19 พ.ย. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
" นาทีบาปของฝรั่งเศส "
โปรตุเกสของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดนเซอร์เบีย ทำแสบในนาทีสุดท้าย จากการโหม่งของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
1
ประตูชัยของทัพเซิร์บเกมนี้ ทำให้พวกเขาฉกตั๋วบินสู่กาตาร์ในปีหน้ามาจากมือโปรตุเกสแบบดื้อๆ ส่งผลให้โปรตุเกสต้องไปเล่นเพลย์ออฟแทน
เพลย์ออฟโซนยุโรป จะมีทั้งหมด 12 ทีม แบ่งเป็น 3 สาย สายละ 4 ทีม โดยแต่ละสายจะเตะน็อคเอาท์เอาแค่ทีมเดียวไปฟุตบอลโลก นั่นหมายความว่า โอกาสของโปรตุเกสคือ 1 ใน 4 เท่านั้น เป็นงานหนักไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี การพลาดหนนี้ ยังถือว่ามี"โอกาส" ให้แก้ตัว โดยที่ทุกอย่างอยู่ในกำมือของตัวเอง แม้จะยากสักหน่อยก็ตามที
เรื่องของการพลาดในช่วงท้ายเกม นาทีสุดท้าย หรือทดเจ็บ จนทำให้ชวดได้ไปฟุตบอลโลก คงไม่มีครั้งไหนที่แฟนๆ จะจดจำได้เท่ากับ ฝรั่งเศส และฟุตบอลโลก USA94 อีกแล้ว
ฟุตบอลโลก USA94 โควต้าของทีมจากยุโรป มีทั้งหมด 12 ทีม บวกกับอีก 1 ทีมเป็นโควต้าของแชมป์เก่า ซึ่งก็คือเยอรมัน
1
วิธีการเตะรอบคัดเลือกคือจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะคัดเอา อันดับ 1 และอันดับ 2 ได้ไปฟุตบอลโลกเลย ส่วนที่เหลือ "ตกรอบ" ไม่มีเพลย์ออฟใดๆ ทั้งสิ้น
1
ฝรั่งเศส อยู่ในรอบคัดเลือกกลุ่ม 6 ร่วมกับ สวีเดน, บัลแกเรีย, ออสเตรีย, ฟินแลนด์ และอิสราเอล
บทสรุปลงท้ายคือ สวีเดน และบัลแกเรีย ผ่านเข้ารอบ ขณะที่ฝรั่งเศส จบด้วยอันดับ 3 อดไปฟุตบอลโลกที่สหรัฐอเมริกา !
เกมที่ทุกคนจำได้คือเกมสุดท้ายเตะกันวันที่ 17 พฤศจิกายน 1993 หรือเมื่อ 28 ปีที่แล้วพอดี
1
ฝรั่งเศสเปิด ปาร์ก เดส์ แพร็งส์ รับการมาเยือนของ บัลแกเรีย
ก่อนแข่ง ฝรั่งเศสมี 13 คะแนน จาก 9 นัด (สมัยนั้นชนะยังได้ 2 คะแนน) ส่วน บัลแกเรีย มี 12 คะแนน จาก 9 นัดเท่ากัน
หมายความว่าฝรั่งเศสขอแค่ไม่แพ้ พวกเขาก็จะตามสวีเดนเข้ารอบไปทันที ตรงกันข้าม บัลแกเรีย ต้องการชัยชนะสถานเดียวเท่านั้นเพื่อแซงทีมตราไก่คว้าตั๋ว
เล่นในบ้านตัวเอง แฟนบอลมาเต็มสนาม และขอแค่ไม่แพ้ แต่ความคลาสสิกก็บังเกิด เอริค คันโตน่า อุตส่าห์พาทีมออกนำก่อนในนาทีที่ 31
แต่ก็นำได้ไม่นาน เอมิล คอสตาดินอฟ ก็ตีเสมอให้บัลแกเรียได้สำเร็จ
กระทั่งในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน เสมอกัน 1-1 ฝรั่งเศส ได้ฟรีคิกทางฝั่งขวา ลูกนี้ หากในปัจจุบัน เราคงเห็นการเล่นเพื่อฆ่าเวลา
1
แทนที่จะเน้นเล่นรัดกุมเพื่อยันผลเสมอ พอเตะฟรีคิกสั้น ดาวิด ชิโนล่า ตัวสำรองที่ลงมาได้ราว 20 นาที ก็อยู่ดีๆ ครอสบอลข้ามไปทางขวาดื้อๆ โดยตรงนั้นไม่มีนักเตะฝรั่งเศสอยู่สักคนเดียว
นาทีสุดท้าย แค่รักษาสกอร์ ครองบอลให้จบเกม ก็ไปบอลโลกแล้ว แต่ ชิโนล่า เปิดพลาดโดนบัลแกเรีย ที่ไม่มีอะไรจะเสีย บุกขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย บอลมาถึง เอมิล คอนตาดินอฟ คนเดิม ที่วอลเล่ย์เสยใต้คานเข้าไปอย่างเหลือเชื่อ
อารมณ์เดียวกับที่โปรตุเกสโดนเซอร์เบียพังประตูในนาทีบาปแบบนี้เลย
บัลแกเรีย ได้ไปบอลโลก ฝรั่งเศสตกรอบ ดาวิด ชิโนล่า โดนพายุคำด่ากระหน่ำใส่ หากเป็นปัจจุบัน รับรองว่าเขาต้องโดนไซเบอร์บุลลี่ จนทนไม่ไหวแน่
คนโฟกัสกันที่ "นาทีสุดท้าย" ของเกมกับบัลแกเรีย แต่ในความเป็นจริง ฝรั่งเศสผิดพลาดในนาทีบาปแบบนี้มาตลอด 3 นัดหลังสุดของรอบคัดเลือก
1
ความบรรลัยของพวกเขาเพียงถูกตอกฝาโลงด้วยประตูของบัลแกเรียในนัดที่ 10 ของรอบคัดเลือก แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาพลาดแบบเดียวกันนี้มาแล้ว
นัดที่ 8 ของพวกเขาออกไปเยือนสวีเดน อุตส่าห์ออกนำก่อนจาก ฟร้องค์ โซเซ่ แต่มาโดน มาร์ติน ดาห์ลิน กระทุ้งประตูตีเสมอในนาทีที่ 89 แต้มหายไป 1 แต้ม (จาก 2 เหลือ 1)
ถ้าย้อนไปดูลูกที่พวกเขาเสีย สวีเดน นั้นแทงยาวจากกลางสนาม ผ่านทั้งกองกลาง กองหลังจน มาร์ติน ดาห์ลิน หลุดเข้าไปยิงประตู มันคือความผิดพลาดของการยืนตำแหน่ง และการซักซ้อมในเกมรับที่ชัดเจนมาก
นัดที่ 9 เล่นในบ้าน หนนี้เจออิสราเอล นำอยู่ 2-1 มาโดนตีเสมอในนาทีที่ 83 แล้วพอนาทีที่ 90 มาโดน อิสราเอล ยิงแซง 3-2 แต้มหายไปอีก 1 แต้มดื้อๆ
มันคือการเล่นเกมรับที่หละหลวม ขาดความเป็นระบบระเบียบ และการไม่มีสมาธิในจังหวะนาทีสำคัญ สิ่งเหล่านี้ทำให้ฝรั่งเศสอดไปฟุตบอลโลก และเป็นสิ่งที่ฝรั่งเศสขาดหายไปตลอดในช่วงกลางทศวรรษที่ 90s
ทั้งที่เมื่อมองที่ขุมกำลัง ฝรั่งเศสยุคนั้นเต็มไปด้วยนักเตะระดับสตาร์ แข้งพรสวรรค์ล้นทีม นักเตะที่ทำงานหนักให้ทีมก็มี
ไล่มาตั้งแต่ โลร็องต์ บล็องก์, มาร์กแซล เดอไซญี่, ดิดิเย่ร์ เดช็องส์, เอมมานูเอล เปอตีต์, ฟร้องค์ โซเซ่, เรนัลด์ เปโดรส, ยูริ จอร์เกฟฟ์, ดาวิด ชิโนล่า, ฌอง ปิแอร์ ปาแป็ง และ เอริค คันโตน่า
1
ช่วงนั้น สวีเดน กับบัลแกเรีย ก็อยู่ในยุคพีคของพวกเขา แต่สำหรับฝรั่งเศสที่มีแข้งระดับท็อปคลาสเต็มทีม มันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเข้ารอบสุดท้ายสถานเดียว
หลังความผิดพลาดนี้กุนซืออย่าง เชราร์ อุลลิเย่ร์ ก็ตัดสินใจลาออก ก้าวลงจากตำแหน่งเพราะไม่สามารถนำทีมที่ "ควรจะ" เข้ารอบไปได้แบบไม่ยากเย็น ต้องตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก
สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส แต่งตั้งให้ เอเม่ ฌักเก้ต์ มือขวาของ อุลลิเย่ร์ ขึ้นมานั่งตำแหน่งเทรนเนอร์ "ชั่วคราว" ไปก่อน
แต่ก็ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของ ฌักเก้ต์ ในช่วงเกมอุ่นเครื่องหลายนัด ทำให้สมาคมตัดสินใจมอบสัญญาใหม่ แต่งตั้ง เอเม่ ฌักเก้ต์ เป็นกุนซือถาวรไปเลย
มันกลายเป็นการตัดสินที่ถูกต้องของสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส
ฌักเก้ต์ คิดใหม่ทำใหม่ เขารู้ดีว่าฝรั่งเศสมีนักเตะศิลปิน แต่การเล่นเป็นทีม การรวมเป็นหนึ่งมีน้อย เขาค่อยๆ ตัดชื่อพวกแข้งพรสวรรค์แต่ไม่เหมาะกับทีมและไม่มีวินัยในเกมออกไป
เขาค่อยๆ สร้างทีมที่เขาเชื่อใจขึ้นมาทีละนิด และให้นักเตะเหล่านี้เป็นแกนหลักยาวมาจนในที่สุด 4 ปีต่อมาฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพก็ได้แชมป์โลกสมัยแรกภายใต้การคุมทีมของ เอเม่ ฌักเก้ต์ นี่เอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา