หมู่หนุ่ย... แบบอย่างของการ "เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่"
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปราณีต่อประชาชน....ฯลฯ สองประโยคแรกของ "อุดมคติตำรวจ" ที่คนมาเป็นตำรวจ ไม่ว่าจะเข้าอบรมในหลักสูตรใดจำเป็นต้องท่อง จำเป็นต้องจำ และที่สำคัญจำเป็นต้องนำไปปฏิบัติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ให้สมก้บที่ได้ถูกปลูกฝังก่อนที่จะเข้ามาเป็น หรือขณะที่ยังดำรงตนเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"
หมู่หนุ่ย หรือ ส.ต.ท.วราวุฒิ ฤทธิ์มลตรี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บางบัวทอง คุณพ่อลูกสอง หนุ่มน้อยจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ถึงแม้ว่าจะเป็น "ตำรวจเล็กๆ" แต่ลุงแรก เชื่อว่า หมู่หนุ่ย เป็นคนหนึ่งที่เข้าใจและนำอุดมคติข้อนี้ไปปฎิบัติได้จริง แบบไม่เสแสร้ง ลุงแรก มีโอกาสรับรู้เรื่องของหมู่หนุ่ย ผ่านทาง Application TikTok @chotika0607
มันอาจจะเป็นเพียงเรื่องราวเล็ก ๆ แต่ก็อดที่จะยิ้มและภาคภูมิใจแทนหมู่หนุ่ย เพื่อนร่วมอาชีพของลุงแรกไปไม่ได้ และเชื่อว่าใคร ๆ ที่ได้เห็นเรื่องราวของหมู่หนุ่ย ก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากลุงแรก หลังจากนั้นลุงแรก ก็ได้ปฏิบัติการ "ตามล่าหาหมู่หนุ่ย" เพื่อนำเรื่องราวของพ่อหนุ่มรายนี้มาตีแผ่ให้มิตรรักแฟนเพลงได้รู้จักกัน
เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่หมู่หนุ่ย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สายตรวจรถจักรยานยนต์ ออกตรวจพื้นที่ในเขตรับผิดชอบตามตามปกติ เมื่อมาถึงย่านชุมชนที่ออกตรวจอยู่เป็นประจำ ท้องฟ้าก็เร่ิมมืดครึ้ม ส่อเค้าว่าอีกไม่นานฝนคงจะเทลงมาเป็นแน่ พลันที่หมู่หนุ่ยสังเกตุเห็นบ้านหลังหนึ่งเข็นราวตากผ้ามาตากไว้ที่หน้าบ้าน ด้วยคงคิดว่าคงจะได้รับแสงแดดยามเช้าที่ดี แต่บัดนี้ ถ้าฝนเทลงมา ผ้าที่ตากไว้แล้วและวาดหวังว่าจะแห้งเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน มันก็คงจะกลับมาเปียกเลอะเทอะ สร้างความเดือดร้อนเล็ก ๆ กับชาวบ้านได้อีก
หมู่หนุ่ย ลงจากรถสายตรวจ ตะโกนร้องเรียกให้เจ้าของบ้านมาเก็บราวตากผ้าไปเก็บไว้ในที่ร่ม แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครออกมา เมื่อสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกนั้นก็ได้ความว่าเจ้าของบ้านออกไปทำงาน ไม่มีใครอยู่บ้าน หมู่หนุ่ยสังเกตุเห็นว่า รั้วบ้านดังกล่าว สามารถเปิดเข้าไปได้ ก็เลยถือวิสาสะ เข็นราวตากผ้า เข้าไปไว้ในที่ร่มในบ้าน
ด้วยเกรงว่า จะเป็นที่ครหาหากมีคนไม่เข้าใจว่าตำรวจข้าไปในบ้านประชาชนได้ยังไง จึงใช้ช่องทาง Application Line ติดต่อเจ้าของบ้าน เพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวให้เจ้าของบ้านได้ทราบ ซึ่งตอนแรก ลุงแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกัน หมู่หนุ่ย ไปมีไลน์ เจ้าของบ้านได้ยังไง ก็ได้รับคำตอบจากหมู่หนุ่ยว่า นอกจากการที่หมู่หนุ่ยจะทำหน้าที่ตรวจตราบ้านเรือนในละแวกนั้นอยู่เป็นประจำแล้ว หมุ่หนุ่ยยังทำหน้าที่ "มวลชนสัมพันธ์" สร้างความรู้จักมักคุ้น และมีการแลกเปลี่ยนช่องทางการสื่อสาร การแจ้งเบาะแส กับชาวบ้านในละแวกนั้นอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่เสียเที่ยวที่ได้ทั้งการตรวจป้องกันอาชญากรรม และการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน
หากถามว่า หมู่หนุ่ยจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นมั๊ย ทั้งการเข็นราวตากผ้าเข้าไปเก็บ ทั้งการเข้าไปสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน ลุงแรก ตอบได้เลยว่า หากลำพังเพียง "ทำตามหน้าที่" หมู่หนุ่ยไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ก็แค่ขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจ มีเหตุก็ไประงับ แค่นี้ก็ถือว่า "ทำตามหน้าที่แล้ว" แต่ถ้าหากเป็นเรื่อง "เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่" ถือว่า หมู่หนุ่ย กระทำได้อย่างเยี่ยมยอด
ลุงแรก มีโอกาสสนทนากับหมู่หนุ่ย ได้รับถึงพื้นฐานความคิด การสร้างตัวตน ที่เป็นหมู่หนุ่ยในวันนี้ นอกจากพื้นฐานการอบรมของครอบครัวที่มีคุณพ่อ คุณแม่ และคุณปู่ที่คอยดูแลตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว หมู่หนุ่ยยังยืนยันว่า การที่ได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์การเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ทำให้ชีวิตของหมู่หนุ่ยเปลี่ยนไป จากเด็กที่ไม่มีระเบียบวินัย มีแนวโน้มเป็นเด็กเกเร ไม่ค่อยรับผิดชอบ กลับกลายมาเป็นตำรวจหนุ่ม ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ดีแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน และที่สำคัญศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ (ซึ่งอาจเรียกชื่อแบบไม่เป็นทางการว่า โรงเรียนนายสิบตำรวจ) เป็นแหล่งบ่มเพาะ "อุดมการณ์ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ที่ยังมีประสิทธิภาพไม่ยิ่งหย่อน
จากคำบอกเล่าขอหมู่หนุ่ย ลุงแรกก็เลยรู้สึกมั่นใจว่า อันที่จริงแล้วระบบการให้การศีกษาของตำรวจไม่ว่าจะในสถานศึกษาใด หลักสูตรใดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ล้มเหลว อย่างที่ใครบางคนคิด หรือมากไปกว่านั้น อาจจะเลยเถิดไปถึงการให้ความเห็นกับสังคมว่า ต้องเข้าขั้น "ปฏิรูปแบบยกแผง" ลุงแรกไม่ได้ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงมันเป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ไอ้การที่จะมาบอกว่า ที่มีตำรวจทำผิด ทำไม่ดีกับสังคมทุกวันนี้ ต้นตอมาจากระบบการศึกษาของตำรวจ ลุงแรกคิดว่าที่มันเป็นปัญหามันเป็นเรื่องของตัวบุคคลต่างหาก ซึ่งแน่นอนทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ขอบคุณ "กล้องวงจรปิด" และผู้ที่นำภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นมาบอกเล่าเรื่องน่ารักอย่างนี้ให้พวกเราได้รับรู้กันผ่าน Application TikTok ลุงแรกก็เลยถือโอกาสเอาเรื่องดี ๆ ของตำรวจเล็ก ๆ แต่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่คนนี้ มาเล่าต่อให้ฟังกัน เพื่อตอกย้ำว่า ในองค์กรแห่งนี้ ยังมีคนดี ๆ ที่อยู่ในซอกหลืบเล็ก ๆ ของประเทศนี้อีกมากมาย
ถ้าเราช่วยก้นหยิบยกเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้นมาเล่าสู่กันฟัง มายกย่องเชิดชู ให้พวกเค้าได้ต่อยอดสิ่งดี ๆ ที่พวกเค้าได้ตั้งใจทำ แน่นอน ผลที่ได้ ไม่ใช่ใครอื่นไกล นั่นก็คือสังคมของเรา พี่น้องประชาชนของเราที่จะมีตำรวจดี ๆ ตำรวจที่จะมีกำลังใจเดินหน้าทำดีต่อ และเป็นแบบอย่างให้กับพี่น้องตำรวจคนอื่น ๆ ได้เดินตาม และถึงวันนั้นสังคมของเราก็คงจะน่าอยู่มากขึ้นแน่นอน จริงมั๊ยครับ....รักนะ จุ๊บๆ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
