Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชายขี้เล่า Story
•
ติดตาม
20 พ.ย. 2021 เวลา 19:31 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยายผี ศึกงูสมิงคืนป่าแตก
นามปากกา : สมิงหนุ่มดำรง
พรานสิงห์ชายผู้เจนจัดครบเครื่องเรื่องการท่องไพร ล่าสัตว์ หาของป่า ปรุงยาสมุนไพร จัดเป็นพรานฝีมือดีที่หาตัวได้ยาก เขาครองตัวเป็นโสดและพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวป่าเป็นคนดีมีฝีมือทุกคนต่างชื่นชมในความเก่งกาจของเขาเวลามีเรื่องเดือดร้อนมักเป็นที่พึ่งพาช่วยเหลือให้กับคนอื่นเสมอ.
วันหนึ่งพรานสิงห์ได้ออกไปหาของป่าตามปกติด้วยหน้าไม้คู่ใจโดยคิดว่าวันนี้จะหาไก่ป่าสักสองตัวไปทำอาหารเย็น ระหว่างกำลังเดินทางอยู่นั้นเขาได้ยินเสียงเด็กร้องดังขึ้นกลางป่า “ช่างน่าแปลกเสียจริงเสียงเด็กที่ไหนมาร้องกลางป่าแบบนี้”....
พรานสิงห์ค่อยๆเดินไปดูตามเสียงที่ได้ยิน เขาได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางบาดเจ็บหนักมีบาดแผลที่ดูเหมือนถูกยิงด้วยกระสุนปืน เธอมีเครื่องแต่งกายเหมือนคนจากที่อื่นมีเสื้อผ้าที่ดูสวยงามแตกต่างจากชุดผู้หญิงชาวป่าในหมู่บ้านของเขา หญิงสาวคนนั้นเมื่อเห็นพรานสิงห์เธอจึงพยายามพูดบางอย่าง แต่กลับเป็นภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนจะเป็นคนมาจากแถวชายแดนที่หนีภัยสงครามมารึเปล่านะ พรานสิงห์ได้แต่คิดในใจ เพราะช่วงนี้บริเวณพื้นที่ชายแดนมักมีเสียงปืนยิงสู้รบกันประปราย
“น้องสาว! ทำใจดีๆไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้” พรานสิงห์พูดบอกกล่าวหญิงสาวคนนั้นโดยหวังว่าเธอจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดพลางนำผ้าเตรียมจะพันแผลห้ามเลือดเอาไว้….
หญิงสาวส่ายหน้าคล้ายบอกว่าไม่ต้องช่วยเธอ แต่ชี้ไปที่พุ่มไม้ใกล้เหมือนต้องการให้พรานสิงห์ไปดูตรงนั้น
พรานสิงห์แปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เดินไปดูทิศทางที่ผู้หญิงคนนั้นชี้ ที่บริเวณพุ่มไม้นั้นมีศพผู้ชายและเด็กผู้หญิงอีกคนนอนเสียชีวิตอยู่ดูจากบาดแผลน่าจะถูกยิงมาเหมือนกัน และใกล้ๆกันนั้นมีสิ่งที่ดูเหมือนตะกร้าสานขนาดใหญ่ข้างในมีเด็กทารกสามคน เป็นเด็กผู้ชายสองคน และเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งคน เขาคิดว่าเด็กสามคนนี้คงจะเป็นลูกผู้หญิงคนนั้น หรือไม่ก็คงเป็นญาติพี่น้องที่หนีตายจากสงครามมาด้วยกัน เขาจึงแบกตะกร้าสานที่มีเด็กทารกแล้วเดินมาหาหญิงที่นอนบาดเจ็บก่อนหน้านี้..
“เฮ้ย… หายไปไหนแล้ววะ น้องสาว เอ็งอยู่ที่ไหน” พรานสิงห์รู้สึกแปลกใจมากเมื่อกลับไปดูอีกทีก็ได้พบว่าหญิงสาวที่นอนบาดเจ็บหนักปางตายหายไปแล้ว โดยที่ไม่มีเสียง ไม่มีแม้แต่คราบเลือด หรือรอยเท้า
“ออ…. กุน…. ออ… กุน...” เสียงหญิงสาวพูดดังช้าๆดังขึ้นจากข้างหลังพรานสิงห์
เมื่อพรานสิงห์หันหลังกลับไปดูจึงได้พบหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง ในสภาพที่กำลังยืนตัวตรงโดยที่มีสีผิวขาวซีด บริเวณร่างกายช่วงท้องเผยให้เห็นบาดแผลถูกยิงหลายแห่ง บางจุดแผลลึกจนมองเห็นว่ามีก้อนเนื้อไหลออกมาจากรอยยิงกระสุนปืน เธอกำลังจะพูดอีกครั้งแต่เหมือนร่างกายไม่สามารถทำได้ การพูดจึงกลายเป็นการสำรอกบางอย่างออกมา แต่สิ่งที่ออกมานั้นไม่ใช่เศษอาหาร แต่เป็นลิ้นที่ยาวเกือบถึงเอวพร้อมกับดวงตาที่ตาถลนออกมาจากเบ้าที่เต็มไปด้วยเลือด.
พรานสิงห์รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คนแน่นอน เขาเป็นพรานป่ามานาน พอมีวิชาอาคมติดตัวและเคยเห็นวิญญาณคนตายมาบ้างจึงไม่ได้มีความกลัวกับสิ่งที่เห็น หญิงสาวคนนี้ได้ตายไปนานแล้ว คงเป็นห่วงเด็กทั้งสามคนจึงได้ดลจิตดลใจให้ตัวเขาได้ยินได้พบได้เจอและช่วยเหลือเด็กทั้งสามเอาไว้.
“น้องสาว… เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เด็กสามคนนี้ฉันจะช่วยดูแลเอาไว้เอง ฉันสัญญาจะรักและเลี้ยงให้เหมือนลูก” พรานสิงห์กล่าวออกไปพร้อมกอดตะกร้าที่มีเด็กทารกทั้งสามเอาไว้…
หญิงสาวเหมือนจะเข้าใจภาษาที่พรานสิงห์พูด เธอร้องไห้ทั้งที่ตาถลนลิ้นจุกปากแบบนั้น แล้วร่างกายที่น่าเวทนาก็ค่อยจางหายไปช้าๆ
พรานสิงห์ได้แต่มองดูด้วยความสงสารจับหัวใจ หญิงสาวคงเป็นแม่ของเด็กทั้งสามอย่างแน่นอน มองดูจากสภาพรอบๆพอจะคาดเดาได้ว่าทุกคนนำเด็กไปซ่อนใกล้ๆและถูกฆ่าตายที่นี่ มันคือการสังหารหมู่ทั้งครอบครัว สงครามช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก เขาพาเด็กทั้งสามคนกลับไปที่หมู่บ้านในเย็นวันนั้น
พรานสิงห์ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้คนในหมู่บ้านฟัง ทุกคนต่างคิดเห็นตรงกันว่าควรช่วยเด็กพวกนี้ไว้ พรานสิงห์กลายเป็นของเด็กทั้งสามคนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คอยเลี้ยงดู หาอาหาร ให้ความรักเปรียบเสมือนลูกแท้ และได้ตั้งชื่อให้เด็กทั้งสามคนดังนี้ เด็กชายคนแรกชื่อดำ เด็กชายคนที่สองชื่อนิล เด็กผู้หญิงชื่อว่าบัว.
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายปี เด็กทั้งสามเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มสาวเต็มตัว ดำเป็นชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ นิสัยร่าเริง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน และยังชอบการท่องป่าล่าสัตว์เช่นเดียวกับพรานสิงห์ ส่วนนิลเป็นชายรูปร่างผอมชอบเก็บตัวเงียบๆไม่ค่อยคุยกับใคร บัวกลายเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยจนหนุ่มๆหลายคนต่างพากันจ้องมองอย่างไม่ละสายทุกครั้งที่พบเห็น
วันหนึ่งพรานสิงห์เรียกลูกทั้งสามให้มาพูดคุยกัน เรื่องที่เขาจะบอกก็คือ ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับการเรียนรู้วิชาอาคมสำหรับการเอาชีวิตรอดในป่า ทั้งสามคนสามารถเรียนรู้อาคมที่สอนให้ได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับคนที่มีพรสวรรค์ โดยเฉพาะดำเขาดูเป็นคนที่ฝึกศาสตร์วิชาอาคมได้ทุกแขนงในระดับสูงสุดจนกล่าวได้ว่าเขาเก่งกาจกว่าพรานสิงห์ไปแล้ว หรือจะเรียกว่าเป็นจอมขมังเวทย์ที่ดีที่สุดในหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
ด้วยความสามารถของดำ ในเย็นวันเย็นวันหนึ่ง พรานสิงห์ได้ตัดสินใจมอบตำราวิชาเสือสมิงให้และบอกเอาไว้ว่า…. “นี่คือสุดยอดวิชาที่จะทำให้เอ็งเป็นยอดคนเป็นราชาแห่งผืนป่า สิ่งนี้พ่อได้รับมาจากพรานป่ารุ่นก่อน ตัวพ่อไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้ได้เพราะไม่มีตบะเก่งกล้าเท่าลูก อย่าใช้มันถ้าไม่จำเป็น และที่สำคัญห้ามฆ่าคนเป็นอันขาด เอานี่พ่อให้ลูก รับไปสิ”
“ฉันจะดูแลตำรานี้เป็นอย่างดีเลย ฉันสัญญา” ดำยกมือไหว้พ่อและรับตำราวิชาเสือสมิงไว้ในมือ
“ดีมากลูก พ่อเองก็แก่มากแล้ว หากพ่อตายจากไปแล้วจะได้ฝากฝังให้ลูกช่วยดูแลหมู่บ้านนี้ได้อย่างสบายใจ” พรานสิงห์ลูบหัวดำลูกชายอย่างภาคภูมิใจ พลางคิดว่าโชคดีเหลือเกินที่เขาได้ดำเป็นลูก
เหตุการณ์ทั้งหมดถูกแอบดูโดยนิลลูกชายอีกคนที่เฝ้ามองทุกอย่าง ความรู้สึกอิจฉาเข้าครอบงำ นิลคิดว่าตัวเองเหมาะที่จะได้ตำราเสือสมิงมากกว่าดำ เขามั่นใจตนเองมีวิชาอาคมที่แกร่งกล้ากว่าดำหลายเท่า
“ไอ้ดำ มึงอย่าหวังเลย วิชาเสือสมิงต้องเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว ต่อให้ต้องฆ่ามึง กูก็จะทำ...” นิล พูดออกมาเบาๆในลำคอด้วยความโกรธจัด…
นับตั้งแต่วันนั้น นิลได้เข้าท้าทายกับดำ และบอกอีกว่าเขารู้เรื่องที่พ่อให้ตำราวิชาเสือสมิง โดยที่ถ้าดำแพ้จะต้องยอมมอบตำรานั้นมาให้กับตนเอง ทางด้านดำมองว่านิลเป็นคนใจร้อนจิตใจไม่มั่นคงหากได้วิชาเสือสมิงไปครอบครองอาจจะควบคุมไม่ได้และเป็นอันตราย จึงเลือกที่จะไม่ให้ตำรานี้กับนิล ทั้งสองเข้าประลองกันหลายครั้ง ทั้งหมัดเชิงมวย และวิชาอาคม แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่านิลกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกครั้งสร้างความเจ็บแค้นใจเป็นอย่างมาก ส่วนบัวที่เปรียบเสมือนน้องสาวคนเล็กพยายามห้ามปราบพี่ชายทั้งสองไม่ให้ต่อสู้กับแต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ.
นิลแยกตัวไปอยู่คนเดียวที่กระท่อมหลังหมู่บ้าน เริ่มฝึกอาคมให้มากขึ้นเพื่อหวังที่จะเอาชนะดำและแย่งตำราวิชาเสือสมิงมาเป็นของตัวเองให้ได้ เขาเริ่มหมกหมกมุ่นกับไสยเวทอย่างหนักจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไม่กินอาหารเหมือนคนปกติ แต่ชอบของดิบ จนบางครั้งแอบไปขโมยไก่ของชอบบ้านมาหักคอกินเป็นอาหาร
เริ่มมีผู้คนพบเห็นว่านิลกำลังกินไก่และสัตว์ที่เลี้ยงไว ผู้คนเริ่มพากันหวาดกลัวและได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้พรานสิงห์ทราบ ทุกคนต่างมาประชุมรวมกันเพื่อหาทางออกแก้ไขเรื่องน่ากลัวที่กำลังเกิดขึ้นในหมู่บ้าน เพราะกลัวว่าหากปล่อยให้นิลกินสัตว์ที่เลี้ยงไว้จนหมด อีกหน่อยอาจจะหันมากินเด็กเล็กคนอื่นก็เป็นไปได้.
พรานสิงห์หลังได้รับรู้เรื่องทั้งหมด เขาได้มีสีหน้าที่วิตกกังวลเป็นอย่างมาก และได้พูดเรื่องน่ากลัวออกมา “บางทีตอนนี้ ไอ้นิลมันอาจจะกลายเป็นปอบไปแล้ว คงเป็นผลจากการที่มันชอบลองวิชาหลายอย่างโดยที่ไม่ระวังข้อห้ามจนทำให้ของเข้าตัว”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีพ่อ ปล่อยไว้แบบนี้ไอ้นิลมันต้องกินสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านจนหมดแน่ๆ” ดำพูดขึ้นด้วยท่าทางที่เป็นห่วงทุกคน
“ดำ เอ็งใจเย็นก่อน เดี๋ยวพ่อจะลองคุยกับมันดูยังไงนิลมันก็เป็นลูกของพ่อคนนึงเหมือนกัน” พรานสิงห์คิดว่าถึงนิลจะเป็นปอบแต่อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเขาก็รักนิลเหมือนลูกคนอื่น
“งั้นฉันขอไปกับพ่อด้วย มีอะไรพวกเราจะได้ช่วยกัน” ดำอาสาจะไปพรานสิงห์
ไม่ได้หรอก ปอบมีวิชานะมันอันตรายกว่าปอบทั่วไปมาก หากพลาดท่าเราทั้งคู่อาจจะตายได้ อย่างน้อยให้พ่อลองคุยกับไอ้นิลมันดูก่อน ถ้าโชคดีถ้ามันฟังที่พ่อพูดคงไม่ต้องทำร้ายกันจะได้หาทางรักษามันทีหลัง อีกอย่างพ่ออยากให้มีคนดูแลข้างในหมู่บ้านเพื่อมันแอบมากินสัตว์อีก เชื่อพ่อเถอะนะ...” พรานสิงห์ กล่าวกับลูกชายให้เข้าใจถึงเหตุผลของตัวเองจนในที่สุดดำต้องยอมรับและปล่อยให้พ่อไปคนเดียว
หลังได้ข้อสรุปแล้ว ในคืนวันนั้นพรานสิงห์ตัดสินใจเดินทางไปที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านด้วยตัวคนเดียว โดยมีเป้าหมายคือการพูดคุยกับนิลเพื่อขอให้หยุดกินสัตว์เลี้ยงของคนในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงแล้วเขาได้พบว่ารอบๆที่อยู่ที่แต่กลิ่นคาวเลือดเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเศษซากศพสัตว์มากมายไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ หมา แมว ถูกกัดเครื่องในจนหมด เขาได้แต่รู้สึกหวาดระแวงกับสิ่งที่เห็นไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือฝีมือลูกชายของตัวเอง
“พ่อ! มาหาฉันรึเปล่า กลิ่นมนุษย์มันโชยมานะ ฉันฝึกอาคมจนสามารถแยกกลิ่นสัตว์ได้ออกหมดทุกชนิดแล้ว” เสียงของนิลพูดดังขึ้นจากข้างหลังพรานสิงห์
“นิล เอ็งเป็นปอบแล้วใช่มั้ย หยุดกินของพวกนี้เถอะมันจะทำให้เอ็งกลายเป็นบ้า ดูตัวเองสิวิชาที่เรียนมาเสื่อมถอยหมดแล้ว เอ็งต้องเลิกเล่นคุณไสยและกินของดิบให้หมด กลับมากับพ่อตอนนี้จะหาทางรักษาเอ็งให้...” พรานสิงห์พยายามเจรจาเพื่อหวังว่านิลจะเห็นแก่ความเป็นพ่อลูกกัน
“รักษาเหรอ ไม่จำเป็นหรอก พ่อดูฉันสิ ฉันรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตสัตว์พวกนั้นกำลังไหลมารวมที่ร่างกาย ถ้าเป็นฉันตอนนี้ชนะไอ้ดำได้แน่ ยิ่งถ้าได้ตำราวิชาเสือสมิงของไอ้ดำมาอีกในป่านี้คงไม่มีใครแกร่งกว่าฉันผู้นี้อีกแล้ว...” นิล พูดขึ้นพร้อมยืดอกเผยให้เห็นร่างกายอันซูบผอม ใบหน้าเหี่ยวแห้งเหมือนคนแก่ และมีตุ่มน้ำหนองน้ำเหลืองขึ้นตามตัวคล้ายกับคนป่วยเป็นโรคร้ายแรง
“ทั้งหมดที่เอ็งเป็นแบบนี้ เพียงแค่ต้องการตำราวิชาเสือสมิงเท่านั้นเองรึ เอ็งจะทำร้ายตัวเองแบบนี้ทำไม ที่พ่อไม่ให้เอ็งเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เอ็งในตอนนี้ควบคุมวิชาเสือสมิงไม่ได้หรอก” พรานสิงห์พยายามเรียกสติลูก
“มันไม่เกี่ยวแล้ว พ่อไว้ใจไอ้ดำมากกว่าฉัน ฉันเบื่อที่จะคุยแล้ว จะว่าการกินสัตว์พวกนี้ถ้ามันทำให้ฉันแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้ แล้วถ้ากินคนละ โดยเฉพาะคนที่มีวิชาอย่างพ่อจะทำให้ฉันมีอำนาจมากขึ้นขนาดไหน ฮ่าๆ” นิลมองมาที่พรานสิงห์และแยกเขี้ยวแหลมคมใส่ เผยให้เห็นว่าตัวเขาในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
“นิลเอ้ย เอ็งเป็นลูกของพ่อ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะสู้กับเอ็ง แต่เอ็งมันโลภมากเกินไปไม่รู้จักพอ ไม่ประมาณตนเอง ชีวิตของเอ็งถ้าต้องตายก็ขอให้ตายด้วยมือพ่อนี่แหละ” พรานสิงห์หยิบมีดปลุกเสกลงอาคมออกมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น พรานสิงห์วิ่งเข้าหานิลพร้อมกับใช้มีดแทงไปที่หน้าอกอย่างแรง แต่ว่าผิวหนังของนิลในตอนนี้กลับแข็งจนมีดแทงไม่เข้า พรานสิงห์ตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น นิลอาศัยจังหวะช่วงที่ผู้เป็นพ่อกำลังตกตะลึงใช้เล็บแหลมแทงไปที่หัวใจและขยำควักหัวใจออกมา ส่งผลให้พรานสิงห์ถึงแก่ความตายทันทีอย่างรวดเร็ว
“พ่อ… ดูนี่สิ สดๆจากอกเลย หัวใจของพ่อฉันขอกินนะ ไปสำนึกผิดในนรกแล้วกันที่ไม่ยอมมอบสุดวิชาให้กับฉันผู้นี้ ฮึๆๆๆ...” นิลหยิบหัวใจของพรานสิงห์กัดกินด้วยความเอร็ดอร่อย เลือดสดไหลออกมาจากก้อนเนื้อเมื่อกระทบฟันอันแหลมคมที่กดลงบนหัวใจที่ยังขยับอยู่ไปมา.
“ดำเริ่มเป็นห่วงพ่อที่ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาสักทีจึงตัดสินใจออกไปตามหาที่กระท่อมหลังหมู่บ้าน และเมื่อมาถึงจึงพบว่าพ่อของตนเสียชีวิตแล้ว และภาพที่เห็นตอนนี้นิลที่มีสภาพเหมือนอมนุษย์กำลังดึงไส้กระชากออกมาจากท้องของพรานสิงห์และกัดกินอย่างหิวโหย…
“ไอ้นิล มึงฆ่าพ่อสิงห์ทำไม ไอ้เนรคุณ พ่อเลี้ยงพวกเรามานะ ไอ้ชั่ว” ดำพูดด้วยความโกรธทั้งน้ำตาที่เห็นพ่อต้องมาตายต่อหน้าด้วยฝีมือพี่น้องของตัวเอง
“ไอ้ดำ มึงมาก็ดีแล้ว ส่งตำราวิชาเสือสมิงมาให้กู อย่าให้กูต้องฆ่ามึงอีกคน กูในตอนนี้กินเนื้อผู้มีวิชาจนกลายเป็นยอดคนจอมขมังเวทย์ มึงสู้กูไม่ได้หรอก รีบส่งมาเดี๋ยวนี้...” นิลข่มขู่ดำด้วยความมั่นใจในพลังของตัวเอง รวมถึงการกินผู้มีวิชาทำให้รู้สึกได้ถึงกำลังวังชาและพลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล
“กูไม่มีอะไรจะให้มึงทั้งนั้น ตำรากูเผาทิ้งหมดแล้ว ทุกอย่างในนั้นกูเรียนรู้มาพอแล้ว เหลือแค่ปลดปล่อยใช้มันเพื่อฆ่ามึงในวันนี้ ถ้าอยากได้วิชานี้มึงก็จงเอาชนะกูให้ได้” ดำบริกรรมคาถาอย่างรวดเร็วด้วยจิตใจที่โกรธแค้น แววตาเปลี่ยนเป็นสีอำพัน ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น เปลี่ยนจากคนกลายเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่เท่าวัวที่ตัวโตเต็มวัย…
“ไอ้ดำ! นี่มึงสำเร็จวิชาเสือสมิงแล้วเหรอ ไอ้เวรเอ้ย…” นิล ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาสัมผัสได้ถึงพลังความแตกต่างกันที่มีอย่างมีมากมาย
เสือสมิงดำกระโดดพุ่งเข้าตะปบร่างของนิลอย่างรวดเร็ว และด้วยพละกำลังอันมหาศาลทำให้ไม่สามารถดิ้นหลบหนีไปจากกรงเล็บเสือสมิงที่กำลังขึงร่างกายอยู่ตอนนี้ได้ เสือสมิงดำกัดไปสะโพกฉีกเนื้อออกจนเลือดพุ่งออกมาเป็นฝอยละอองน้ำ…
“อย่าๆ ไอ้ดำ กูเจ็บ กูกลัว กูแพ้มึงแล้ว ปล่อยกูไปนะ…” นิลขอร้องชีวิตกับเสือสมิงดำอย่างขี้ขลาด
เสือสมิงดำไม่สนใจ ยังคงกัดไปที่ขาข้างขวาและซ้าย ขาทั้งสองข้างของนิลถูกฉีกจนหลุดออกจากหัวเข่า นิลร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังคงอ้อนวอนร้องขอชีวิตไปอย่างไม่หยุด ทุกอย่างเหมือนจะจบลงแบบนั้นจนกระทั่งความทรงจำบางอย่างผ่านเข้ามาในความนึกคิดของเสือสมิงดำ สิ่งนั้นคือคำสอนของพรานสิงห์ที่เคยบอกว่าหากใช้วิชานี้แล้วห้ามฆ่าคนเป็นอันขาด ทำให้ต้องหยุดชะงักไป เขาลังเลว่าควรทำอย่างไรดี แล้วนิลในตอนนี้ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวที่เสือสมิงดำหยุดการจู่โจม นิลใช้โอกาสนี้ ที่เหลือแค่ตัวที่ไม่มีขาใช้มือค้ำพื้นคลานหนีหายเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว..
เสือสมิงดำที่ตอนนี้กำลังสับสนเขายังไม่สามารถกลับคืนสู่ร่างเดิมได้ บัวผู้เป็นน้องสาวและชาวบ้านคนอื่นต่างออกมาดูเสียงจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกคนอยู่ในอาการที่หวาดกลัวและตกใจเป็นอย่างมาก…
นิลหรือในตอนนี้ที่มีสภาพเหมือนปอบที่ไม่มีขาใช้มือคลานหนีเข้ามากลางป่าลึก ก่อนที่จะแน่ใจว่าเสือสมิงดำไม่ได้ตามมา เลยหยุดพักเพื่อนึกคิดบางอย่าง..
“ไอ้ดำ มึงดันทำลายตำราวิชาเสือสมิงไปจนได้ แล้วแบบนี้กูจะแสวงหาพลังให้แกร่งยิ่งขึ้นไปอีกได้จากที่ไหนกันวะ วิชาเสือสมิงทรงพลังสมคำร่ำลือจริงๆ...” นิลยังคงผูกใจเจ็บที่ดำเรียนรู้วิชาเสือสมิงสำเร็จได้ก่อนตัวเอง
“เดี๋ยวก่อน! ถ้าวิชาเสือสมิงคือการใช้พลังของเดรัจฉานวิชาจากคนกลายเป็นสัตว์ เราในตอนนี้ที่เป็นปอบสามารถย้ายจิตเข้าสิงสิ่งมีชีวิตอื่นได้ก็น่าจะทำได้เหมือนกัน ไม่สิทำได้ดีกว่าแค่เสือสมิงอีก อ่อ ถ้าเป็นสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าคงมีแต่เจ้านั้น! ฮึๆๆ...” นิลได้คิดค้นวิชาอาคมแบบใหม่โดยบังเอิญ คือการย้ายจิตที่เป็นปอบไปสิงสู่สิ่งมีชีวิตอื่น
“พ่อใหญ่แห่งป่า จงมา มาหาข้า มากินข้า...” นิลร่ายมนต์เรียกสัตว์ที่เคยเรียนมากพรานสิงห์เป็นอาคมสำหรับเรียกสัตว์ตัวเล็กหรือสัตว์ที่ใกล้ตายเท่านั้น แต่ในตอนนี้เขามีอำนาจปอบช่วยเสริมทำให้สามารถเรียกสัตว์ขนาดใหญ่ออกมาได้ และสิ่งที่ตอบรับเสียงเรียกนั้นมันคืองูเหลือมยักษ์ที่มีร่างกายขนาดใหญ่ที่สุดในป่าแห่งนี้
งูเหลือมยักษ์เลื้อยเข้ามาใกล้นิลและอ้าปากขนาดใหญ่กลืนร่างกายของเขาลงไปทั้งตัวแบบนั้น “รวมกันเป็นหนึ่ง กินทุกอย่าง กินทุกสิ่ง กินไม่เคยอิ่ม กินไม่เคยพอ กินไม่หยุด จ้าวแห่งความตะกละตะกลาม ราชาแห่งป่าที่แท้จริง เราคืองูสมิง”
ที่ทางหมู่บ้าน.. เสือสมิงดำในตอนนี้กำลังถูกกลุ่มผู้คนจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ระหว่างที่ทุกคนมัวแต่จับกลุ่มคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งถูกงูเหลือมยักษ์ที่โผล่ออกมาจากข้างหลังด้วยความเงียบใช้ปากงับที่หัว แล้วกลืนผู้ชายคนนั้นลงท้องทั้งตัวอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องออกแรง ชาวบ้านคนอื่นพากันแตกตื่น วิ่งหนีเอาตัวรอดรอดจากงูเหลือมยักษ์…
งูเหลือมยักษ์หันมามองเสือสมิงดำที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ มันอ้าปากอันกว้างใหญ่จากนั้นจึงมีมือมนุษย์คู่หนึ่งแหวกปากงูออกมาแล้วค่อยดันลำตัวอีกครึ่งหนึ่งออกจากปากงูเหลือมยักษ์ ร่างในปากงูนั้นมีใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ใบหน้าอันเหี่ยวแห้งดวงตาดำโตมันคือนิลหรือตอนนี้คงต้องเรียกว่างูสมิงนิล…
“มึงจำกูได้ไหม ไอ้ดำ รอกูนานรึเปล่า กูกลับมาแล้ว กูไม่สนใจวิชาเสือสมิงแล้วตอนนี้กูค้นพบสิ่งที่วิเศษกว่านั้นมาก นี่ไงละวิชางูสมิงที่กูค้นพบด้วยตัวเอง กูจะรัดมึงให้กระดูกหัก บดร่างกายของมึงให้นิ่ม จากนั้นจะกลืนลงไปทั้งตัวเลย คืนนี้มึงและทุกคนในหมู่บ้านจะต้องเป็นอาหารของกู ฮ่าๆ” งูสมิงนิลกล่าวท้าทายเสือสมิงดำการต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เสือสมิงดำเป็นฝ่ายจู่โจมก่อนด้วยการกระโดดพุ่งขย้ำที่คอของงูสมิงนิลแต่มันไม่ได้ผลผิวหนังของงูสมิงทั้งหนาและแข็งมากไม่สามารถกัดให้จมเขี้ยวได้ในทันที งูสมิงนิลใช้ร่างกายอันใหญ่โตสะบัดเสือสมิงดำจนหลุด แล้วโอบรัดพันรอบร่างกายเสือสมิงดำอย่างรวดเร็วมันออกแรงรัดให้แรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้นอีก เกิดเป็นเสียงกระดูกที่แตกหักดังขึ้นสนั่นชัดเจน… เสือสมิงดำร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอีกทั้งยังมีอาการเลือดไหลออกทางปากและจมูก ความตายใกล้เข้ามาทุกที
“ไอ้ดำ มึงอย่าเพิ่งรีบตายนะ รออีกนิดให้กระดูกมันแหลกละเอียดมากกว่านี้เนื้อจะได้นุ่มอร่อย” งูสมิงนิลพูดไปพร้อมกับแลบลิ้นเลียมุมปากด้วยใบหน้าที่ดูโรคจิตและชั่วร้ายจากข้างในปากงูยักษ์
การต่อสู้กำลังจะจบลงเสือสมิงดำเริ่มที่จะแน่นิ่ง งูสมิงนิลใช้มือคว้าลำตัวเสือสมิงดำเตรียมที่จะลากลงท้องงูยักษ์ไปพร้อมกับตัวเอง
“พี่นิล! อย่าทำร้ายพี่ดำ พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ...” บัวน้องสาวของพี่ชายทั้งสองเข้ามาห้ามการต่อสู้…
“มึงอย่ามายุ่งนังบัว นี่คืออาหารของกู กินไอ้ดำเสร็จ กูจะกินมึงเป็นคนต่อไป” งูสมิงนิลไม่สนใจคำอ้อนวอนของบัว
“ฉันเสียพ่อสิงห์ไปแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียพี่ดำไปอีกคน พี่บังคับให้ฉันต้องสู้ ฉันจะสู้เพื่อพี่น้องของฉัน ต่อให้ต้องฆ่าพี่ต้องมีบาปติดตัวฉันก็ยอม...” ร่างกายของบัวเปลี่ยนกลายเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว คล้ายกับวิชาเสือสมิงของดำแต่บัวเปลี่ยนเป็นเสือได้โดยที่ไม่ต้องบริกรรมคาถา
“นังบัว อะไรกัน แม้แต่มึงก็ใช้วิชาเสือสมิงได้อย่างนั้นเหรอ ทั้งพ่อ และพวกมึง ทุกคนทรยศกู แบบนี้ต้องฆ่าให้ตายให้หมดทุกคน ทุกคนตาย ตายให้หมด กูจะกินให้หมดทั้งหมู่บ้านนี่แหละ” งูสมิงนิลคำรามด้วยความโกรธแค้น
“ฉันสอนวิชาเสือสมิงให้บัวเองคิดอยู่ว่าสักวันอาจต้องใช้ แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะไวขนาดนี้” เสือสมิงดำที่ตอนนี้กลับคืนสู้ร่างมนุษย์ดังเดิมจากอาการบาดเจ็บกล่าวให้งูสมิงนิลได้ฟัง…
“บัวอย่าสู้กับมัน รีบหนีไป มีชีวิตรอดต่อไป อย่าให้สิ่งที่พ่อกับพี่สอนสูญเปล่า หนีไป!” ดำพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรงเตือนให้น้องสาวรีบหนีไปให้ไวที่สุด
เสือสมิงบัวที่ตอนนี้กำลังจ้องมองดำพี่ชายตัวเองที่กำลังจะตาย หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ แต่ก็เชื่อฟังคำสั่งพี่ชายแต่โดยดี กระโจนร่างเสือหนีหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
“ฮึๆ อย่างนังบัวจะตามไปกินตอนไหนก็ได้ ครั้งนี้จะปล่อยไปก็แล้วกัน ก่อนอื่นไอ้ดำ กูขอกินมึงก่อนละนะ ฮ่าๆ...” งูสมิงนิลใช้มือจับร่างของดำลากดึงลงเข้าไปใต้ท้องเหมือนกับเป็นการลากเหยื่อไปกินในท้องงูยักษ์อีกที
และค่ำคืนอันโหดก็ได้เริ่มต้นขึ้น คนในหมู่บ้านค่อยๆถูกกินทีละคน ไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้หญิง คนชรา ก็ไม่มีข้อยกเว้น ทุกคนถูกดึงลากเข้าท้องงูจนหมดทั้งหมู่บ้าน เพียงแค่คืนเดียวที่นี่ก็กลายเป็นหมู่บ้านร้างในที่สุด…
ยังคงมีเรื่องเล่าสำหรับนักเดินทางในยุคหลังอีกหลายคนที่บอกว่าเคยพบเจอผีงูยักษ์ที่มีคนแก่อยู่ข้างในปากทั้งน่าเกลียดน่ากลัว หลายคนมีชีวิตรอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือของเสือโคร่งตัวใหญ่ และนี่ก็คือเรื่องเล่าเดรัจฉานวิชา กำเนิดวิชางูสมิง อสูรกายจอมเขมือบแห่งพงไพร..
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย