณที่เจ็บพบว่าเลือดทะลักออกมาแล้ว
ใช่ครับผมหัวแตกจากการปะทะคู่แข่งก็บาดเจ็บเช่นกันผมจึงได้รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมไม่ควบคุมตนเองให้ดีทำให้เกิดสิ่งแย่ๆแบบนี้ขึ้น
หลังจากนั้นผมเปลี่ยนความคิดใหม่เมื่อเจอคนเก่งๆผมชอบที่จะไปแข่งกับเขาคราวนี้เรื่องของการเอาชนะไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับผมแล้ว ตอนนี้ผมอยาก”เรียนรู้”จากคนที่เก่งๆมากกว่าว่าเขาทำอย่างไรจึงพัฒนาตนเองได้ ขอคำแนะนำต่างๆมาปรับเป็นสไตล์เรา การยอมรับในความสามารถของผู้อื่นไม่ใช่เรื่องน่าอายครับ
หลังจากผู้อ่านได้อ่านบทความนี้จบแล้วอยากให้ลองมองไปที่คนที่เราเคยอิจฉาหรือคนที่เป็นคู่แข่งเราแล้วมาวิเคราะห์ดูครับว่าเราจะสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างจากพวกเขาหรือทางที่ดีเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนวคิดกันเลยยิ่งดีครับคุณอาจจะได้รู้ว่าเขาก็คิดว่าคุณเก่งกว่าเขาเหมือนที่คุณคิดว่าเขาเก่งกว่านั่นแหละ
อย่ามองว่าเขาคือคู่แข่งหากแต่เป็นแรงผลักดันซึ่งกันและกันทำให้ทั้งสองฝั่งไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน ชนะใจตนเองให้ได้ก่อน รู้จักยอม รู้จักให้ รู้จักแพ้ ใช้สมองความคิดและเหตุผลควบคุมตนเองอย่าให้อารมณ์ควบคุมร่างกายเราไปได้เป็นอันขาด
"ไม่มีชัยชนะครั้งไหนยิ่งใหญ่เท่าครั้งที่ชนะใจตนเอง"
Bank Terry
โฆษณา