24 พ.ย. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ของดีที่ไม่ต้องโชว์ ]
1
เป็นที่รับรู้ทั่วกันว่าความสำเร็จแบบก้าวกระโดดพรวดพราดของแอร์เบ ไลป์ซิก จากทีมระดับล่าง จนย่างสามขุมมาเป็นหนึ่งในบิ๊กของบุนเดสลีกามี ราล์ฟ รังนิก เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญ
1
หลังประสบความสำเร็จอย่างงดงามนำทีมเล็กๆในระดับหมู่บ้านอย่างฮอฟเฟ่นไฮม์เลื่อนสู่ลีกสูงสุดเยอรมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เขากลับไปรับงานกับชาลเก้ช่วงสั้นๆ
2
จากนั้นเมื่อกลุ่มทุนอย่างเรดบูลล์เข้ามาเทคโอเวอร์ไลป์ซิกเรียบร้อย วางเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่าจากทีมระดับ 5 ของลีกเยอรมัน ซึ่งยังอยู่ในส่วนภูมิภาคคือเล็กมากๆ ต้องโปรโมตสู่บุนเดสลีกาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะเดียวกันผู้บริหารซึ่งเคยสร้างฐานจากกีฬาประเภทเอ็กซ์ตรีม ตื่นเต้น ระทึกใจ ผาดโผน ก็จะค่อยๆขยายมายังวงการลูกหนังบ้าง โดยศูนย์บัญชาการจะวางไว้ที่ไลป์ซิกนี่แหล่ะ
ขณะเดียวกันยังกระจายไปหลายประเทศด้วยทั้งบราซิลในอเมริกาใต้ , กานาในแอฟริกา , สหรัฐอเมริกา , ออสเตรีย รวมทั้งแถบเอเชีย
นอกจากจะปูพรมให้ครบแทบทุกทวีปแล้ว ยังเป็นการสะดวกสำหรับเฟ้นหาเพชรเม็ดงามมาเจียระไนด้วย โดยนโยบายคือเน้นพวกนักเตะเยาวชนอายุน้อยๆที่มีแวว จะได้รับโอกาส
ถือเป็นการเริ่มต้นตั้งแต่โครงสร้าง ยึดรากฐานให้แข็งแกร่งเข้าไว้ พอระบบดีจริง ข้างล่างแน่นหนา นั่นช่วยสร้างความมั่นคงให้ส่วนยอดอย่างไม่ต้องสงสัย
เร้ดบูลล์ต้องการทำให้โปรเจคต์นี้ยั่งยืนนานที่สุด พวกเขาพร้อมอดทนรอความสำเร็จได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร อีกทั้งยังมุ่งเน้นเรื่องผลประกอบการด้วย หาใช่ทำตอบสนองความต้องการอย่างเดียว
1
การพัฒนาด้านเยาวชนจึงเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากคุณปลุกปั้นผู้เล่นดาวรุ่งทั้งหลายให้เปล่งแสงประกายเจิดจ้า นั่นหมายถึงมูลค่าในตลาดซื้อขายผู้เล่นจะต้องตามมา
ดังนั้นจำต้องเฟ้นหาหัวเรือใหญ่ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ดูแลทั้งระบบ นอกจากมีความรู้เรื่องฟุตบอลอย่างลงลึกแล้ว ยังต้องเจนจัดในการบริหารด้วย โจทย์ขนาดนี้ต้องบอกเลยว่ายากมากๆ
เพราะคนที่ว่าจะต้องมีส่วนสำคัญผลักดันให้ไลป์ซิกขึ้นบุนเดสลีกาอย่างรวดเร็ว จากตอนนั้นยังอยู่ในดิวิชั่น 4 จะทำอย่างไร
ก่อนจะจิ้มมาที่ ราล์ฟ รังนิก โดยยึดเอาจากผลงานตอนกุมบังเหียนฮอฟเฟนไฮม์เป็นหลัก อีกทั้งเมื่อได้สัมภาษณ์ฟังแนวทางแล้ว ผู้บริหารเร้ดบูลล์ถึงกับดีดนิ้ว บอกคนนี้แหล่ะที่ใช่
รังนิก จึงเข้ามารับผิดชอบโดยตรงทั้งแอร์เบ ไลป์ซิกและเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในฐานะไดเร็กเตอร์ ฟุตบอลหรือผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งมีอำนาจครอบคลุมเหนือทีมสต๊าฟฟ์ทั้งหมด รวมทั้งเทรนเนอร์
ยุคสมัยที่ รังนิก เป็นเทรนเนอร์ฮอฟเฟ่นไฮม์ ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ขยับจากลีกา 3 มายังบุนเดสลีกา ด้วยการใช้พลังหนุ่มของผู้เล่นขับเคลื่อน แทบไม่มีใครรู้จักนักเตะเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาโชว์ให้เห็นประจักษ์กะตาว่าของจริง
ด้วยคอนเน็กชั่นต่างๆสมัยเป็นกุนซือ การได้ติดต่อกับเอเจ้นท์ต่างชาติมากมาย เครือข่ายของ รังนิก จึงกว้างขวาง สามารถเลือกหาผู้เล่นสายเลือดใหม่ที่มีอนาคตมาอย่างเต็มที่
นักเตะบางส่วนจะนำไปไว้ซัลซ์บวร์ก ในขณะเดียวกันพวกที่เจ๋งจริงนำมาเล่นกับไลป์ซิก พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีทันสมัยต่างๆมาช่วยเหลือในการพัฒนา
1
ผู้เล่นอย่าง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ , นาบี เกอิต้า หรือ คอนราด ไลเมอร์ ที่เราต่างคุ้นหูกัน ล้วนแต่ผ่านการเล่นเป็นระบบจากซัลซ์บวร์กมาสู่ไลป์ซิก
1
กระทั่งกุมภาพันธ์ 2015 ช่วงนั้นไลป์ซิกก้าวมาอยู่ในลีกา 2 แล้ว แต่ทีมอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ รังนิก จึงตัดสินใจว่าในฤดูกาล 2015/16 เขาจะลงมาเป็นเทรนเนอร์เอง พร้อมทั้งยืนยันเป้าหมายว่าต้องขึ้นบุนเดสลีกาได้เลย
เขาจะสละเก้าอี้ผู้อำนวยการไว้ก่อน เพื่อจะได้มีสมาธิเรื่องการคุมทีมอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ
แล้ว รังนิก ก็ทำได้สำเร็จ ไลป์ซิกจบรองแชมป์ลีกา 2 ในซั่น 2015/16 ขยับสู่ลีกสูงสุดตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยขุมกำลังสำคัญล้วนมาจากกลุ่มผู้เล่นยังบลัดอายุน้อยๆอย่าง อันเต้ เรบิช , เอมิล ฟอสเบิร์ก , มาร์แซล ซาบิตเซอร์ หรือ ลูคัส โคลสเตอร์มันน์
หลังจากเสร็จสินภารกิจสำคัญ เขาลงไปนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการเหมือนเดิม แล้วดัน ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล ขึ้นมาสานต่องานเทรนเนอร์และปีแรกก็พาทีมจบอันดับ 2 บุนเดสลีกาอย่างน่าทึ่ง เรียกว่าเขย่าวงการอย่างรุนแรง ด้วยรูปแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความกระหายของเหล่าอินทรีหนุ่มทั้งหลาย
1
ชัดเจนเลยว่า รังนิก ครอบคลุมทุกอย่างทั้งการจัดการบริหาร กำหนดแท็คติกซึ่งเป็นพื้นฐาน คัดเลือกแข้งดาวรุ่ง รวมถึงการเฟ้นหาเทรนเนอร์ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล หรือ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เพื่อมากุมบังเหียนไลป์ซิก
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นที่โจษจันกล่าวขานมากๆ ในแง่จอมฝีมือคนหนึ่ง
--------------------
ทอม แฮมิลตัน นักข่าวและนักเขียนระดับอาวุโสของ ESPN ยืนยันว่า ราล์ฟ รังนิก คือปรามาจารย์ของวงการฟุตบอลเยอรมันอย่างแท้จริง
ด้วยคุณสมบัติละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว รอบคอบ ชอบเรียนรู้ศึกษา จึงไม่น่าแปลกใจที่จะชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ
เขาเป็นเหมือนพิมพ์เขียวให้กุนซือเยอรมันทั้งหลายได้นำวิชาไปใช้ทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ , โธมัส ทูเคิ่ล หรือ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์
นอกจากนี้ รังนิก ยังเคยเล่าไว้ว่าการที่คุณจะเติบโตมาเป็นโค้ชที่มีฝีมือ ประสบความสำเร็จบนเส้นทาง ไม่จำเป็นหรอกว่าต้องเป็นแข้งชั้นนำมาก่อน
เพียงแต่ขอให้เข้าใจศาสตร์อย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะการเริ่มต้นจากระดับเยาวชน นั่นแหล่ะคือจุดสำคัญ พร้อมทั้งบอกว่าเรียนรู้การเป็นเทรนเนอร์มาตั้งแต่ตอนอายุ 19 ปีแล้ว
นอกจากนี้ "เกเก้นเพรสซิ่ง" อันเลื่องชื่อ ก็มาจากมันสมองของ รังนิก เช่นเดียวกัน
เพราะความที่ไม่ค่อยถูกใจระบบเซ็นเตอร์แบ็ก 3 คน นำไปสู่การค้นหาสิ่งที่ดีกว่าและเข้ากับสเป็กของตน
หลังเริ่มอิ่มตัวกับการทำฟุตบอลในเยอรมัน ช่วยขยายอาณาจักรลูกหนังเร้ดบูลล์ให้ใหญ่โตมากขึ้นตามเป้าหมาย รังนิก เกือบได้งานคุมทีมเอซี มิลานแล้ว
อย่างไรก็ดีเมื่อเกิดปัญหาขัดแย้งภายในกันเองของที่นั่น เขาจึงถูกชะลอไว้ก่อน แล้วหันไปรับบทหัวหน้าฝ่ายพัฒนาดูแลอะคาเดมี่ของโลโคโมทีฟ มอสโก ซึ่งมีโปรเจคต์ใหญ่รออยู่
อย่างไรก็ดีในวัย 63 ปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า รังนิก อยากจะแสวงหาความท้าทายอีกสักครั้ง
ชื่อของเขาถูกจับไปโยงกับแมนฯยูไนเต็ด ในช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่าน โดยถูกมองว่าเหมาะสมสำหรับรักษาการณ์จนจบซีซั่นตามนโยบายของบอร์ดบริหารที่วางเอาไว้
จากนั้นพอซัมเมอร์หน้าหาผู้จัดการทีมคนใหม่แบบถาวรเรียบร้อย ค่อยก้าวลงมาแล้วนั่งแท่นผู้อำนวยการกีฬา เน้นพัฒนาเยาวชนไปด้วยและเฟ้นหาผู้เล่นที่ใช่มาสู่ทีม
แน่นอนว่าตัวแปรหรือเงื่อนไขต่างๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ รังนิก ฝ่ายเดียวเท่านั้น เพียงแต่กระแสเรียกร้องจากแฟนผีบางกลุ่มเริ่มดังขึ้นตามลำดับ
ดูจากฝีมือความสามารถ รวมถึงคุณสมบัติต่างๆแล้วเพียบพร้อม ไม่ต้องสงสัยอะไรกันทั้งสิ้น
กังขาแค่ว่าบอร์ดบริหารแมนฯยูไนเต็ดจะมองเห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา