Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เที่ยวไปตามใจ
•
ติดตาม
26 พ.ย. 2021 เวลา 12:07 • ท่องเที่ยว
หอบรรพชนสกุลเฉิน
จุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในมหานครกวางโจวที่ลูกหลานชาวจีนแต้จิ๋วโพ้นทะเล(แซ่ตั้ง)อาจจะสนใจไปเยี่ยมชมคือ หอบรรพชนสกุลเฉิน (Chen Jia Shi Shu Yuan 陈 家氏书院 เฉินเจียซื่อซูหยวน)
1
หอบรรพชนสกุลเฉิน (Chen Clan Ancestral Hall) หรือ สถาบันสกุลเฉิน (Chen Clan Ancestral Hall) สร้างขึ้นสมัยปลายราชวงศ์ชิง (ตรงกับสมัย ร. 5) ด้วยเงินบริจาคจากผู้คนสกุลเฉิน (คนแต้จิ๋วออกเสียงว่า แซ่ตั้ง) 72 เขตในมณฑลกวางตุ้งรวมทั้งจากชาวจีนแต้จิ๋วโพ้นทะเลสกุลเฉิน โดยมีแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของบัณฑิตสกุลเฉินผู้หนึ่งที่สอบจอหงวนได้อันดับต้นๆช่วงปลายราชวงศ์ชิง
สร้างเสร็จปี พ.ศ. 2437 แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัด/ศาลสำหรับบูชาบรรพบุรุษสกุลเฉิน ทั้งยังสร้างเพื่อเป็นที่ ”กวดวิชา(ขงจื้อ)” และที่พักแรมของลูกหลานแซ่ตั้งเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ารับราชการ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2448 เมื่อจีนยกเลิกระบบคัดเลือกเข้ารับราชการแบบโบราณ สถานที่แห่งนี้จึงใช้เป็นโรงเรียนฝึกอาชีพและโรงเรียนระดับมัธยม
ในปี พ.ศ. 2502 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทางการกวางโจวปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นหอแสดงศิลปะและงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านกวางโจว แสดงผลงานศิลปะทางใต้ของจีน งานศิลปะและงานหัตถกรรมพื้นบ้านอันโดดเด่นของชาวกวางตุ้ง และชาวแต้จิ๋วอาทิเช่น
●
งานกระเบื้องเคลือบสือวาน (Shiwan Pottery 石湾陶艺) รูปดอกไม้ สัตว์ คน และอาคารจำลองขนาดจิ๋วที่ใช้ประดับหลังคา ทำจากดินเหนียว เคลือบสีเหลือง ฟ้า เขียว น้ำตาล ก่อนนำไปเผาด้วยอุณหภูมิสูง จนได้ผิวเคลือบสีสดใส เป็นเงามัน
●
งานหัตถกรรมการสลักหิน สลักไม้ สลักอิฐ (มีงานแกะสลักเมล็ดหนำเลี๊ยบด้วย!) ของชาวแต้จิ๋ว
●
งานเหล็กหล่อ งานแกะฉลุงาช้างและกระดูกสัตว์ (Openwork Carving)
●
งานผ้าปักกวางตุ้งและแต้จิ๋ว ฝีมือปักผ้าจัดอยู่ในระดับ 1 ใน 4 ยอดปฐพีจีนทีเดียว
●
งานปูนปั้น เซรามิก ภาชนะเครื่องเคลือบดินเผา และงานกระดาษตัด
ผลงานปราณีตงดงามเหล่านี้นำมาจัดแสดง ตกแต่งประดับทุกส่วนของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นขื่อ คาน เชิงชาย แนวสันหลังคา ประตู และเสา โดยเรียงร้อยเรื่องราวจากตำนาน คติความเชื่อของผู้คนในภูมิภาคทางใต้ของจีน เช่นการเฉลิมฉลองการจุติของเทพยดา รูปแกะสลักความงามจากธรรมชาติแต่ละรูปล้วนแทนความหมายมงคลต่างๆ เช่น โบตั๋นและนก แทนความหมายถึงความมั่งคั่งและเสน่ห์ดึงดูดใจ ค้างคาวแทนความมั่งคั่ง ฯลฯ
หอบรรพชนสกุลเฉินเป็นกลุ่มอาคารพักอาศัยแบบที่นิยมสร้างในยุคราช วงศ์หมิงและชิง ประกอบด้วยอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบหลิงหนาน (岭南) 19 หลัง อาคารทั้งหมดเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินแบบมีหลังคา ด้านในมีสวนทั้งหมด 6 จุด
ภูมิภาคหลิงหนานคือที่ตั้งของอาณาจักรโบราณหนานเยว่ (南越) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางใต้ของจีน ได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง กวางสี อันนัม (เวียต นามตอนกลางในปัจจุบัน) บ้างว่า รวมหูหนานและเจียงสีในภูมิภาคนี้ด้วย อาณาจักรโบราณแห่งนี้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฮั่น (ราว 200 ปีก่อนคริสตกาล)
สถาปัตยกรรมหลิงหนานเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยโบราณของชาวหนานเยว่ (ซึ่งไม่ใช่ชนเผ่าฮั่น) พัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศแบบกึ่งร้อนชื้นของแถบนี้ วัตถุดิบท้องถิ่นที่ใช้ในการก่อสร้างมีคุณสมบัติทนความชื้นและเชื้อรา แตกต่างจากที่ใช้งานก่อสร้างในภูมิภาคอื่นๆของจีน แต่ต่อมาได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง จนพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมหลิงหนานคลาสสิก
กล่าวกันว่า หอบรรพชนสกุลเฉินนี้เป็นตัวอย่างของสุดยอดสถาปัตยกรรมหลิงหนาน ออกแบบโดยยึดหลักภูมิโหราศาสตร์ (风水Feng Shui ฮวงจุ้ย) ผังอาคารวางตามแกนเหนือ-ใต้
ด้านหน้ามีสิงโตผู้พิทักษ์ทางเข้าซึ่งแตกต่างจากสิงโตผู้พิทักษ์ของภูมิภาค อื่นๆของจีน สิงโตแบบหลิงหนาน มีลำตัวยาว หัวโต ขาเล็ก จมูกแบน ใบหูเหมือนใบไม้ ปลายใบหูแหลม แยกเขี้ยวอวดฟันแหลม นิยมวางสิงโตตัวผู้เหยียบลูกตะกร้อ (หมายถึงโชคลาภ) ไว้ด้านซ้ายของทางเข้า (ทำไมต้องด้านซ้าย?) ประตูทางเข้าหลักหันหน้าไปทางทิศใต้เพื่อความรุ่งเรืองแก่ผู้อาศัย (น่าจะเกี่ยวกับทิศทางลม / ระบบระบายอากาศตามธรรมชาติมั้ย?)
อาคารหลักมีประตูหลายบาน ประตูบานกลาง เฉพาะผู้มีสถานภาพทางสังคมสูงเท่านั้นจึงใช้ผ่านเข้า-ออกได้ (เช่น ผู้นำชายของครอบครัว แขกสำคัญ และภรรยาในตระกูลที่มีทายาทชาย) ส่วนคนอื่นต้องเข้า-ออกประตูข้างซ้ายหรือขวา (ที่บ้านเรา มีบอกให้ชิดซ้ายเหมือนกัน!)
โครงสร้างอาคารนิยมสร้างพื้นที่เปิดโล่ง โปร่ง จึงมีระเบียงและทางเดินแบบมีหลังคาคลุมจำนวนมาก ซุ้มประตูเล็กที่ปลายทางเดิน เปิดใช้งานเฉพาะช่วงกลางวัน นอกจากใช้เป็นตัวแบ่งพื้นที่แต่ละส่วนออกจากกัน ยังใช้เป็นประตูป้องกันภัยร้ายจากภายนอก
การออกแบบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมหลิงหนานตามหลักภูมิโหราศาสตร์ (ไทยเราน่าจะเรียกว่า ช่องลม?) คือการเว้นพื้นที่ว่างแนวยาวระหว่างอาคารเพื่อให้กระแสลมพัดผ่าน ช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคาร เป็นภูมิปัญญาโบราณที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม
หลังคาอาคารหลิงหนานยุคโบราณทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเป็นแนวตรง ชายคาเอียงลาดสู่พื้น (ไม่เชิดโค้งขึ้นแบบสถาปัตย์ฯยุคราชวงศ์ถัง) ตกแต่งโครงสร้างด้วยโทนสีอ่อน ไม่นิยมใช้โครงสร้างทรงกลม ประดับอาคารด้วยงานสลักแบบนูนต่ำเพื่อภาพดูสมจริง
หอบรรพชนสกุลเฉินแห่งนี้เป็นแหล่งรวมสารพันงานศิลปะและงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ใช้ตกแต่งโครงสร้างทางสถาปัตย์ และตกแต่งภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานแกะสลัก 3 ประเภท Three Carvings (งานสลักหิน สลักไม้ สลักอิฐ) งานประติมากรรม 3 ประเภท Three Sculptures (งานรูปปั้นเซรามิก รูปปั้นดินเหนียว รูปปั้นหลากสี) และ แผงเหล็กหล่อ One Cast ที่ประดับราวบันไดทางขึ้นอาคารหลักและระเบียงด้านหน้า ที่บอกเล่าตำนานสัตว์มงคล
สิ่งที่ชอบมากเมื่อมาชมที่นี่ ไม่ใช่แค่ความปราณีตงดงามของสิ่งของจัดแสดง แต่ชอบที่มีคำอธิบายความ ขั้นตอนการทำคร่าวๆ ทำให้คนที่ไม่มีความรู้เชิงช่างอย่างเรานึกภาพตามได้ (นึกถึงพระที่นั่งอนันตสมาคมที่มีคำอธิบายโดยละเอียดเช่นกัน แต่ไม่ให้ถ่ายภาพ) เสียดายที่คำอธิบายบางเรื่องเป็นภาษาจีนล้วนๆ
ปัจจุบันมีการประยุกต์โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมหลิงหนานแบบคลาสสิกไปใช้ในอาคารต่างๆในกวางโจว มาเก๊า และฮ่องกง เช่น อาคารย่านเป่ยจิงลู่ (ถนนคนเดินปักกิ่ง) และอาคารสนามกีฬาย่านเทียนเหอ ทั้งสองแห่งอยู่ในกวางโจว
ประตูทางเข้าด้านหน้าเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เดิมใช้เป็นโถงบูชาบรรพบุรุษ ด้านหลังห้องโถงนี้ประดับด้วยฉากไม้แกะสลักสองด้าน
ห้องโถงแต่ละห้องจัดแสดงงานศิลปะ/งานฝีมืองดงาม เช่น งานสลักไม้ งานแกะสลักฉลุงาช้างและไม้อันซับซ้อน เซรามิก การจัดเครื่องเรือนในห้องหับแบบยุคเก่า รวมถึงตัวอย่างโครงสร้างอาคาร
งานศิลปะและงานฝีมือชั้นบรมครูเหล่านี้ล้วนเกี่ยวพันบอกเล่าตำนานเก่าแก่ซึ่งในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม (พฤษภาคม 2509 – ตุลาคม 2519) ถือว่าเป็นซากเดนทางความคิด/วัฒนธรรมปฏิกิริยาล้าหลังทั้งสิ้น แต่หอบรรพชนสกุลเฉินรอดพ้นเงื้อมมือการทำลายล้างจากกลุ่มอุดมการณ์สุดโต่ง (ตามทฤษฎีสมคบคิดของกลุ่มสี่สหายผู้บงการ?) เพราะผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่แห่งนี้ในยุคนั้นได้นำเครื่องพิมพ์มาติดตั้งเพื่อตีพิมพ์งานเขียนของประธานเหมาเจ๋อตง ปรากฏการณ์แบบนี้ต้องถือว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง!
เรามีโอกาสมาเที่ยวหอบรรพชนสกุลเฉินหลายครั้ง ได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ชื่นชมรายละเอียดมากขึ้น ตกผลึกกับข้อมูลที่รับรู้มามากขึ้น
มีบางประเด็นน่าสนใจ เช่นศิลปะแกะสลักฉลุงาช้าง ครั้งแรกที่ไปเที่ยวที่นี่ มีป้ายบอกราคางานแกะฉลุงาช้างทุกชิ้น (ช่วงนั้นไซเตสมีการรณรงค์ต่อต้านขบวนการลอบฆ่าช้างในเคนยาและแอฟริกาเพื่อเอางา และขนส่งไปยังปลายทาง บ่อยครั้งมีจุดขนถ่ายที่กรุงเทพด้วย) ส่วนตัวยังคิดว่าไม่น่าจะมีการปรับตัวเปิดรับแนวคิดอนุรักษ์ได้เร็ววันนัก
แต่การเยี่ยมชมในปีต่อมา พบว่าป้ายอธิบายที่ตู้จัดแสดงส่วนนี้ กล่าวถึงไซเตส (CITES) ที่ห้ามซื้อ-ขายงาช้างและผลกระทบของมาตรการอนุรักษ์นี้ที่อาจมีต่ออนาคตของมรดกทางหัตถกรรมด้านนี้
ล่าสุด ปี 2561 ได้ไปชมหอบรรพชนสกุลเฉินอีกครั้ง พบว่าวัตถุจัดแสดงหลายชิ้นของที่นี่ได้ย้ายไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์กวางโจวแล้ว
เดินทางไปชมหอบรรพชนสกุลเฉินได้โดยรถใต้ดินสาย 1 ลงสถานี Chen Jia Ci (เฉินเจียซื่อ) หรือ Chen Clan Ancestral Hall ออกทางประตู C จะถึงลานด้านหน้า เดินตรงไปด้านข้างจะพบซุ้มขายตั๋ว ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 10 หยวน อายุ 60 - 65 ปี จ่ายแค่ 5 หยวน อายุ 65 ปีขึ้นไปเข้าชมฟรี มีจิตใจสากลนิยมมากด้วยเพราะผู้อาวุโสต่างชาติก็ได้รับสิทธินี้เช่นกัน
ที่นี่เปิดทุกวัน 08.30 - 17.30 มีเปิดให้เข้าชมฟรีวันพุธที่ 3 ของทุกเดือน (ยกเว้นเดือนมิถุนายน) และวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นวันมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ (คนเข้าชมเป็นล้นหลามแน่นอน)
บันทึก
5
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย