28 พ.ย. 2021 เวลา 02:31 • การตลาด
-- ลดทั้งร้าน ลดล้างสต็อก! ลดราคากันถล่มทลายขนาดนี้ การ Sale บ่อยๆ ธุรกิจได้อะไรบ้าง? --
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนก็เจอแต่ป้าย SALE เต็มพรึ่บ ทั้งลดเล็ก ลดใหญ่ ลดยกร้าน เรียกว่ามองแทบไม่เจอร้านที่ขายราคาปกติแล้ว
เห็นลดราคากันถล่มทลายขนาดนี้ ร้านเหล่านั้นได้อะไร การ SALE ช่วยให้ธุรกิจได้อะไรบ้าง?
1. แย่งชิงกำลังซื้อ
ในการแข่งขันปัจจุบัน นอกจากแข่งกันทำของให้ดี มีคุณภาพ บริการให้ประทับใจแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่เรามองข้ามกัน นั่นคือ การแข่งกันแย่งเงินจากกระเป๋าลูกค้า เพราะใครได้ก่อน นอกจากจะได้เงินนั้นมาเข้าเราแล้ว ยังตัดโอกาสขายของคู่แข่งได้อีกด้วย
.
การทำ SALE คือวิธีการที่ดีที่สุดในกรณีที่คุณมีจุดประสงค์จะฆ่าคู่แข่งให้ตาย และเป็นวิธีที่รายใหญ่ๆ ชอบใช้ในการล้างรายย่อยออกจากตลาด
.
อีกมุมมองนึงเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ปัจจุบันการแข่งขันเปลี่ยนไปมากแล้ว โลกมีการแข่งขันมากขึ้น ทุกคนทำสินค้าได้ดีขึ้นมากจนมาตรฐานดีขึ้นมาใกล้เคียงกันมาก ทำให้น้ำหนักของอำนาจการซื้อขายย้ายกลับไปอยู่ฝั่งผู้ซื้อ
.
นอกจากนั้น เดี๋ยวนี้มีธุรกิจอื่น สินค้าอื่นอีกหลายอย่างมาช่วยแย่งกำลังซื้อไปอีก ถ้าไม่รีบแย่งเงินมาให้ได้ สุดท้ายใครจะเหลือเงินมาซื้อของ ดังนั้น ถ้าเรายังคิดแค่ว่า คู่แข่งของเราคือคนที่ทำสินค้าแบบเดียวกับเรา คุณกำลังเข้าใจผิดมหันต์แล้ว
2. สร้าง Traffic
การลดราคาสามารถใช้เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าให้เดินเข้าร้านหรือแวะเวียนเข้ามาดูใน Website ของเราได้ง่ายที่สุด เพราะคำว่า SALE นั้นส่งผลโดยตรงต่อจิตใต้สำนึกของผู้ซื้ออยู่แล้ว
.
ใครคิดใช้วิธีนี้ มีงานต้องเตรียมคือการทำ Cross Sale หรือ Up Sale การขายสินค้าอื่นในราคาปกติ หรือสินค้าที่มี Margin สูงๆ นั่นเอง
1
3. ระบายสต๊อกที่ขายไม่ได้
Dead Stock is Dead Stock ของที่ขายไม่ได้ยังไงก็คือขายไม่ได้ และคุณค่าของมันจะค่อยๆ ลดลงไปตามเวลา ของที่คุณออกมาขาย 2-3 เดือนแรกแล้วขายไม่ได้
คุณต้องเริ่มทำอะไรกับมันสักอย่างแล้ว เพราะปล่อยไว้เฉยๆ มันก็จะอยู่อย่างนั้นแหละ รับรองได้
.
การลดราคาเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง คุณต้องเริ่มทำอะไรกับมันสักอย่างแล้ว เพราะปล่อยไว้เฉยๆ มันก็จะอยู่อย่างนั้นแหละ รับรองได้ การลดราคาเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง
4. ใช้เพื่อประเมินว่า ลูกค้าประเมินค่าของคุณไว้แค่ไหน
ธุรกิจของเรามีราคาตามคุณค่าที่มันมี ซึ่งแปลได้ง่ายๆเลยว่า ลูกค้าเค้าจะจ่ายเงินให้เราตามคุณค่าที่เค้าเห็นจากตัวสินค้านั้น ถ้าเค้าเห็นมันมีค่ามาก เค้าก็เต็มใจจะจ่ายเงินในราคาสูง
.
ความยากมันอยู่ตรงนี้ สมมติว่า คุณค่า 1 คะแนน = เงิน 1 บาทนะ เอาง่ายๆ บางทีเราประเมินตัวเองว่าของเราดีระดับ 100 คะแนนเต็มเลย (แบบดีสุดยอด ไม่มีที่ติ) เราเลยตั้งราคาขายไว้ที่ 100 บาท
.
แต่พอวางขาย ลูกค้าเห็นแล้วประเมินว่าของเราก็ดีนะ แต่เค้าให้แค่ 80 คะแนนเท่านั้น นั่นแปลว่าคุณไม่มีทางขายของชิ้นนั้นได้ในราคา 81-100 บาท เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าจ่ายแพงเกินไป แต่ถ้าคุณลดราคามาเหลือ 80 บาท นั่นจึงจะมีโอกาสขาย
.
ทีนี้ถ้าอยากลดราคาให้เหมาะสมแบบไม่ให้ลดมากเกินไป (เสียโอกาส) หรือลดน้อยเกินไป (ลดแล้วก็ยังขายไม่ได้) ก็ให้ทำการทดลองเล็กๆ โดยให้คนต่อราคาดูได้ ส่วนต่างของราคาที่ลูกค้าส่วนมากประเมินไว้ห่างกับที่คุณตั้งไว้แค่ไหน นั่นคือ % ที่คุณควรใช้ลดราคาเมื่อได้ผลการทดลองแล้ว ต่อไปคุณจะใช้ตั้งราคาสินค้าตัวใหม่ๆ ได้ดีขึ้น
1
5. ลดเพื่อเพิ่มยอดขาย
ธุรกิจบางประเภท ขายราคาเต็มไม่ได้แล้ว เพราะทั้งวงการเต็มไปด้วยการลดราคา ลดกันทุกวี่วัน ทุกสิ่งที่เค้าทำนั้น เค้าลดแบบตั้งใจ เป็นกลยุทธ์นึงในการขาย ซึ่งเหมาะมากสำหรับสินค้าที่มีการเปลี่ยน Collection บ่อยๆ ตามกำหนดเวลาที่สม่ำเสมอ
.
อย่างเช่น Fashion หรือของแต่งบ้าน ซึ่งมีการเปลี่ยนสินค้าทุกครั้งที่ฤดูกาลเปลี่ยนปีนึงขายเฉพาะช่วง SALE 2-3 รอบ ก็มียอดขายเพียงพอจะอยู่ได้ทั้งปี ส่วนยอดขายราคาปกติในวันธรรมดาก็เน้นขายนักท่องเที่ยวหรือคนผ่านไปผ่านมาแบบนานๆ ที
.
คนที่รู้ธรรมชาติของธุรกิจดี จะปรับกลยุทธ์กับในเรื่องนี้ 3 อย่าง คือ แผนการออกสินค้าและการผลิต การตั้งราคา และกลุ่มเป้าหมาย สรุปคือ ทุกการ SALE ของแบรนด์ชั้นนำที่เราเห็นล้วนมีเหตุผลสำคัญอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
ลองนำไปทบทวนดูนะครับ ว่าเราเคยมองเรื่องการลดราคาในมุมมองเหล่านี้หรือเปล่า และมีอะไรบ้างที่เราสามารถนำไปใช้ได้เลย
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ : หนังสือวิชาธุรกิจ ที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน
สนใจสั่งซื้อหนังสือ ได้ที่ https://bit.ly/3t2MAWZ
.
ติดตาม Torpenguin - ผู้ชายขายบริการในช่องทางอื่นๆได้ที่
.
Facebook : Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
Youtube : Torpenguin
Blockdit : Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
Twitter : Torpenguin
Instragram : torpenguin
ติดต่องาน E-mail : torpenguin.channel@gmail.com
โฆษณา