25 พ.ย. 2021 เวลา 05:21 • หนังสือ
มนุษย์เราเลือกที่จะทำดีกับคนทุกคนได้ และไม่ได้ทำไปเพราะกลัวใครจะปลอมตัวเป็นเจ้าของบริษัท กลัวดูถูกผิดคนเเล้วจะซวย ส่วนการดูถูกที่ “ถูกคน” ก็ถูกผลิตซ้ำตามละครและสื่อหลักอื่น ๆ ต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
___________________________________
ผมมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่อ่านมาจากหนังสือเล่มนึง ที่พยายามตั้งคำถามว่า “จริง ๆ แล้วคนเราเลวโดยเนื้อเเท้จริงหรือ” หรือแค่เราทุกคนพร้อมใจกับคิดแบบนั้น จนเคยชินกับการอยู่อย่างหวาดระแวง ภายในระบอบทุนนิยมที่พยายามจะสนับสนุนให้เราใช้ความเห็นเเก่ตัวของเราให้เป็นประโยชน์
…ยิ่งทำให้เราเป็นเนื้อเดียวกับมันจนคิดว่ามันเป็นเนื้อเเท้ของมนุษย์​ จริง ๆ แล้วมุมมองที่คนทั้งโลกสะท้อนกันไปมานี่เเหละ ที่เป็นตัวกำหนดฐานคิดของเรา
...แต่สิ่งนี้หาใช้เนื้อแท้ของมนุษย์ มนุษย์ดีกว่านั้นได้
ผมมีเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่อยากจะแบ่งปัน เป็นเรื่องราวที่มาจากหนังสือเล่มนี้ ที่อาจจะดูโลกสวย
...แต่ก็เกิดขึ้นจริง ที่ย่าน Bronx ใน New York
___________________________________
จูลิโอ ดิอาซ นักสังคมสงเคราะห์หนุ่มกำลังนั่งรถไฟใต้ดินกลับจากที่ทำงานไปยังบ้านที่ย่านบรองซ์ในนิวยอร์ก อย่างที่เคยทำเกือบทุกวัน เขาลงหนึ่งป้ายก่อนถึงบรองซ์เพื่อกินอาหารมื้อค่ำที่ร้านโปรด
แต่คืนนี้ไม่เหมือนกับคืนอื่น ๆ ขณะที่เขากำลังเดินไปยังร้านอาหารจากสถานีรถไฟใต้ดินที่ร้างผู้คน มีร่างหนึ่งกระโดดออกมาจากเงามืด เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งถือมีดไว้ในมือ “ผมแค่เอากระเป๋าเงินให้เขาไป” จูลิโอบอกกับนักข่าวในเวลาต่อมา การปล้นสำเร็จแล้ว เด็กคนนั้นกำลังจะวิ่งหนีไปในตอนที่จูลิโอเลือกทำบางสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
 
“นี่ เดี๋ยวก่อนสิ” เขาเรียกตามหลังโจร “ถ้าจะอยู่ปล้นคนทั้งคืน นายเอาเสื้อนอกฉันไปด้วยสิจะได้ไม่หนาว”
เด็กคนนั้นหันกลับมาหาจูลิโออย่างไม่เชื่อ “ทำแบบนี้ทำไม”
“ถ้านายยอมเสี่ยงจะสูญเสียอิสรภาพเพื่อเงินไม่กี่ดอลลาร์” จูลิโอตอบ “อย่างนั้นฉันก็เดาว่านายคงต้องการเงินจริง ๆ คือฉันแค่อยากจะไปกินมื้อค่ำ เเล้วถ้านายอยากจะไปด้วยละก็...ฉันก็ยินดีมากเลย”
เด็กคนนั้นตกลง ไม่นานต่อจากนั้นจูลิโอกับคนที่จู่โจมเขาก็นั่งด้วยกันที่ร้านอาหาร พนักงานทักทายพวกเขาอย่างอบอุ่น ผู้จัดการเเวะมาพูดคุย เเม้กระทั่งคนล้างจานก็ยังกล่าวทักทาย
“คุณรู้จักทุกคนที่นี่เลยเหรอ” เด็กนั่นถามด้วยความประหลาดใจ “คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอ”
“เปล่า” จูลิโอตอบ “ฉันแค่มากินที่นี่บ่อยมาก”
“แค่คุณใจดีกับคนล้างจานด้วยเนี่ยนะ”
“ไม่เคยมีใครสอนนายให้ดีกับทุกคนหรือไง”
“มี” เด็กคนนั้นตอบ “แต่ผมว่าคนเขาไม่ทำตัวแบบนั้นกันหรอก”
พอจูลิโอกับโจรที่จี้เขากินอาหารกันเสร็จ ก็ถึงคราวที่ต้องจ่ายค่าอาหารแล้ว และจูลิโอไม่มีกระเป๋าสตางค์เเล้ว “นี่ฟังนะ” เขาบอกกับเด็ก “นายคงต้องเป็นคนจ่ายเเล้วล่ะ เพราะว่านายเอาเงินฉันไป ฉันไม่มีเงินจ่าย เเต่ถ้านายคืนกระเป๋าตังค์ให้ ฉันก็ยินดีจะเลี้ยงนายนะ”
เด็กเอากระเป๋าตังค์คืนให้ จูลิโอจ่ายค่าอาหารเเละจากนั้นก็ให้เงินเขา 20 ดอลลาร์ โดยมีข้อแม้ เขาบอก เด็กวัยรุ่นคนนั้นต้องส่งมีดมาให้เขา
เมื่อนักข่าวถามจูลิโอในเวลาต่อมา ทำไมเขาถึงเลี้ยงมื้อค่ำคนที่อาจจะปล้นเขา เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบว่า “ผมว่านะ ถ้าคุณปฏิบัติคุณอย่างเหมาะสม คุณก็หวังได้ว่าเขาจะปฏิบัติกับคนอย่างเหมาะสมเหมือนกัน มันง่ายเเบบนั้นเเหละในโลกที่ซับซ้อนใบนี้”
ในมุมมองผม ผมว่านี่แหละละครคุณธรรม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนดีอยู่ยากขึ้นทุกวัน คนทำแบบนี้ใครก็คงหาว่าบ้า
...ในโลกที่คนทุกคนเชื่อว่าเนื้อแท้ของมนุษย์เป็นคนเห็นเเก่ตัว คนหลายพันล้านคนบนโลกนี้เลยพร้อมใจกันใช้ชีวิตอย่างกลัวคนอื่นจะเอาเปรียบ ทุกคนหวาดระเเวงกันหมด ถ้าไม่เอาเปรียบคนอื่นก่อนก็จะถูกเอาเปรียบ ถ้าไม่เเทงคนอื่นก่อนก็จะถูกแทง มุมมองที่เรามีต่อคนอื่นวนกลับมากินหางเราเอง
1
...แต่มานั่งคิดดูดีดีแล้ว ไอ้ละครสะท้อนสังคม เจ้าของบริษัทปลอมเป็น รปภ. อะไรนี่จะว่าไปก็พูดไม่ผิดนะครับ เพราะสังคมในปัจจุบันเราอาจจะนิยามความดีแบบนั้นจริง ๆ ...เราควรจะดีกับคนทุกคน มากกว่าจะบอกว่าจะดูถูกใครก็พยายามเล็งให้ถูกคนเพราะกลัวเจอตอ
 
...แต่ก็นะ สังคมบ้านเรามันก็เป็นแบบนี้อยู่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจอ "ตอ" ที่เงินเยอะ ตอที่ยศสูงอำนาจเยอะ ตอที่เป็นคนชั้นสูง ..."ตอ" พวกนี้แหละที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคม และปฏิเสธไม่ได้ว่าฐานคิดด้านศีลธรรมของเราล้วนถูกก่อร่างสร้างตัวมาจากสิ่งแวดล้อมแบบนี้
2
ถ้ามันจะสะท้อนแง่มุมอะไรสักอย่างในสังคม ก็อยากให้สะท้อนความปร่าแปร่งของการนิยามคำว่าคุณธรรมในสังคมมากกว่า
ปล. เล่มนี้อ่านจบแล้ว ว่าง ๆ เดี๋ยวเอาพ้อยท์อื่นมาแชร์กันครับ
โฆษณา