18 พ.ย. 2021 เวลา 12:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หากจะลงทุนในหุ้น ทำไมต้องเข้าใจงบการเงินอย่างง่าย?
การลงทุนในหุ้นแม้จะดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องการลงทุนคงทำให้นักลงทุนหลายคนสับสนอยู่ไม่น้อย เพราะเป้าหมายของการลงทุนก็เพื่อหวังผลตอบแทนที่คาดหวังเอาไว้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าการลงทุนจะต้องเป็นแบบไหน มีความเสี่ยงหรือต้องคาดการณ์สิ่งใดบ้างในอนาคต
แน่นอนว่า การคาดการณ์อนาคตของการลงทุนย่อมเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นที่ใช้ บริษัทชอบ ก็อาจจะตามหาได้ยากเช่นกัน
และแม้ว่าเราสามารถคาดการณ์เทรนด์ในอนาคตได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าหุ้นที่ไปถืออยู่นั้น บริษัทเป็นผู้นำหรือผู้ตามตลาด ตลอดจนมีความสามารถในการเติบโตมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้น เครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่คอยติดตามหุ้นที่ได้ลงทุนไปนั้น นั่นคือ งบการเงิน โดยประกอบด้วยตัวเลขสารพัดในตารางเป็นจำนวนมาก ความน่าชวนปวดหัวก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเราไปนั่งพิจารณางบการเงินในบริษัทนั้นๆ ทั้งนี้ การดูงบการเงินก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเกินมากนัก หากเข้าใจธรรมชาติของงบการเงินว่าเป็นอย่างไรและต้องดูอะไรบ้าง
โดยปกติแล้ว งบการเงินจะประกอบด้วย 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ งบดุลหรืองบแสดงฐานะการเงิน, งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ, งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนผู้ถือหุ้น, งบกระแสเงินสด และหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งจะได้รับการตรวจทานจากผู้เชี่ยวชาญทางบัญชีอย่างสม่ำเสมอ
1
ซึ่งงบแต่ละตัวก็ล้วนมีความเกี่ยวข้องกัน เช่น หากบริษัทมีการเคลื่อนไหวของกำไร ขาดทุน ก็จะส่งผลให้งบการเงินเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน หรือหากมีกระแสเงินเข้ามาเพิ่ม งบกระแสเงินสดก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่เราอาจจะดูได้ว่าแนวโน้มการเติบโตของบริษัทนี้เป็นอย่างไรได้จากการเปลี่ยนแปลงของผลกำไรขาดทุนในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ ซึ่งสัดส่วนทางการเงินที่จะบอกได้ นั่นคือ กำไรต่อหุ้น (EPS)
1
หรือหากต้องการทราบความแข็งแกร่งของการดำเนินในอนาคต งบกระแสเงินสดก็จะเป็นเครื่องช่วยยืนยันว่าเงินสดในมือของบริษัทมาจากส่วนไหน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการดำเนินงาน ส่วนของกิจกรรมการลงทุนหรือจัดหาเงินมาเพิ่มเติม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องดีมากหากบริษัทมีงบกระแสเงินสดในมือจากการดำเนินงานและการลงทุน แต่หากได้มาจากการจัดหาเงินเพิ่มเติม ก็ต้องดูต่อไปว่านำเงินดังกล่าวไปลงทุนต่อยอดหรือไม่
สรุปแล้ว การดูงบการเงินจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าใจสถานะความมั่นคงทางการเงินของบริษัท รวมไปถึงรับรู้ว่ามีการเติบโตมากน้อยแค่ไหนด้วยเช่น ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างบริษัทอุตสาหกรรมเดียวกันได้
เพราะหากเปรียบเทียบแล้วในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต การเป็นเจ้าของหุ้นที่เป็นผู้นำตลาดย่อมได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผู้ตามตลาด หรืออาจจะเป็นผู้ตามตลาดที่กำลังจะก้าวไปสู่ผู้นำตลาดก็เป็นได้เช่นกัน
โฆษณา