25 พ.ย. 2021 เวลา 11:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
การตัดสินใจโดยคณะทำงานของปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯในการปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ตามความเห็นของ แดน บรูเล็ตต์ อดีตรมว.พลังงานสหรัฐฯเมื่อวานนี้
อดีตรมว.พลังงานในยุคของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าการประกาศระบายน้ำมันสำรองออกมา 50 ล้านบาร์เรลเป็นนโยบายที่ไม่ดี และยังชี้ว่ามันไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินในส่วนของการจัดหา แต่น่าจะเป็นเหตุเร่งด่วนทางการเมืองมากกว่า
น้ำมันในคลัง SPR ถือเป็นสินทรัพย์หลักประกันเพื่อความมั่นคงของชาติในการป้องกันปัญหาการติดขัดของการจัดหา เช่น ระหว่างการเกิดภาวะฉุกเฉิน แต่จากการตัดสินใจที่เกิดขึ้นล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความกังวลของ ไบเดน เกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางสมัยในปีหน้า
บรูเล็ตต์ กล่าวต่อไปว่า ในประวัติศาสตร์เคยมีปธน.สหรัฐฯเพียง 3 คนที่ตัดสินใจใช้งานน้ำมันจากคลัง SPR เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดท่ามกลางภาวะวิกฤต อย่างสงครามในลิเบีย, สงครามอ่าวเปอร์เซีย และเหตุการณ์พายุเฮอริเคนแคทรีนา
จากที่ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นกว่า 60% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ก็ทำให้สหรัฐฯร้องขอไปยังองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) ให้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง แต่ทาง OPEC และกลุ่มชาติพันธมิตรกลับยืนยันแผนการเดิมในการทยอยเพิ่มผลผลิต
บรูเล็ตต์ ให้ความเห็นว่า การดึงน้ำมันออกจากคลัง SPR เพื่อตอบโต้ OPEC เป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง โดยสหรัฐฯยังมีเครื่องมือตัวอื่นที่สามารถเลือกใช้ได้ เช่น การกลับมาเดินหน้าในโครงการท่อส่งน้ำมัน Keystone XL ระหว่างแคนาดา
โครงการที่ถูกประกาศเพิกถอนใบอนุญาตโดยคณะรัฐบาลของ ไบเดน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีขีดความสามารถในการลำเลียงน้ำมันดิบจากแหล่งทรายน้ำมันในรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดามายังรัฐเนบราสกาในสหรัฐฯได้มากถึง 830,000 บาร์เรลต่อวัน
บรูเล็ตต์ ยังกล่าวสรุปว่า สหรัฐฯมีความสามารถในการผลิตน้ำมันที่ 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคอยช่วยกำหนดทิศทางในตลาดมาตลอดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะย้อนกลับไปยังจุดนั้นโดยไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวกับน้ำมันที่อยู่ในคลังสำรองของประเทศ
ความเห็นของ บรูเล็ตต์ ยังสอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์จากบริษัท Schork Report ที่เชื่อว่าแผนการของ ไบเดน จะไม่ประสบผล โดยชี้ว่าน้ำมันจากคลังสำรองของประเทศไม่ได้มีไว้เผื่อความพยายามบิดเบือนราคาของตลาด
จากคำประกาศของ ไบเดน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐฯเตรียมจะปล่อยน้ำมันดิบออกมา 50 ล้านบาร์เรล โดยแบ่งเป็น 32 ล้านบาร์เรลที่จะใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนภายในเดือนถัด ๆ ไป และอีก 18 ล้านบาร์เรลสำหรับการเร่งเทขายตามคำสั่งก่อนหน้านี้
แม้จะรวมเข้ากับปริมาณน้ำมันสำรองที่มาจากประเทศพันธมิตรที่คาดว่าจะมีตัวเลขอยู่ประมาณ 50 ล้านบาร์เรล แต่ด้วยยอดรวมทั้งหมดราว 100 ล้านบาร์เรลก็จะเทียบเท่ากับปริมาณความต้องการน้ำมันทั่วโลกเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
เขาให้ความเห็นต่อไปว่า มันอาจดูเป็นเรื่องที่มีการเดิมพันกันสูงสำหรับการจะได้เห็นราคาน้ำมันขยับขึ้นไปอยู่ที่ $100 ต่อบาร์เรล แต่มันยังมีโอกาสเกิดขึ้นเร็วสุดในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า โดยเฉพาะเมื่อซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
References :
โฆษณา