[ลงทุนแมน] เหรียญ KUB มูน ขึ้นมาแล้ว 10 เท่าหลัง SCB ซื้อ Bitkub คำว่า “มูน” เป็นคำที่คนในวงการคริปโทฯ ใช้เรียกการที่เหรียญมีราคาขึ้นแรง ๆ โดยมาจากคำว่า to the moon หรือเปรียบเสมือน พุ่งแรงไปถึงดวงจันทร์

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

28 พ.ย. 2021 เวลา 04:49 • คริปโทเคอร์เรนซี

เหรียญ KUB มูน ขึ้นมาแล้ว 10 เท่าหลัง SCB ซื้อ Bitkub

คำว่า “มูน” เป็นคำที่คนในวงการคริปโทฯ ใช้เรียกการที่เหรียญมีราคาขึ้นแรง ๆ โดยมาจากคำว่า to the moon หรือเปรียบเสมือน พุ่งแรงไปถึงดวงจันทร์

หลายคนที่เก็งกำไรเหรียญ ก็จะเฝ้าหาเหรียญจากทั่วโลกและลุ้นว่าเหรียญของตัวเองจะมูนสักวันหนึ่ง

รู้หรือไม่ว่า เหรียญที่มูนในตอนนี้ ไม่ใช่เหรียญเมืองนอก

แต่กลับเป็นเหรียญที่ใกล้ตัวคนไทย นั่นก็คือเหรียญ KUB จาก Bitkub นั่นเอง

แล้วเหรียญ KUB คืออะไร ?

ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 พฤษภาคม ปีนี้ หรือ 6 เดือนที่แล้ว

Bitkub ประกาศว่าจะเปิดให้เหรียญ KUB ที่ออกโดย Bitkub ซื้อขายกันใน Exchange ของ Bitkub เอง

ในตอนนั้น Bitkub บอกว่าราคาขายเบื้องต้นคือเหรียญละ 30 บาท และจะมีจำนวนเหรียญ KUB ทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ

ซึ่งถ้าแปลง่าย ๆ ก็คือ ในวันนั้น เหรียญทั้งหมดในระบบของ Bitkub จะมีมูลค่า 30,000 ล้านบาทในทันที

ในวันนั้น SCB ยังไม่ได้ซื้อ Bitkub และ Bitkub ก็ยังไม่ได้เป็นยูนิคอร์นในเชิงมูลค่าบริษัท

การที่ออกเหรียญ KUB มูลค่า 30,000 ล้านบาท ก็คงจะมีเหตุผลเบื้องหลังว่า Bitkub ตั้งใจกำหนดมูลค่าเหรียญทั้งหมดไว้ให้เทียบเท่ามูลค่าของการเป็นยูนิคอร์น

ถ้าให้ย้อนกลับเมื่อหลายปีที่แล้ว

ปกติแล้วการระดมทุนโดยวิธีการออกเหรียญ จะเรียกว่า ICO หรือ Initial Coin Offering จะเป็นการระดมทุนจากสาธารณะ โดยเสนอขายเป็นเหรียญ ซึ่งในสมัยก่อนจะมีหลายเจ้าในประเทศไทยที่ทำการ ICO ไปแล้ว เช่น JFin Coin, SiX

แต่ต่อมามี ก.ล.ต. เข้ามากำกับดูแลในเรื่องนี้ และประกาศเกณฑ์ออกมาว่าใครจะ ICO ต้องไปทำผ่าน ICO Portal

และนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครในประเทศไทยได้ ICO อีกเลย..

มาคราวนี้ Bitkub ก็ไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็น ICO และไม่ได้ทำผ่าน ICO Portal แต่ Bitkub ใช้อีกวิธีที่มีข้อได้เปรียบเรื่องฐานผู้ใช้งานจำนวนมากในมือ ก็คือแจกเหรียญเข้าไปในระบบซะเลยโดย

1. กำหนดเหรียญของตัวเองชื่อ KUB ว่ามี 1,000 ล้านเหรียญ

2. นำ 10 ล้านเหรียญมา Airdrop หรือแจกเหรียญให้ทุกคนที่เคยซื้อขายใน Bitkub ซึ่งตอนนั้น Bitkub บอกว่ามีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน (แต่คนที่เคยซื้อขายอาจมีน้อยกว่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นหลักหลายแสนคน)

3. การแจกเหรียญคิดเป็น 1% ของจำนวนเหรียญทั้งหมด โดยจะมีเหรียญอีกไม่เกิน 10% ที่ปล่อยออกมาให้ซื้อในวันแรก และส่วนที่เหลือจะค่อย ๆ ทยอยปล่อยออกมาเป็นรายไตรมาส และรายปี

4. โดย Bitkub ให้ข้อมูลไว้ว่าเหรียญ KUB สามารถนำไปแลกเป็น Fee Credit เพื่อลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบนกระดานเทรดของ Bitkub

นอกจากนั้น Bitkub ยังพัฒนา Bitkub Chain ที่เปิดให้ผู้พัฒนาคนอื่น ๆ สามารถสร้าง Smart Contract ซึ่งต้องใช้เหรียญ KUB เป็นค่าธรรมเนียม (Gas Fee) ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งเรื่องนี้จะคล้ายกับเหรียญ ETH ของ Ethereum และเหรียญ BNB ของ Binance ในต่างประเทศ ที่มีระบบนิเวศบล็อกเชนเป็นของตนเอง

แล้วในวันแรกที่ KUB เปิดเทรดในตอนนั้น มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ?

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันแรกที่มีการซื้อขายก็คือ Bitkub ระดมทุนโดยไม่ผ่าน ICO แต่เป็นการตั้งเสนอขายเหรียญ KUB จำนวนมากเป็นกำแพงที่ราคา 30 บาท

ในช่วงแรกก็มีคนซื้อเหรียญ KUB เพราะเห็นว่าเหรียญนี้น่าสนใจ ทำให้ Bitkub สามารถขายเหรียญที่ปล่อยออกมาในกระดานได้ประมาณ 50 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาทใน 2 วันแรกที่ทำการซื้อขาย

แต่หลังจาก 2 วันแรก ราคา KUB ก็ได้ตกลงจาก 30 บาท

กระบวนการออกเหรียญของ Bitkub ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เป็นวิธีที่ใหม่ และไม่มีใครเคยทำในประเทศไทย ที่มีการแจกเหรียญให้คนมีส่วนร่วม หลักหลายแสนคนพร้อมกันในคราวเดียว

และเรื่องนี้ทำให้ ก.ล.ต. เข้ามาคุมเข้มการออกเหรียญ หลังจากเหตุการณ์นี้

ในวันที่ 11 มิถุนายน ไม่ถึงหนึ่งเดือนจาก Bitkub ออกเหรียญ KUB

ก.ล.ต. ก็ได้มีประกาศหลักเกณฑ์ออกมาว่า ห้าม Exchange ลิสต์เหรียญ Meme, Fan, NFT และเหรียญของ Exchange เอง โดยเหรียญที่เข้าข่ายการห้ามออกเหรียญนี้ก็คือ

1) Meme Token

เหรียญที่ไม่มีวัตถุประสงค์ หรือสาระชัดเจน หรือไม่มีสิ่งใดรองรับ โดยมีราคาขึ้นอยู่กับกระแสในโลกโซเชียล

2) Fan Token

เหรียญที่เกิดจากกระแสความชื่นชอบส่วนบุคคล

3) Non-Fungible Token : NFT

เหรียญที่แสดงความเป็นเจ้าของหรือสิทธิในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ที่เฉพาะเจาะจง

โดยไม่สามารถใช้โทเคนดิจิทัลประเภทและชนิดเดียวกัน และจำนวนเท่ากัน แทนกันได้

4) เหรียญที่ออกโดยศูนย์ซื้อขายเอง หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขาย เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์สำหรับธุรกรรม ที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชน (Blockchain)

ซึ่งเหรียญ KUB เข้าข่ายในข้อ 4 นี้ คือเป็นเหรียญที่ออกโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายเอง และเรื่องนี้ก็กระทบกับศูนย์ซื้อขายอื่น ที่อยากทำตาม Bitkub ด้วยการออกเหรียญแบบนี้บ้าง

ตอนนั้นก็เกิดดราม่ากัน เพราะว่าประกาศของ ก.ล.ต. นี้ไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งกลับกลายเป็นว่า Bitkub ทำได้ แต่ศูนย์ซื้อขายอื่นทำไม่ได้แล้ว

และหลังจากนั้น ราคาเหรียญ KUB ก็ค่อย ๆ ลดลงเหลือประมาณ 13-14 บาท อยู่พักหนึ่ง

ก่อนในเดือนสิงหาคม ทาง Bitkub ได้ประกาศว่าจะเผาซัปพลายของเหรียญ KUB ในระบบทิ้งไป 89%

หรือก็คือ จากจำนวนทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ ได้ถูกลดให้เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญเท่านั้น

ทำให้ราคาเหรียญ KUB พุ่งขึ้น จนมาเคลื่อนไหวอยู่นิ่ง ๆ ที่ประมาณ 25 บาท เป็นเวลานับเดือน

จนกระทั่งวันที่ 2 พฤศจิกายน ก็มีข่าวออกมาว่า

SCB ประกาศซื้อกิจการ Bitkub 17,850 ล้านบาท โดย SCB ให้ SCBS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท Bitkub Online ที่เป็นเจ้าของศูนย์ซื้อขาย Bitkub ในสัดส่วน 51%

และนับตั้งแต่นั้นมา ราคาเหรียญ KUB ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..

1 พ.ย. ราคา KUB ปิดที่ 32.84 บาท

SCB ประกาศซื้อ Bitkub วันที่ 2 พ.ย.

2 พ.ย. ราคา KUB ปิดที่ 77.28 บาท เพิ่มขึ้น 135% ในวันเดียว (ในศูนย์ซื้อขายคริปโทไม่มี Ceiling เหมือนตลาดหุ้น ราคาเลยขึ้นได้ไม่จำกัด)

และหลังจากนั้นราคาก็นิ่งอยู่ในระดับ 70 บาท เรื่อยมา

จนมาในช่วงสัปดาห์นี้

25 พ.ย. 91.56

26 พ.ย. 117.50 เพิ่มขึ้น 28%

27 พ.ย. 181.00 เพิ่มขึ้น 54%

28 พ.ย. 280.00 บาท เพิ่มขึ้น 55%

ถ้าดูที่ราคา 280 บาท เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ SCB ประกาศซื้อ

ก็คำนวณได้ว่า เหรียญ KUB ขึ้นมาเกือบ 10 เท่าแล้ว ภายในเวลา 1 เดือนเท่านั้น..

นั่นหมายความว่าใครที่ซื้อเหรียญ KUB 1 แสนบาท ตอนนี้จะมีมูลค่า 1 ล้านบาท ภายในเวลา 1 เดือน

** แต่ทั้งนี้ก็ต้องหมายเหตุว่า ความผันผวนของเหรียญนี้มีสูงมาก ซึ่งหมายความว่า เมื่อขึ้นแรงราคาก็อาจจะตกลงมาได้แรงเช่นกัน ผู้อ่านทุกคนต้องมีวิจารณญาณ และรับความผันผวนได้สูงก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหรียญนี้

แต่สิ่งที่ คนในวงการคริปโทฯ หลายคนอาจยังไม่รู้ ก็คือ..

จริง ๆ แล้ว เหรียญ KUB เป็นเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนที่มีชื่อว่า Bitkub Chain

ซึ่งผู้พัฒนาและสร้าง จะเป็นของบริษัทที่อยู่ในเครือของ Bitkub Group อีกบริษัทหนึ่งนั่นคือ บริษัท Bitkub Blockchain Technology

โดย Bitkub Blockchain Technology เป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านบล็อกเชน และเป็นที่ปรึกษาด้าน ICO (Initial Coin Offering) แก่องค์กรต่าง ๆ

หรือพูดง่าย ๆ ว่า ผู้เป็นเจ้าของเหรียญ KUB เป็นคนละบริษัทกับบริษัท Bitkub Online ที่เป็นผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายคริปโท ที่ทาง SCB เข้าซื้อกิจการไป

ดังนั้นการที่เหรียญ KUB ขึ้นเยอะ ๆ SCB จะไม่ได้มีประโยชน์โดยตรงเท่าไรนักกับเรื่องนี้.. ซึ่งก็แปลกดีเหมือนกัน ถ้าลงทุนแมนเป็น SCB ในตอนนั้นคงจะขอซื้อทั้ง Bitkub Group เพราะมันถือว่าเป็นระบบนิเวศเดียวกัน

ผู้ถือหุ้น Bitkub เดิม ดูเหมือนว่าจะมีแต่ได้กับได้ เพราะในตอนนี้ผู้ถือหุ้น Bitkub เดิมถึงแม้ว่าจะขายศูนย์ซื้อขาย Bitkub ไปแล้ว 51% แต่ก็ยังถือเต็ม ๆ ในบริษัทที่เหลือที่มีประโยชน์โดยตรงจากเหรียญ KUB นั่นเอง

และในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทาง Bitkub Blockchain Technology ได้เปิดตัวตลาดซื้อขาย NFT ที่ชื่อว่า “Bitkub NFT” โดยภายในแพลตฟอร์มจะใช้เหรียญ KUB ในการซื้อชิ้นงาน

นอกจากนั้น วันที่ 30 พฤศจิกายน Bitkub เตรียมประกาศแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ สำหรับการร่วมมือกับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้คริปโทเคอร์เรนซีในการซื้อสินค้าภายใต้ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ซึ่งอาจมีเหรียญ KUB เป็น 1 ในตัวเลือกนั้นด้วย

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องราวมากมายที่จะเกิดขึ้นใน Bitkub Blockchain Technology ที่ SCB ไม่ได้เป็นเจ้าของ นั่นเอง..

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

การที่เหรียญ KUB มีจำนวนเหรียญในระบบลดลงไป 89% แต่ราคา KUB ได้มูน ขึ้นมาแล้ว 10 เท่า ซึ่งมีราคาล่าสุดอยู่ที่ 280 บาทต่อเหรียญ จะทำให้เหรียญทั้งหมดที่อยู่ในระบบสามารถคำนวณได้ 30,853 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าเทียบเท่ากับยูนิคอร์น เท่ากับที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกอยู่ดี..