24 พ.ย. 2021 เวลา 04:11 • ไลฟ์สไตล์
5 สิ่งที่ฟ้องว่า คุณไม่มีความเป็น professional ในการทำงานเอาซะเลย
1
pixabay
1. ไม่มีการวางเเผนการทำงาน
การวางเเผนงานจะช่วยให้คุณรู้ว่า เวลาไหนต้องทำอะไรบ้าง ยิ่งมีงานเยอะ เเละต้องทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกันอย่างมนุษย์ multitasking สมัยนี้ ยิ่งต้องวางเเผนให้ดี ต่อให้งานยุ่งหัวหมุนเเค่ไหน ยังไงมันก็อยู่ในเเพลนที่เราวางไว้ บอกเลยว่า professional สุด ๆ เเต่ถ้าไม่มีเเพลนอะไรในหัวเลย ทุกอย่างก็จะยุ่งไปหมด การยุ่งเเบบวางเเผนไว้ล่วงหน้า กับยุ่งเเบบไม่ได้วางเเผนอะไรไว้เลย บุคคลิคการเเสดงออก ท่าทางมันก็ต่างกันเเล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำงานอย่างเป็นระบบเลย
2. ลาหยุดไม่บอกล่วงหน้า
การลาหยุดจำเป็นที่จะต้องเเจ้งล่วงหน้า ซึ่งมันก็สัมพันธ์กับการวางเเผนงานเช่นกัน เพราะงานของบางคน อาจจะส่งผลโดยตรงกับผู้อื่น เช่น คนอื่นอาจจะต้องทำงานเเทนเรา เท่ากับว่าเขาทำงานเป็นสองเท่าในวันที่เราไม่อยู่ การบอกล่วงหน้า บวกกับวางเเผนงาน บอกเพื่อนร่วมงานล่วงหน้า เขาจะได้เเพลนเเละเตรียมตัวถูก หรือตระเตรียมงานไว้ล่วงหน้า เพื่อลดภาระเขาให้ได้มากที่สุดในวันที่เราไม่อยู่
เเต่ในกรณีที่ลาป่วย หรือลากิจฉุกเฉิน อันนี้ไม่นับนะจ๊ะ เรื่องฉุกเฉินใคร ๆ ก็รู้ว่ามันกระทันหัน อันนี้เข้าใจได้ เเต่ถ้าหยุดเเบบไม่เเจ้งเลย หรือเเจ้งในระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากคนทำงานเเทนเราจะลำบากเเล้ว เค้าก็จะมองเราไม่โอเคด้วยนะ
3. เข้างานสายบ่อย
 
ข้อนี้ก็สุด ๆ ไปเลยเช่นกัน เพราะถ้าบ่อยนอกจากจะเเสดงความไม่ professional เเล้ว ยังโดยหักเงินด้วยเด้อ สายเพราะจำเป็น ถ้าไม่บ่อยก็ไม่มีปัญหา เเต่สายบ่อยไปก็ไม่ดีค่ะ
4. ไม่เเยกเเยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
สมมติว่าคุณไม่ชอบใครสักคนในที่ทำงาน เเล้วคุณก็ไม่อยากร่วมงาน ไม่อยากพูด ไม่อยากเห็นหน้า เเต่ก็ต้องทำงานร่วมกับคน ๆ นั้น หลายคนก็มักจะทำเเบบส่ง ๆไป ไม่เต็มใจ เเบบนี้คือการขาดความเป็นมืออาชีพอย่างสิ้นเชิง การเป็นมืออาชีพจริง ๆ คือการร่วมงานกับคนที่ไม่ชอบหน้าเหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เเละงานนั้น ๆ ต้องออกมาดี โดยไม่มีการเอาความรู้สึกส่วนตัวมาร่วม
5. สองมาตรฐาน / เลือกปฏิบัติ
ข้อนี้ลิ้งค์มาจากข้อ 4 ค่ะ สมมติว่าที่ทำงานคุณมีอาหารกลางวันให้ทานฟรี เเล้วถ้าเเม่ครัวไม่ชอบขี้หน้าคุณ ไม่ว่าจะเหตุผลใด อะไรสักอย่าง เเล้ว เขาชอบเอากับข้าวดี ๆ ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นที่เค้าชอบกิน คุณจะรู้สึกยังไงคะ เเน่นอนค่ะว่าเเม่ครัวคนนั้นดูไม่โปรเลย ซึ่งคนที่ถูกเลือกปฏิบัติในทางที่ด้อยกว่า ไม่มีใครชอบหรอก เพราะฉะนั้นถ้าเป็าเราเอง ก็ไม่ควรทำเเบบนั้นกับใครเช่นกัน
5. ลาออกไม่เเจ้งล่วงหน้า
ถ้าเกิดอยากลาออก เเล้วก็ออกเลย ไม่เเจ้ง ไม่รอ ไม่ทำอะไรเเล้ว หมดใจ หมดไฟ ไปเเล้วน๊า เเบบนี้ดูไม่โปรเอาซะเลย
ที่จริงเเล้ว การลาออกเราจำเป็นต้องเเจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน บางที่ก็เเค่ 15 วัน เพื่อที่ว่าเราจะได้เคลียร์งานเพื่อส่งต่อให้คนอื่นมาทำต่อได้ เเละที่สำคัญคือ เพื่อให้บริษัทมีเวลาหาคนอื่นมาทำงานเเทน
บางตำเเหน่งจำเป็นต้องคัดเลือก ซึ่งจะต้องใช้เวลาพอสมควร ให้เวลาตัวเองได้เคลียร์งาน เเละให้เวลาบริษัทได้หาคนใหม่มาเเทน ถ้าได้คนก่อนเวลาออก เราอาจจะสอนงานให้เค้าได้ ให้เค้าได้รู้งานตัวเองเบื้องต้น นี่คือการเป็นมือโปรที่เเท้ทรู
ไม่ว่างานอะไรก็ตาม เราสามารถเป็นมือโปรได้ ไม่ใช่เเค่ความรู้ในสายงานที่ทำงานที่ตนทำเท่านั้น เเต่ต้องรวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น การร่วมงานกับคนอื่น การมีมาตฐานเป็นของตัวเอง การตรงต่อเวลา การวางเเผน หรือเเม้เเต่การเเก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้าเเละไม่เฉพาะหน้าได้ เพราะทั้งหมด ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของคนทำงานอย่าง professional
โฆษณา