27 พ.ย. 2021 เวลา 01:45 • หนังสือ
5 บทเรียนสำคัญ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง
จากหนังสือ Who moved my cheese? ใครเอาเนยแข็งของฉันไป
‘เนยแข็ง’เปรียบเสมือน สิ่งที่ผู้คนแสวงหาในชีวิต
เช่น งาน ความสัมพันธ์ เงินทอง บ้านหลังใหญ่ สุขภาพ ความสงบร่มเย็นในใจ ทุกคนต่างรู้ดีว่า เนยแข็งของตัวเองคืออะไร
ส่วน ‘เขาวงกต’ เปรียบเสมือน สถานที่ที่ผู้คนใช้เวลาออกตามหาสิ่งเหล่านั้น
เช่น ในองค์กรที่ทำงาน ชุมชนที่ผู้คนอาศัยอยู่
1) หมั่นเสาะหาร่องรอยของความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น
การเฝ้าสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะหลาย ๆ ครั้ง มันมักจะมีสิ่งบ่งชี้เล็ก ก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอ
เราต้องหัดทำตัวเป็นหนูสนิฟ ที่คอยทำจมูกฟืด ๆ เสาะหาความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้
และเตรียมแผนในการรับมือการความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น
เหมือนสนิฟที่เอารองเท้าห้อยไว้ที่คออยู่ตลอดเวลา
2) ลงมือปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงให้รวดเร็วเป็นข้อได้เปรียบ
และอาจสร้างโอกาสอื่นให้กับชีวิตของคนเราได้
เราต้องทำตัวเป็นหนูสเคอรี่ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เราต้องพยายามมองหาวิธีในการปรับตัวเองให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง
ในหนังสือเล่มนี้คือการวิ่งกลับเข้าไปในเขาวงกตอย่างรวดเร็วเพื่อตามหาเนยแข็งชิ้นถัดไป
ในชีวิตจริง นั่นอาจหมายถึง เราอาจต้องหางานอันใหม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับงานที่เราทำอยู่ขึ้นมา
หรือแม้แต่การมองหาช่องทางการสร้างรายได้แบบใหม่
ในช่วงการระบาดของ COVID-19 จะเห็นชัดเจนมากว่า เนยแข็งของหลายคนอาจหายไปโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่มีไม่กี่คนที่ทำตัวเป็นสเคอรี่ นั่นคือการมองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ และลงมือสร้างรายได้จากโอกาสใหม่นั้นโดยเร็
3) องค์กรเองก็ควรตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
องค์กรเองยังควรทำตัวเป็นหนูสนิฟและสเคอรี่ เพื่อให้ตัวเองมีโอกาสอยู่รอด
แม้ในวันนี้องค์กรจะมีสถานีรายรับขนาดใหญ่
แต่การเกิดเทคโนโลยี ดิสรับชั่น (technology disruption) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และการระบาดของ COVID-19 ก็อาจทำให้สถานีดังกล่าวหายวับไปในพริบตา
ในช่วงการระบาดของ COVID-19 จะเห็นว่ามีหลายองค์กรที่ต้องปิดตัวลง
ธุรกิจมากมายก็ล้มหายตายจาก จากการขาดรายได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ดังนั้นแล้ว การหมั่นตรวจหาความเปลี่ยนแปลงที่มีโอกาสเกิดขึ้น รวมถึงการลงมือปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรยุคใหม่ที่อยากแข่งขันได้ในระยะยาว
4) เลือกผู้นำที่มี mindset รับการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม
เรื่องแนวคิดและวิธีการในการรับการเปลี่ยนแปลงอาจกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการคัดเลือกผู้นำองค์กร หรือคนที่จะเข้าทำงานก็เป็นได้
ในมุมองค์กร แต่ละองค์กรอาจเลือกได้ว่าควรจะสนับสนุกคนประเภทไหน และคนประเภทไหนที่องค์กรทุกองค์กรคงไม่อยากเอาไว้
แน่นอนว่าองค์กรควรจะสนับสนุนให้คนที่เป็นผู้นำมี mindset แบบสนิฟและสเคอรี่ เป็นคนที่ปรับตัวไว มองหาการเปลี่ยนแปลงของตลาด และตัดสินใจลงมือทำอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันรุนแรงและสมรภูมิเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ผู้นำที่ฉลาดเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทำให้องค์กรอยู่รอด แต่จะต้องเป็นคนที่ปรับตัวเร็วด้วย
5) เมื่อต้องเปลี่ยนแปลง จงมีความสุขไปกับมัน อย่าไปจมกับสิ่งที่เคยมีในอดีต
เห็นได้จากตัวละครฮอว์ที่ตอนแรกไม่อยากเปลี่ยนแปลง แต่ก็ค่อย ๆ ปรับmindset ตัวเองจนยอมโอบรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ช่วงแรก ๆ ฮอว์ยังคงคิดถึงเนยแข็งก้อนเก่า และไม่อยากเดินทางต่อไปในเขาวงกต
แต่เมื่อเขาคิดได้ เขาก็พยายามโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน
เลิกสนใจเนยแข็งก้อนเดิมในอดีต
และพุ่งเป้าไปที่การตามหาเนยแข็งก้อนใหม่
ชีวิตจริงเราก็ไม่ต่างอะไรกัน ทางเดียวที่จะมีความสุขเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น คือการมีความสุขไปกับมัน
มองมันเป็นเรื่องสนุก และออกผจญภัยไปในเขาวงกตแห่งชีวิตอีกครั้ง
สุดท้ายนี้อาจสรุปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมันมักจะมาในเวลาที่เราไม่คาดฝัน
เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมพร้อมรับมือไว้ตลอดเวลา
และที่สำคัญลองอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อตกผลึกเป็นไอเดียในการน้อมรับการเปลี่ยนแปลงกันเถิดครับ
………………………………………………………………………………………………………………….
ผู้เขียน : M.D. Spencer Johnson
ผู้แปล: ประภากร บรรพบุตร
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
จำนวนหน้า: 92 หน้า
แนวหนังสือ: การพัฒนาตัวเอง
ชื่อเรื่องต้นฉบับ: Who Moved My Cheese?
เดือนปีที่พิมพ์: 2001
………………………………………………………………………………………………………………….
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
‪#‎หลังอ่าน ‪#หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100เล่มควรอ่านก่อน30 #whomovedmycheese #ใครเอาเนยแข็งของฉันไป
📌หลังอ่าน
โฆษณา