19 พ.ย. 2021 เวลา 03:01 • ข่าวรอบโลก
ไม่เคยพูด ห้ามลูกสาวแต่งงานกับคนจน
หลังโลกโซเชียลแชร์ว่อนว่าเป็นคำพูดของ‘อีลอน มัสก์’
ที่แท้เป็นการถูกเขียนเติมแต่งคำพูด และเขาไม่มีลูกสาว
“My daughter cannot marry a poor man - ผมไม่สามารถให้ลูกสาวของผมแต่งงานกับผู้ชายจนๆ ได้” คำพูดนี้ถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง และมีผู้นำคำพูดนี้ไปพูดต่อในเชิงปลุกใจทำนองไลฟ์โค้ช โดยอ้างว่าเป็นคำพูดของ ‘อีลอน มัสก์’ เจ้าพ่อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla และจรวด SpaceX อภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ณ เวลานี้ ที่ในเนื้อความมีการบอกว่าถึงสาเหตุที่เขาถึงไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายจน เพราะความรวยความจนไม่ได้วัดจากคนที่มีเงินในบัญชีมากกว่ากัน แต่วัดว่าใครขยันมากกว่ากันที่จะนำไปสู่หนทางของความรวย
เปรียบเทียบเหมือนกับคนที่เป็นเศรษฐีข้ามคืนได้เพราะถูกลอตเตอรี แต่ถ้าบริหารจัดการเงินไม่เป็น ก็จะกลายเป็นคนจนอีกครั้งหลังจากนั้น 5 ปี
“ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ความมั่งคั่งไม่ได้หมายถึงการมีบัญชีธนาคารที่เยอะแยะ ความมั่งคั่งทที่แท้จริงคือความสามารถในการสร้างความมั่งคั่ง ยกตัวอย่างผู้ที่ถูกลอตเตอรี่หรือการพนัน ต่อให้ถูกหวย 100 ล้านก็ไม่ใช่คนรวย เขาเป็นคนจนที่มีเงินเยอะ นั่นเป็นเหตุผลที่ 90% ของเศรษฐีลอตเตอรีกลายเป็นคนจนอีกครั้งหลังจาก 5 ปี
คุณยังมีคนรวยที่ไม่มีเงิน ตัวอย่างผู้ประกอบการส่วนใหญ่ พวกเขาอยู่บนเส้นทางสู่ความมั่งคั่งแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเงินก็ตาม เพราะพวกเขากำลังพัฒนาความฉลาดทางการเงินและนั่นคือความมั่งคั่ง
คนรวยกับคนจนต่างกันอย่างไร? พูดง่ายๆ คือ คนรวยอาจทำทุกอย่างแบบถวายชีวิตเพื่อไปให้ถึงความรวย ในขณะที่คนจนจะฆ่าผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองรวย
ถ้าคุณเห็นคนหนุ่มสาวที่ตัดสินใจฝึกฝน เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่พยายามปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ให้รู้ว่าเขาจะเป็นคนรวย
ถ้าคุณเห็นคนหนุ่มสาวที่คิดแค่ว่าปัญหาคือรัฐ และใครที่คิดว่าคนรวยล้วนเป็นหัวขโมยและวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอดเวลา ให้รู้ว่าเขาเป็นคนจน
คนรวยเชื่อว่าเขาแค่ต้องการข้อมูลและการฝึกฝนเพื่อที่เขาจะได้โผบินไปหาความร่ำรวย แต่คนจนคิดว่าคนอื่นต้องให้เงินพวกเขาเพื่อที่จะรวย
สรุปว่าเมื่อผมบอกว่าลูกสาวจะให้ไม่แต่งงานกับคนจน ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องเงิน ฉันกำลังพูดถึงความสามารถในการสร้างความมั่งคั่งในตัวผู้ชายคนนั้น
นี่เป็นเพียงบางตอนของเนื้อบทความที่แชร์ๆ กัน และแน่นอนว่าคำพูดนี้พออ่านแล้วก็ดูดีไม่น้อย เหมือนเป็นการกลั่นกรองมาจากมันสมองของผู้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งบนโลกยุคนี้
แต่จากการตรวจสอบข้อมูลจากหลายๆ แหล่งพบว่า นี่ไม่ใช่คำพูดของมัสก์ เขาไม่เคยพูดคำเหล่านี้ออกมาแม้แต่ครั้งเดียวบนเวทีการเสวนาเกี่ยวกับการลงทุนและการเงินในสหรัฐฯ แต่คำพูดเหล่านี้ถูกเขียนเติมแต่งเข้าไปโดยนำคำพูดคมๆ ของใครหลายคน รวมทั้งประโยคสวยๆ จากหนังสือมาเขียนใหม่ และโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดียว่าเป็นคำพูดของอภิมหาเศรษฐีคนนี้
1
คำพูดเหล่านี้มีเพียงสื่อที่เป็นพวกเว็บไซต์คลิกเบต หรือพวกเว็บไซต์ที่ไม่ได้มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนเท่านั้น ที่นำเสนอบทความดังกล่าว ส่วนสื่อกระแสหลักเคยมีการนำคำพูดนี้มารายงาน แต่สุดท้ายเมื่อตรวจสอบว่าเป็นการแต่งเติมคำพูด ก็มีการลบบทความนั้นออกไป
คำพูดนี้มีแทบจะทั่วไปในบทความและวิดีโอมากมาย แต่ไม่มีที่ไหนเลยที่พวกเขาอ้างว่าเป็นมัสก์
มีคำพูดบางส่วนก็ไปหยิบเอามาจากนิตยสาร Frobs ได้อ้างถึงคำพูดที่ว่า "ความมั่งคั่งคือสภาวะของจิตใจ" ที่เป็นของกวีชาวอังกฤษ เอ็ดเวิร์ด ยัง
อีกข้อความที่ตัดตอนมาจากโพสต์ไวรัลคือ "90% ของคนที่กลายเป็นเศรษฐีจากการถูกลอตเตอรี จะกลับไปเป็นคนจนอีกครั้งหลังจาก 5 ปี" พบมีข้อความที่คล้ายกันซึ่งระบุว่า "ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ที่ถูกลอตเตอรี่หรือได้รับโชคลาภก้อนโต ต้องล้มละลายภายในเวลาไม่กี่ปี" ในรายงานของ "The Washington Post" ซึ่งข้อความดังกล่าวมาจากการบริจาคเงินเพื่อการศึกษาทางการเงินแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา
ไม่ใช่แค่อีลอน มัสก์ เท่านั้นที่ มีคนแต่งเติมคำพูดสวยหรูนี้ให้ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยพูด เพราะคำพูดแบบเดียวกันเป๊ะนี้ก็เคยถูกอ้างว่าเป็นคำพูดของบิล เกต มหาเศรษฐีและผู้ก่อตั้ง Microsoft ด้วยเช่นกัน
ศูนย์ต่อต่อต้านข้าวปลอม ของสำนักข่าว India Today (AFWA) รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังโฆษกมูลนิธิ Bill & Melinda Gates ถึงคำพูดดังกล่าวนี้ ซึ่งทางมูลนิธิยืนยันว่า คำพูดไวรัลนี้บิล เกต ก็ไม่เคยพูดออกมาเช่นกัน
ที่สำคัญคือทั้ง อิลอน มัสค์ ไม่มีลูกสาว
โดย มัสค์ มีลูกชาย 5 คน กับภรรยาคนแรก คือ กริฟฟิน ซาเวียร์ เดเมียน แซกซอน และไค
เมื่อปีที่แล้ว เขาและไกรมส์ แฟนสาวคนล่าสุด ได้ต้อนรับเด็กทารกที่ตั้งชื่อว่า X Æ A-Xii ลูกคนแรกของเขาและเธอ ซึ่งแน่นอนว่าก็ยังเป็นเด็กผู้ชายเหมือนเดิม
อย่างไรก้ตามในเดือนกรกฎาคมปีนี้ มัสค์ได้แสดงความหวังว่า ลูกคนต่อไปของเขาจะเป็นเด็กผู้หญิงบ้าง เพราะตอนนี้มีแต่ลูกผู้ชายเต็มบ้านหมดแล้ว
คนเราโดนหลอกกันเยอะบนโซเชียล ฉะนั้นก่อนจะแชร์ต้องตรวจสอบว่าเรื่องที่แชร์นั้นจริงหรือไม่ เพราะบางคนดูฉลาด มีการศึกษา แต่ก็ยังแชร์ข้อมูล Fake News บ่อยๆ หรือบางคนรู้อะไรมาเพียงแค่กระพี้เดียว แต่ก็พูดแสดงความเห็นเหมือนตัวเองรู้ลึกรู้จริง ซึ่งนี่คือปัญหาบนโลกโซเชียลที่เต็มไปด้วยคนที่อยากแต่จะพูดให้คนอื่นฟัง แต่ไม่ไม่หาข้อมูลจริงจังก่อนพูด
แหล่งอ้างอิง
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
โฆษณา