Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หาเรื่องเล่า
•
ติดตาม
23 พ.ย. 2021 เวลา 02:21 • บันเทิง
“มึงเห็นกูเหรอ”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นบนถนนแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ปกติแล้วพี่ใหญ่ (นามสมมุติ) ทำงานกับแฟนอยู่ที่ลำปาง แต่ตอนนั้นแฟนมีธุระที่เชียงใหม่หลายวันจึงต้องค้างคืนที่นั่น พี่ใหญ่จึงอาสาขับรถไปส่ง พี่ใหญ่กับแฟนออกจากบ้านในช่วงเวลาโพล้เพล้ มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างอำเภอห้างฉัตรถึงอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน สองข้างทางเต็มำปด้วยป่าเขาที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ถ้าขับผ่านเส้นนี้ในตอนกลางวันจะดูสวยงามอย่างมาก แต่กลับกันในช่วงเวลากลางคืน ถนนเส้นนี้กลับดูน่ากลัว เพราะมันทั้งเปลี่ยวและน่าวังเวง
พี่ใหญ่ขับรถไปตามเส้นทางมืดๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ขนาบทั้งสองข้างทาง จนเข้าใกล้เขตอำเภอแม่ทา พี่ใหญ่สังเกตุเห็นเหมือนมีอะไรบางอย่างสีแดงๆ อยู่ทางซ้ายมือ พอขับเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงใส่ชุดสีแดง ยืนอยู่ใต้ต้นประดู่ใหญ่ ลักษณะเหมือนกับว่า เธอยืนรอรถอยู่ แต่ที่น่าแปลกก็คือ บริเวณนั้นไม่มีป้ายรอรถอะไรเลย เป็นแค่เนินเขาเตี้ยๆ กลางป่าทึบ ซึ่งมันไม่ใช่ที่ที่จะมายืนรอรถเลย
พี่ใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จึงขับต่อไปเรื่อยๆจนถึงเชียงใหม่ แวะกินแวะเที่ยวจนดึก พอส่งแฟนเสร็จ พี่ใหญ่ก็ขอตัวกลับทันที เป็นเวลาประมาณตี1กว่าๆ พี่ใหญ่ขับจากเชียงใหม่เพื่อจะกลับลำพูน จนมาถึงช่วงถนนที่เห็นผู้หญิงชุดแดงยืนอยู่ตอนขามา แกก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวชุดแดงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม ลักษณะคือก้มหน้านิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนตัว พี่ใหญ่เห็นแบบนั้นก็ชะลอรถเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะดูว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า
พอแสงไฟหน้ารถสาดไปโดนตัวผู้หญิงคนนั้นเข้าจังๆ ภาพที่เห็นทำให้พี่ใหณ่ตกใจ รีบหักหัวรถกลับเข้าเลนทันที เพราะเสื้อสีแดงที่ผู้หญิงคนนั้นสวมอยู่ ถ้ามองดีๆ มันคือตุงแดงผืนใหญ่ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเอาตุงแดงมาห่มให้เหมือนเป็นเสื้อผ้า และในจังหวะที่ที่พี่ใหญ่กำลังหักหัวรถกลับเข้าเลน ผู้หญิงคนนั้นก็กระโจนพุ่งใส่รถทันที จนรถพุ่งเข้าชนร่างเธออย่างจัง เสียงดัง ตุ้บ!! พี่ใหญ่สะดุ้งเฮือก รีบจอดรถและลงวิ่งไปดู ในใจก็คิดว่า งานเข้าแน่ถ้าเกิดชนคนตายขึ้นมา แต่เมื่อพี่ใหญ่มาถึงหน้ารถกลับไม่เจออะไรเลย ลองก้มดูที่ใต้รถก็ไม่พบร่างคน ไม่มีแม้แต่รอยบุบของกระจังหน้ารถ
พี่ใหญ่หันไปมองรอบๆตัว ซึ่งในตอนนี้มีแค่ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดในบริเวณรอบๆเท่านั้น ไม่มีวี่แววของหญิงที่เห็นเมื่อครู่นี้ มีแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มกลางป่าทึบ ในใจคิดทบทวนถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ถ้างั้นเมื่อกี้ไปชนเข้ากับอะไร จู่ๆก็มีลมเย็นวูบพัดเข้ามาที่หลัง ขนลุกไปทั้งตัวจึงทำให้แกรีบกลับเข้ารถและเร่งที่จะออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุด เพราะรู้สึกว่า ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
ในระหว่างที่พี่ใหญ่ขับรถอยู่ด้วยใจระทึก จมูกก็ได้กลิ่นเหมือนอะไรสักอย่าง ลักษณะเหมือนกับซากหนูตาย
ที่สำคัญคือกลิ่นนั้นไม่ได้โชยเข้ามา แต่กลิ่นมันอยู่ในรถ ตลบอบอวนเหม็นเน่าอยู่อย่างนั้น จนทำให้พี่ใหญ่เริ่มกังวลว่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ยิ่งเวลาผ่านไปกลิ่นมันก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น จนทำให้พี่ใหญ่ต้องลดกระจกลงเพื่อระบายกลิ่นออก ตอนนั้นพี่ใหญ่เหยียบคันเร่งอย่างแรงเพื่อที่จะให้ถึงบ้านเร็วๆ และคอยส่องกระจกหลังตลอดเพื่อมองหาเพื่อนร่วมทางให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
แล้วพี่ใหญ่ก็สังเกตว่า ตั้งแต่ที่แกขับรถเข้ามาในป่า ยังไม่เห็นรถคันอื่นเลยแม้แต่คันเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก อย่างน้อยมันก็ควรจะมีรถบรรทุกวิ่งสวนมาบ้าง แต่นี่เหมือนกับว่าแกขับรถคนเดียวอยู่ในป่าใหญ่ และทั้งๆที่เปิดกระจกไว้นานพอสมควรแล้ว แต่กลิ่นนั้นก็รุนแรงขึ้นทุกที และรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังตลอดเวลาซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
พี่ใหญ่ยิ่งเหยียบคันเร่งเพื่อที่จะได้พ้นป่าแห่งนี้ไปไวๆ และในขณะที่แกเอามือจับที่เกียร์ ปรากฏว่าไปกุมโดนมือใครสักคนที่มีลักษณะแห้งๆ สากๆ พี่ใหญ่ใจหายวูบ กลัวจนหูอื้อตัวชา คล้ายคนจะเป็นลม มือนั้นก็ค่อยๆ ขยับช้าๆ เหมือนรู้ว่ากำลังจับมือมันอยู่ พี่ใหญ่สะดุ้งสุดตัวและรีบชักมือกลับทันที จนทำให้รถเกือบจะเสียหลัก จนทำให้พี่ใหญ่ต้องค่อยๆประคองรถไปจอดที่ข้างทาง และเปิดไฟในรถทันที
พอแสงไฟในรถสว่างขึ้น พี่ใหญ่ก็พยายามสำรวจ แต่ก็ไม่พบอะไร ในใจคิดอยู่ตลอดเวลาว่า นี่ไม่ใช่การคิดไปเองอย่างแน่นอน เพราะยังจำความรู้สึกตอนสัมผัสมือนั้นได้แม่น แล้วแกก็คิดได้ว่า ในรถไม่มีพระเลยสักองค์ ตอนนี้ก็อยู่ในป่า ทำอะไรไม่ได้นอกจากขับออกไปให้เร็วที่สุด
พี่ใหญ่พยายามรวบรวมสติ ขับรถไปในทางมืดๆ กลางป่าใหญ่ และคอยมองกระจกส่องหลังเป็นระยะๆเพื่อมองหาเพื่อนร่วมทาง และในจังหวะที่กำลังมองกระจกส่องหลัง แกก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่เบาะหลังฝั่งคนขับ เป็นผู้หญิงผมยาวคนเดียวกันกับคนที่เอาตุงแดงมาพันตัวไว้ มีกรวยใบตองเล็กๆ ที่มีดอกเข็มทัดหูไว้ข้างหนึ่ง โยกตัวเล็กน้อยตามแรงกระเทือนของรถ พี่ใหญ่รู้สึกเหมือนโดนสะกด รู้สึกบิดมวนที่ท้องจนแทบจะอาเจียน น้ำลายไหลยืดอาบบนลงหน้าอก ตอนนั้นพี่ใหญ่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ทำได้แค่ขับรถไปเรื่อยๆ เหมือนกับคนที่สติหลุดออกจากร่างอย่างไงอย่างงั้น
และในขณะนั้นเอง พี่ใหญ่รู้สึกเหมือนกับว่า สิ่งที่อยู่บนเบาะหลัง ค่อยๆ เขยิบตัวมาข้างหน้า แล้วเอาหน้ามาแนบติดหลังคนขับ ใบหน้านั้นค่อยๆเข้ามาใกล้ๆจนได้ยินเสียงหายใจที่แผ่วๆพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าที่แทบอ้วก มีน้ำเสียงที่พูดขึ้นมาด้วยความเย็นยะเยือกว่า “มึงเห็นกูเหรอ !!”
พี่ใหญ่ตกใจสุดขีด ได้แต่ประคองรถไม่ให้ตกข้างทาง แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่พอขับเลยโค้งมา ก็เจอศาลเจ้าพ่อขุนตาล ซึ่งเป็นศาลที่ใหญ่พอสมควร แกรู้สึกชื้นใจ รีบเสียบรถเข้าข้างทาง แล้วรีบลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปกราบทันที เหมือนกับว่าแกหลุดออกมาอีกโลก เพราะทันใดนั้นก็มีรถบรรทุกสิบล้อขับผ่านมา รวมไปถึงรถคันอื่นอีกหลายคัน
พี่ใหญ่ยังคงผวากับสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาผ่านไปสักพัก ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบ แกเลยเดินข้ามถนนกลับไปที่รถ เขาก็เลยถามพี่ใหญ่ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แกก็ตอบไปว่าไม่มีอะไร เพราะถึงบอกเรื่องราวที่เพิ่งเจอมา เขาคงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็ขับไปนอนบ้านเพื่อนที่ใกล้ที่สุด เพราะแกไม่ไหวขับรถต่อแล้วจริงๆ
พอรุ่งเช้า พี่ใหญ่เข้ามาสำรวจในรถ ปรากฏว่าเจอดอกเข็มแห้งๆ ตกอยู่บนเบาะหลัง แกกลัวมาก จึงขอให้เพื่อนพาไปที่วัดแถวนั้นทันที พร้อมกับเล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง หลังจากนั้นเพื่อนก็พาไปหาตำรวจทางหลวงที่รู้จัก และถามว่าตรงนั้นเคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
ตำรวจจึงตอบกลับว่า “โอ้ย ถนนเส้นนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครับ คนตายเยอะ ที่ญาติมาเชิญวิญญาณกลับไปก็มี แต่น้อย ส่วนมากผมว่าเขายังอยู่ข้างทางแถวนั้นแหละ ”
หลังจากนั้นพี่ใหญ่กับแฟนก็ไปทำบุญถวายสังฆทาน สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา แกบอกว่าจะไม่มีวันลืมเหตุการณืในคืนนั้นเลยจนวันตาย
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย