24 พ.ย. 2021 เวลา 13:30 • สุขภาพ
🕷️โรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส (Scrub typhus) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มริกเก็ตเซีย (Rickettsia) ซึ่งมีตัวไรอ่อนเป็นพาหะ อาศัยอยู่ตามกอไม้กอหญ้าใกล้กับพื้นดิน จะกัดคนหรือสัตว์เพื่อกินน้ำเหลืองเป็นอาหาร โดยไรอ่อนจะไต่ไปตามยอดหญ้าแล้วกระโดดเกาะตามเสื้อผ้าของคนและกัดผิวหนังที่สัมผัสกับเสื้อผ้า ส่วนใหญ่บริเวณที่ถูกกัด คือ รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว
🤒หากถูกตัวไรอ่อนที่มีเชื้อกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีอาการ ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น ไอ ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย และบริเวณที่ถูกกัดอาจจะมีผื่นแดงขนาดเล็กค่อยๆ นูนหรือใหญ่ขึ้นและอาจจะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (Eschar) แต่จะไม่ปวดและไม่คัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ และอาจทำให้เสียชีวิตได้​ ภาคที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงสุด คือ ภาคเหนือ พบผู้ป่วยสูงสุด จำนวน 1,246 ราย และผู้ที่เสียชีวิตก็อยู่ในภาคเหนือ
โดยจังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับ​ (ปี2562)​ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน น่าน เชียงราย ตาก และชัยภูมิ
📸คำแนะนำทั่วไปสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเที่ยวป่าหรือไปเที่ยวดอยในช่วงนี้
- กางเต็นท์นอนในบริเวณที่โล่ง ควรเลี่ยงบริเวณพื้นหญ้า หรือพุ่มไม้
- ใช้ยากันยุงที่มีส่วนผสมของ DEET ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 20-50% และหมั่นทาทุก 4-6 ชั่วโมง
- สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด
- ทุกครั้งที่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าลืมสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีผื่น แผล หรือแมลงใดๆ เกาะตามตัวหรือไม่
- ไรอ่อนทุกตัวอาจจะไม่ได้นำเชื้อโรคทุกตัว แต่ควรสงสัยถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น
- นอกจากจะต้องระวังโรคไข้รากสาดใหญ่จากไรอ่อนกัดแล้ว อาจจะต้องระวังโรคอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ท้องเสียจากการทานน้ำและอาหารปนเปื้อนเชื้อโรค รวมถึงผลกระทบจากอากาศหนาว เช่น ผิวแห้ง ผิวหนังเป็นแผล หรือภาวะตัวเย็นเกิน
POSTED 2021.11.24
โฆษณา