18 พ.ย. 2021 เวลา 05:20 • ข่าว
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงความคืบหน้าล่าสุด วัคซีนของไทยจะสามารถฉีดให้ประชาชนได้ในกลางปี 2565
1
จากการที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ได้ริเริ่มทำการวิจัยพัฒนาวัคซีน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสุด และมักจะประสบความสำเร็จเฉพาะในประเทศรายได้สูงนั้น
1
โดยขณะนี้
มีการวิจัยค้นคว้าวัคซีนอยู่ 300 ชนิด
ทดลองในมนุษย์แล้ว 100 ชนิด
จดทะเบียนฉุกเฉิน 14 ชนิด
ใช้ทั่วไปในบางประเทศได้ 8 ชนิด
ซึ่งทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินวิจัยนับหลายหมื่นล้านบาทต่อโครงการ และเกิดขึ้นในประเทศร่ำรวยทั้งสิ้น
ไทยซึ่งเป็นประเทศรายได้ปานกลาง เมื่อตั้งต้นจะวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด จึงมีความคิดเห็น เชิงตั้งคำถามสงสัย ว่าจะทำได้และสำเร็จจริงหรือไม่
1
แต่ด้วยความที่ประเทศไทย แม้เป็นประเทศรายได้ปานกลางกำลังพัฒนา แต่ในเรื่องขององค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์นั้นอยู่ในขั้นสูง
จนขณะนี้ ไทยเรามีวัคซีนอยู่ 6 เทคโนโลยี ที่อยู่ในระหว่างการทดลองวิจัย
วันนี้ 18 พฤศจิกายน 2564 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดแถลงข่าว ความคืบหน้าของวัคซีนโควิดไทยคือ
วัคซีนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสองชนิด ได้แก่ เทคโนโลยี mRNA และเทคโนโลยีโปรตีนซับยูนิต (Protein subunit) โดยมีสาระสำคัญที่สมควรแก่การรับทราบและติดตาม ดังนี้
วัคซีน ChulaCOV-19 (mRNA) ของไทย จะสามารถฉีดให้กับประชาชนได้ในกลางปี 2565
และวัคซีนใบยาไฟโตฟาร์ม (Protein subunit)จะฉีดให้กับคนไทยได้ในปลายปี 2565
โดยวัคซีนเทคโนโลยี mRNA มีความคืบหน้า
ดังนี้
1
1) ทดลองในมนุษย์เฟส 2 เสร็จสิ้นแล้ว
2) จะเริ่มทดลองเฟส 3ในเดือนมกราคม 2565
3) การทดลองเฟส 3 จะเสร็จสิ้นในปลายเดือนมีนาคม 2565
4) จะสามารถนำมาฉีดในมนุษย์ได้กลางปี 2565
5) กำลังจะเริ่มทดลองวัคซีนรุ่นที่ 2 เพื่อรับมือไวรัสกลายพันธุ์ (ขณะนี้ทดลองอยู่ในหนู)
จุดเด่นของวัคซีน
1) ตัวหุ้มไขมันดีมากในระดับเท่ากับ Pfizer และ Moderna
2) สามารถเก็บรักษาได้ง่ายกว่า คือเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 3 เดือน ในขณะที่ของ Pfizer เก็บได้เพียง 1 เดือน
3) สามารถกระตุ้น T-cell ได้ดีมาก ร่วมไปกับการกระตุ้น B-cell ให้สร้างภูมิคุ้มกันได้สูงมากเช่นกัน
1
ส่วนวัคซีนของบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม ซึ่งเป็นโปรตีนซับยูนิต มีความคืบหน้าดังนี้
1) กำลังทดลองเฟส 1 ในมนุษย์
2) จะเริ่มทดลองเฟส 2ในเดือนหน้า
3) จะเสร็จสิ้นการวิจัย สามารถฉีดในมนุษย์ได้ ในปลายปี 2565
4) วัคซีนรุ่นที่ 2 เพื่อรองรับไวรัสกลายพันธุ์ จะเริ่มทดลองคู่ขนานในเดือนมกราคม 2565
จุดเด่นของวัคซีน
1) เป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ดี สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก
2) จะสามารถเป็นฐานเทคโนโลยี ในการพัฒนาวัคซีนตัวอื่นๆสำหรับโรคระบาดต่อไป รวมทั้งยารักษาโรคมะเร็งด้วย
ทั้งนี้งบประมาณในการวิจัยทดลองวัคซีน จนสามารถฉีดในมนุษย์ได้ ในต่างประเทศจะต้องใช้เงินในระดับหลายหมื่นล้านบาท
ส่วนของประเทศไทย โครงการวัคซีน mRNA ได้รับการอนุมัติเงินจำนวน 2300 ล้านบาท
ซึ่งจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายการทดลองในอาสาสมัครจำนวน 30,000 คน รวมถึงการจัดเตรียมวัสดุและการผลิตวัคซีนอีกนับล้านโดส
ในขณะที่วัคซีนของใบยาไฟโตฟาร์ม ได้รับกรอบอนุมัติ 1000 ล้านบาท โดยจะต้องทำการพิสูจน์ผลการวิจัยในเฟสสองให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ถึงจะสามารถเริ่มใช้กรอบ 1000 ล้านบาทนี้ได้
ในช่วงที่ผ่านมา งบประมาณแผ่นดินของประเทศ ใช้เป็นหลัก จำนวนสองในสาม และใช้เงินบริจาคจากประชาชนหนึ่งในสาม ในการพัฒนาเฟสหนึ่งและสอง
ส่วนการพัฒนาในเฟสสาม จะต้องใช้เงินมากกว่าหลายเท่าตัว รัฐบาลจึงจัดสรรงบประมาณจำนวนมากดังกล่าวมาให้
1
ซึ่งก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้ในการวิจัยวัคซีนของต่างประเทศ ซึ่งใช้สูงกว่าไทยนับหลายสิบเท่าตัว
ก็คงต้องชื่นชม ต้องให้กำลังใจ และต้องขอบคุณต่อ นักวิทยาศาสตร์ทีมงานทั้งหมด ผู้สนับสนุนต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัย รัฐบาล ประชาชน เอกชน ตลอดจนอาสาสมัครที่เข้ามาร่วมในโครงการ
ทำให้ไทยมีโอกาสที่จะยืนบนขาของตนเอง ทั้งในเรื่องวัคซีนโควิด-19 วัคซีนต่อโรคระบาดอื่นๆ และยารักษาโรคร้ายแรงอื่นๆในอนาคตต่อไป
Reference
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โฆษณา