26 พ.ย. 2021 เวลา 10:46 • ประวัติศาสตร์
• ไม่ใช่แค่เลือดแต่เป็นปัสสาวะด้วย!
ทำไมปัสสาวะของพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ ถึงมีสีน้ำเงิน!?
พระเจ้าจอร์จที่ 3 (King George III of United Kingdom) ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรผู้ปกครองแผ่นดินยาวนานถึง 60 ปี (ตั้งแต่ปี 1760 ถึง 1820) แต่คนส่วนใหญ่กลับจดจำพระองค์ ในฐานะของกษัตริย์ผู้พ่ายแพ้ต่อสหรัฐฯ ในสงครามประกาศอิสรภาพ
นอกจากความพ่ายแพ้ต่อสหรัฐฯ อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกจดจำ ก็คือการที่พระองค์เกิดประชวรเสียพระสติ (พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นบ้า)
พระเจ้าจอร์จที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร (ครองราชย์ 1760-1820)
ซึ่งอาการประชวรดังกล่าว ก็ถึงขั้นทำให้พระองค์ไม่สามารถปกครองแผ่นดินได้อีก และพระโอรสของพระองค์ (ต่อมาคือพระเจ้าจอร์จที่ 4) กลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ในช่วงสิบปีสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะสวรรคตในปี 1820
และเคยรู้หรือไม่ครับว่า ในตอนที่พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงเสียพระสตินั้น ก็ได้มีการบันทึกว่า พระองค์ยังมีปัสสาวะที่เป็นสีน้ำเงินอีกด้วย
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้พระองค์เกิดเสียพระสติและมีปัสสาวะเป็นสีน้ำเงิน?
ในปี 1969 นิตยสาร Scientific American ได้เสนอทฤษฎีว่า สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด มาจากโรคทางพันธุกรรมหายากชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า โรคพอร์ฟีเรีย (Porphyria)
1
โรคพอร์ฟีเรียมีสาเหตุจากการที่ร่างกายมีการสะสมของสารพอร์ฟีริน (Porphyrin) มากจนเกินไป ซึ่งโดยปกติแล้ว ร่างกายของคนเราจะเปลี่ยนสารพอร์ฟีรินให้กลายเป็นโมเลกุลโปรตีนฮีม (Heme) ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดง ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกาย
เมื่อร่างกายมีปริมาณของสารพอร์ฟีรีนมากจนเกินไป จะทำให้เกิดความปกติกับร่างกาย โดยเฉพาะกับระบบประสาท ผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการ อาทิ ประสาทหลอน นอนไม่หลับ วิตกกังวล หวาดระแวง ที่สำคัญพอร์ฟิรีนบางส่วนจะถูกขับทางปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะของผู้ป่วยมีสีน้ำเงินหรือสีม่วง ตามสีของสารพอร์ฟีริน
1
เปรียบเทียบปัสสาวะของคนปกติ (ซ้าย) กับปัสสาวะของผู้ป่วยโรคพอร์ฟีเรีย (ขวา)
และด้วยลักษณะอาการของโรค ที่เหมือนกับอาการที่พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงประสบอยู่ จึงทำให้เชื่อว่า พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคพอร์ฟิเรีย โดยแพทย์หลวงที่รักษาพระอาการของพระองค์ ได้ใช้สารหนู (Arsenic) ในการรักษา แน่นอนว่ามันจะทำให้พระเจ้าจอร์จทรงมีพระอาการที่แย่มากขึ้น
*** Reference
1
#HistofunDeluxe
โฆษณา