21 พ.ย. 2021 เวลา 06:51 • ข่าวรอบโลก
VinFast รถยนต์เวียดนามลุยสหรัฐฯ
เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นรวดในงาน LA Auto Show
ตั้งสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย พร้อมลุยยุโรปปี 65
ต้องชื่นชมในความพยายามของ ‘VinFast’ ค่ารถยนต์สัญชาติเวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ที่เรียกได้ว่ามีความพยายามอย่างมากที่จะปั้นแบรนด์รถยนต์ของตัวเองให้สามารถเกิดขึ้นบนตลาดโลกให้ได้ แม้ว่าจะต้องพบเจอกับความท้าทายในตลาดที่เรียกได้ว่าแข่งขันกันดุเดือด ทั้งเจ้าตลาดเดิมที่ครองส่วนแบ่งทางการค้ามายาวนานเกือบศตวรรษ อย่างรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมนี และสหรัฐฯ
และผู้เล่นรายใหญ่อย่างจีน ที่ถือว่ายังไม่เกิดในตลาดได้ไม่นาน แต่ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการรถยนต์โลกได้ไม่น้อย เรียกว่าสมรภูมินี้ไม่ใช่ของง่าย เพราะค่ายรถยนต์ของแต่ละประเทศนั้น มีทั้งเงินทุน เทคโนโลยี ที่สำคัญคือสร้างชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจนติดแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาสั่งสมมาอย่างยาวนาน
แต่ VinFast ก็ได้สร้างเสียงฮือฮา และได้รับความสนใจไม่น้อย เมื่อได้มีการขนรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัท เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปเปิดตัวไกลถึงสหรัฐฯ ในมหกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ‘2021 Los Angeles Auto Show’ ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เผยโฉมรถ SUV ไฟฟ้า 2 รุ่น ได้แก่ ‘VF e35’ และ ‘VF e36’ ที่จะเป็นรุ่นเรือธงเพื่อเปิดทางให้ VinFast เข้าสู่ตลาดระดับโลกอย่างเป็นทางการ
🔵 จัดเต็มทั้งดีไซน์จากผู้ออกแบบ ‘Ferraris’
หากพูดถึงสเป็กของรถจากข้อมูลที่มีการเปิดเผยผ่านสื่อต่างประเทศระบุว่า VinFast VFe35 และ VFe36 ทั้งสองรุ่นจะถูกสร้างขึ้นในโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติในการผลิตถึง 90% ในเวียดนาม ซึ่งรถทั้งรุ่นนี้ได้รับการออกแบบร่วมกับแบรนด์ยานยนต์ ‘Pininfarina’ ซึ่งผู้ที่อยู่ในวงการรถยนต์จะรู้จักจากการที่เป็นผู้ออกแบบ ‘Ferraris Classic’ และ ‘Pininfarina Battista’ รถสปอร์ตไฟฟ้าที่มีราคาค่าตัวถึง 2 ล้านเหรียญ หรือราว 65 ล้านบาท
สำหรับแบตเตอรี่ได้มีการจับมือกับพันธมิตรอย่าง ‘ProLogium’ ผู้ผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตจากไต้หวันที่มีประสบการณ์สูง สามารถเดินทางต่อเนื่องได้ระยะทางสูงสุดเฉลี่ยมากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์ตไฟเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งมีรถยนต์แต่ละรุ่น จะมีคลาสย่อยลงไปได้แก่ Eco ที่สามารถเดินทางได้สูงสุด 458 กิโลเมตร และ Plus ที่สามารถเดินทางได้ 489 กิโลเมตร สำหรับในรุ่น VFe35
VFe35
ส่วนรุ่น VFe36 ที่เป็นรถซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทั้งในแง่ของตัวรถและความจุแบตเตอรี่ โดยคลาส Eco จะสามารถเดินทางได้สูงสุดที่ 489 กิโลเมตร และ Plus จะเดินทางได้สูงสุดถึง 675 กิโลเมตร ต่อการชาร์ตเพียงครั้งเดียว
ขุมพลังของเครื่องยนต์ขนาด 402 แรงม้า แรงบิด 472 ปอนด์ต่อฟุต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน และผู้ช่วยเสมือน “รีโมท ควบคุมโดยแอป VinFast” บริการอีคอมเมิร์ซ วิดีโอเกม และอื่นๆ ที่จัดมาท้าชนในเรื่องฟังชั่นเช่นกัน
VFe36
🔵 พร้อมลุยสร้างสำนักงานใหญ่ โชว์รูม และโรงงานในสหรัฐฯ
“Van Anh Nguyen” CEO ของ VinFast US เปิดเผยว่า แผนการของ VinFast ในสหรัฐอเมริกา บริษัทได้ประกาศแผนการที่ทะเยอทะยานที่จะลงทุนมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6,500 ล้านบาท เพื่อเปิดสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ แถบชานนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีแผนจะจ้างพนักงานมากกว่า 400 คน เพื่อประจำในสำนักงาน
“Van Anh Nguyen” CEO ของ VinFast US
อีกทั้งยังมีแผนที่จะเปิดโชว์รูมมากกว่า 60 แห่งทั้งประเทศ พร้อมศูนย์บริการ และระบบการบริการนอกสถานที่ในบางแห่งภายในปี 2565
ขณะที่โรงงานในสหรัฐฯ ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาสถานที่ตั้ง และคาดว่าจะสามารถเปิดการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
นอกจากนี้ VinFast ยังให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อเร็วๆ นี้ว่าบริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เบื้องต้นจะใช้วิธี SPAC หรือการควบรวมกับกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่เดิม ทำให้ไม่ต้อง IPO เหมือนกับการเข้าจดทะเบียนด้วยวิธีปกติ ซึ่งวิธีดังกล่าวเริ่มเห็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ใช่วิธีนี้เพื่อระดมทุนมากขึ้น
VinFast ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกให้โลกรู้จักในงาน 'Paris Motor Show 2018' ซึ่งเป็นรถเก๋งระดับหรูหราที่ใช้เครื่องยนต์ของ BMW และเปิดตัวรุ่นต่างๆ ตามมารวดเร็วทั้ง e-scooters, Lux SUV และรถยนต์สำหรับตลาดเวียดนามโดยเฉพาะ จากนั้นภายใน 1 ปีหลังเปิดตัว VinFast กลายเป็นรถยนต์ที่มียอดขายเติบโตเร็วที่สุดในเวียดนาม
เมื่อเดือนที่แล้วได้มีการเปิดตัวเซลล์ แกลลอรี่ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าไปทำตลาดในยุโรปต้นปีหน้า
เซลล์ แกลลอรี่ ในกรุงปารีส
🔵 คู่แข่งรายใหญ่และรายย่อยรอรับน้อง
แม้ว่า 'Tesla' จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถอีวีของโลกถึง 70% และ 80% ในสหรัฐฯ
แต่ใช่ว่าจะมี Tesla เจ้าเดียวที่ลุยตลาดอเมริกาเหนือ เพราะยังมีค่ายรถอีวีทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กอีกมากมายที่รอรับน้อง VinFast รวมถึงสตาร์ทอัพรถอีวีอย่าง 'Rivian' และ 'Lucid' ด้วย ซึ่งผู้เล่นหน้าใหม่เหล่านี้นี่แหละที่การแข่งขันในกลุ่มรถอีวีระดับรองลงมาที่ก็แข่งกันดุเดือด แต่การแข่งขันนี้อาจเป็นข้อดีที่ทำให้ทั้ง VinFast, Stephanie Brinley, IHS Markit auto ได้เป็นที่รู้จักในตลาดอเมริกาเหนือ
CEO ของ VinFast ทราบอยู่แล้วว่า การแข่งขันนั้นไม่ง่ายที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก แต่เขามองว่าตำแหน่งการสร้างแบรนด์ของบริษัทในสหรัฐอเมริกานั้นครอบคลุมในทุกลุ่ม และต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมในราคาที่เหมาะสม
'ไมเคิล โลเชลเลอร์' ซีอีโอของ 'VinFast Global' ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารมาประสบการณ์จาก 'General Motors' ผู้ผลิตระยนต์ 'Ford' และ 'Chevrolet' กล่าวว่า
'ไมเคิล โลเชลเลอร์' ซีอีโอของ 'VinFast Global'
"เรามุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าของเรากล้าที่จะเข้าร่วมการปฏิวัติอีวี เพื่อเร่งการพัฒนาการโซลูชันสำหรับรับมือวิกฤตนี้ VinFast เชื่อมั่นว่า 'อนาคตการขับขี่ยานยนต์' จะผนวกรวมรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีการปรับแต่งเฉพาะบุคคลสูง ซึ่งผสานเข้ากับกับเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมของเรา ยานยนต์เหล่านี้จะทำเช่นนั้น พร้อมกับปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับและสะดวกสบาย"
อย่างไรก็ตาม VinFast ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากในตลาดโลก เพราะแบรนด์รถยนต์จากประเทศกำลังพัฒนานั้น กลายเป็นคำถามของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หรือประเทศที่เจริญกว่าเวียดนามอย่างแน่นอน ถึงเรื่องของสมรรถนะ ความคุ้มค่า คุณภาพสินค้า รวมไปถึงความไว้วางใจต่อแบรนด์ ที่บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแบรนด์รถยนต์จีนที่มีทั้งทุนทรัพย์ เทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกะทิ ยังเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ และต้องใช้เวลาอยู่หลายปี
แต่กระนั้น ก็ต้องนับถือในความกล้าที่จะลุยของ 'VinFast' และ ‘VinGroup’ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ที่เอาจริง เดินหน้าจริง ทำจริง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่ของง่าย แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเอกชนประเทศนี้ที่พยายามออกไปสยายปีกให้โลกเห็นศักยภาพของเวียดนาม ที่แม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ ยังไม่ได้พัฒนาอะไรมาก แต่ก็พร้อมไปเผชิญโลก
1
ส่วนจะขายได้ หรือไม่ได้นั้นก็เป็นเรื่องของธุรกิจและกลยุทธ์ แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องนี้ต้องชื่นชมในความกล้าลุย และการวิ่งหาหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ เพราะการไปลุยเองเดี่ยวๆ อาจจะสู้ไม่ได้แน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ...เวียดนามกล้าทำในสิ่งที่หลายคนหลายประเทศไม่กล้าไปแล้ว
1
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
โฆษณา