21 พ.ย. 2021 เวลา 10:11 • กีฬา
▪️จบ 90 นาทีก็คือ “จบ” ไม่ตกค้างเรื่องส่วนตัว
---
• จบเกมที่แอนฟิลด์ระหว่าง ลิเวอร์พูล 4 – 0 อาร์เซนอล สิ่งที่ผู้คนสนใจไม่ใช่ผลการแข่งขันแล้ว แต่เป็นรีแอคชั่นระหว่าง มิเกล อาร์เตตา กับเยอร์เกน คลอปป์
• ปรากฏว่า “ประเพณีนิยม” ถูกเลือกมาปฏิบัติ แฟนบอลได้เห็นทั้งคู่จับไม้จับมือกันด้วยความรู้สึกว่า ปราศนาอารมณ์ขุ่นค้าง หรือความรู้สึก “ส่วนตัว” ต่อกัน
• ใช่ไหมครับ? เพราะสถานการณ์ในครึ่งแรก อันนำมาซึ่งใบเหลืองของกุนซือทั้ง 2 มันดูน่าหวั่นว่าจะ “บานปลาย” และกลายเป็นการก่อร่างสร้าง “คู่อริ” อีกคู่แห่งพรีเมียร์ลีกได้เหมือนกัน
• จังหวะนั้น นาทีที่ 34 ภาพจับมาที่กุนซือสแปนิช และเยอรมนี กำลังเถียงกันไฟแลบโดยมีผู้ตัดสินที่ 4 คั่นกลาง และถูกห้ามปรามไว้โดยผู้ช่วยโค้ช และสตาฟฟ์ของแต่ละฝ่าย
• ไมเคิล โอลิเวอร์ ชักใบเหลืองให้อาร์เตตา ตามด้วยคลอปป์ ก่อนจะยังไม่จบ และภาพจับเห็นปากอาร์เตตาพูด “F - word” ชัดเจน
• คลอปป์ กล่าวหลังเกมว่า “ม้านั่งสำรอง อาร์เซนอล ลุกฮือขึ้น ผมจึงตะโกนถาม ต้องการอะไร? มันไม่ได้มีการปะทะอะไร แต่เหมือนทุกคนจะให้มันเป็นใบแดง”
• “ผมเซ็งจัดกันสถานการณ์แบบนี้ ผู้คนเหมือนต้องการจะเล่นงานซาดิโอ เขาเป็นนักเตะที่แข็งแรง และเข้าบอลหนัก เราต้องถอดเขาออกในเกมกับแอตเลติโกฯ เพราะพวกเขาพยายามจะให้เขา (ซาดิโอ) โดนใบเหลือง มาทีหนึ่งแล้ว”
• “กรรมการจัดการกับเหตุการณ์นี้ได้ดี ผมคู่ควรกับใบเหลือง แต่เหตุการณ์แบบนี้มันไม่โอเค ผมได้บอกไปแบบนั้น แต่มันก็เกิดขึ้น (แล้วจบ) แค่ในช่วงเวลานั้น”
• ประมาณว่า คลอปป์ ก็จบแล้วหลังเกม
• ส่วนอาร์เตตา ก็ไม่ต่างกัน และผิดคาดที่นิ่งเหลือเกิน และตามภาษาฟุตบอลก็คือ รู้จัก move on จากสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามที่จบไปแล้ว
• “เขา (คลอปป์) พยายามจะปกป้องทีมของเขา ผมก็ปกป้องทีมของผม มันก็แค่นั้น มันไม่มีปัญหาอะไร ผมได้คุยกับเขาแล้วหลังเกม และยินดีด้วยกับเขา มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และถูกทิ้งไว้หมดแล้วในสนาม”
• นอกจากนี้ที่ควรพูดถึงคือ ผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์จากขอบสนามของ “พรีเมียร์ลีก” สามารถลำดับคำถามได้อย่างดี โดยถามเรื่องอื่น ๆ ที่เหมาะสม และเกี่ยวข้องกับเกมการแข่งขันโดยตรงก่อน
1
• จากนั้นจึงเข้าเรื่องที่เหตุการณ์นี้ในครึ่งแรก เป็นคำถามทิ้งท้าย
• คลอปป์ ซึ่งพักหลัง (โดยเฉพาะหากแพ้ หรือเสมอ) จะขุ่นทันทีกับคำถามลักษณะนี้ก็สามารถมีอารมณ์ตอบ และโต้ตอบได้ดี และนิ่ง
• อาร์เตตาก็เช่นกัน แม้จะจับมือแบบไม่มองหน้ามองตากัน หรือพูดคุยอะไรกัน จับมือแล้วแยกทันทีก็ตาม
• ในมุมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คือ ความก้าวร้าว แต่แสดงถึงความมุ่งมั่น และอยู่ในขอบเขตแบบนี้ คือ สิ่งที่แฟนบอลน่าจะชอบ (โดยเฉพาะแฟนบอลปืนใหญ่)
• ส่วนแฟนหงส์ เรารู้จักคลอปป์กันดีอยู่แล้ว
• แน่นอนว่า จังหวะดังกล่าวยังช่วย “จุดชนวน” เชื้อไฟให้แฟน ๆ ในแอนฟิลด์ได้ลุกฮือขึ้นจากเกมที่กำลังอึดอัด และหลังจากนั้นไม่นานลิเวอร์พูลก็ได้ประตูนำตามด้วยครึ่งหลังที่ “step up” เกมของตัวเองอีกเกียร์ สองเกียร์ ให้สปีดหนักหน่วงขึ้น
• จะกล่าวว่า พฤติกรรมของอาร์เตตา เหมือนมาราดน้ำมันลงกองไฟก็ไม่เชิง จะบังเอิญก็ไม่อาจจะใช่
• ความน่าสงสัยยังจะมีว่า หากเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตลูกพี่จากแมนฯซิตี้ อาร์เตตา จะกล้าไหม? หรือเป็นกุนซือคนอื่นจะทำไหม?
• หรือเป็นสถานการณ์ตอนปืนไม่ได้ “ห้าว” สุดขีดไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกันในทุกรายการ อาร์เตตา จะบ้าบิ่นเกินเบอร์ได้ขนาดนี้หรือไม่?
• ครับ ไม่ใช่ว่า คลอปป์ “แตะต้อง” ไม่ได้ แต่ผมแค่สงสัย และอยากตั้งคำถามเฉย ๆ
• อย่างไรก็ดี เมื่อเกมจบ อย่างน้อยมีความเคารพกันและกันเกิดขึ้นแบบเหมาะสม
• แน่นอนครับ ฝั่งหงส์แดงก็ไม่มีใครกล่าวโทษ หรือดูถูกอาร์เซนอล ในทุกการกระทำ หรือผลงานในสนามเช่นกัน
• มีแต่มองว่า อาร์เซนอล เล่นได้ดีแล้ว และมีพัฒนาการที่ดีที่หากไม่พลาดเองในจังหวะ เวลาสำคัญทั้งประตูแรก และประตูสอง เจ้าถิ่นอาจจะเจองานลำบากกว่านี้มากขนาดไหน ใครจะรู้? หลังแผนสร้างความอึดอัดทำได้ดีตลอดครึ่งเวลาแรก
• สุดท้าย เกมฟุตบอลคือ แบบนี้ครับ จบ 90 นาทีเราคือ “จบ” และ Move on ไปนัดหน้า และเรียนรู้จากเกมนี้
• ดังที่ มิเกล อาร์เตตา และเยอร์เกน คลอปป์ สร้างตัวอย่างนี้ให้เห็นได้อย่างน่าชื่นชมครับ
1
☕ณัฐวุฒิ ประเทืองศิลป์
📷 The Independent
#KMDStory #ไข่มุกดำ #ไข่มุกดำทีม #LIVARS #คลอปป์อาร์เตตา
โฆษณา