Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มา try กัน
•
ติดตาม
28 พ.ย. 2021 เวลา 08:02 • ท่องเที่ยว
เมื่อเราไปลอง Hiking ที่อุทยานย่าติง ประเทศจีน! วิวดีแค่ไหน เหนื่อยมั้ย แล้วห้องน้ำจีน เป็นไปตามคำร่ำลือรึเปล่า?? วันนี้จะแชร์ให้อ่านกันค่ะ
ตั้งแต่เด็กจนโต เราจะติดเที่ยวแบบรักสบาย การเที่ยวคือการพักผ่อน เข้าโหมดสโลว์ไลฟ์เพื่อประหยัดพลังงาน ใครชวนไปขึ้นเขา ลงห้วยหรอ ฝันไปเถอะ!
แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงคิดจะไปที่นี่? เอาจริงๆตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหตุผลค่ะ... อาจเป็นเพราะความอยากเที่ยว เลยหาข้อมูลเยอะมาก จนเจอกระทู้เที่ยว "ย่าติง" ใน pantip รูปภาพของภูเขาหิมะและคำบอกเล่าของเจ้าของกระทู้ ทำให้เรารู้สึกว่า "ไม่ได้ละ เราต้องไปที่นี่" เลยหาแนวร่วมจากพี่ๆและเพื่อนร่วมงาน แล้วจองตั๋วกันไป โดยที่ไม่แน่ใจว่า จะไหวมั้ยนะ
การเดินทางไปย่าติง ที่หาข้อมูลมาได้ ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร เช่น ต้องนั่งรสบัสนอนของจีนเป็นเวลาหลายๆชั่วโมง และต้องต่อเครื่องบิน แต่เพื่อนร่วมทริปของเรา เป็นเหมือนกับ avengers อยู่ดีๆแต่ละคนปล่อยสกิลกันออกมาให้ surprise คนหนึ่งจัดการจองทุกอย่างให้ หา domestic flight ที่ทำให้เราไม่ต้องนั่งบัสนอน รวมถึงเช่ารถพร้อมคนขับ (ให้ที่พักช่วยหาให้ ซึ่งง่ายที่สุด เนื่องจากภาษาเป็นกำแพงอันยิ่งใหญ่) และเพื่อนอีกคน ที่ไม่บอกอะไรคนในทีมเลย แต่พอไปถึง พูดจีนได้จ้า ทุกคนก็เลยใช้ชีวิตกันง่ายขึ้นเยอะ
ในวันนี้จะมาเล่าในส่วนของการ hiking ก่อนค่ะ ส่วนที่เที่ยวอื่นๆ จะทยอยมาแชร์ค่ะ
ภาพถ่ายจากที่พักในอุทยานย่าติง/ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ก่อนจะไปย่าติง เรามีข้อมูลสำคัญจะมาบอกก่อน เพื่อจะได้เตรียมตัวได้ถูกค่ะ
จุดที่สูงที่สุดในอุทยานย่าติงคือบริเวณทะเลสาบห้าสี อยู่ที่ความสูง 4600 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นความสูงที่ชาวที่ราบลุ่มแม่น้ำอย่างคนไทยไม่คุ้นเคย และต้องเตรียมตัวให้ดี ด้วยการออกกำลังแบบ cardio ล่วงหน้า (เราวิ่งประมาณ 3-5k ต่อวัน) และพ่วงด้วยสควอทเพื่อฝึกกล้ามเนื้อ เนื่องจากเราต้องเดินขึ้นเขาซึ่งมีความชัน และซื้อ oxygen แบบกระป๋อง (หาซื้อได้ทั่วไปบริเวณใกล้ๆอุทยาน แต่สำหรับเราใช้แล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไรค่ะ) หรือไปปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง ซึ่งอาจมีการจ่ายยาให้ สำหรับป้องกันอาหารแพ้ความสูง และเมื่อไปถึงแล้ว ให้ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนเยอะๆในวันแรกๆ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้
อาการแพ้ความสูง หรือ Acute mountain sickness (AMS) อันตรายกว่าที่คิด
โดยที่อาการจะเกิดมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงสภาพร่างกายในขณะนั้น มีอาการได้ตั้งแต่ ปวดศีรษะ (พบบ่อย) อาเจียน ไปจนถึงการเดินเซ เห็นภาพซ้อน หรือหมดสติ และอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ วิธีแก้ก็คือ ลงที่ต่ำค่ะ ไม่ไหวอย่าฝืน
นอกจากนี้ ควรหาข้อมูลเรื่องของสภาพอากาศก่อนไป เพื่อจะได้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวได้เหมาะสมค่ะ หลักๆที่เราเตรียมไปคือ heat tech ทั้งชุด เสื้อกันหนาวผ้า fleece หรือเสื้อ down และเสื้อกันลมชั้นนอก กางเกงที่มีความยืดหยุ่น ถุงมือ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอหรือผ้าบัฟ (ใช้ปิดจมูกเวลาเจอห้องน้ำระดับ biohazard ได้ด้วยค่ะ) ถุงเท้า รองเท้า trekking แบบกันน้ำ (ถ้าไปในฤดูที่มีหิมะ) trekking pole และที่สำคัญคือกระเป๋า backpack และเป้ day pack
นอกจากนี้ควรเตรียมยาสำหรับโรคประจำตัว ลิปบาล์ม hand cream กระดาษชำระ ทิชชู่เปียก น้ำดื่ม ขนมเช่นชอคโลแลตหรือแครกเกอร์ และออกซิเจนกระป๋องใส่ day pack ไว้ค่ะ
สำหรับเรื่องห้องน้ำที่จีน มีหลายๆที่เรียกได้ว่า "เอาเรื่อง" แบบว่าพอเราเปิดเข้าไปแล้ว โอ้โห อานุภาพรุนแรงจริงๆค่ะ ที่ทำได้คือเปลี่ยนห้อง หาที่สะอาดที่สุด บางที่จะมีห้องแบบชักโครก ที่ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีน เลยค่อนข้างสะอาดค่ะ แต่จะว่าไป เรื่องราวสยองขวัญห้องน้ำจีนที่เราฟังคนอื่นมา ดูแย่กว่าของจริงมากๆค่ะ เราเป็นคนหนึ่งที่ลังเลที่จะมาเที่ยวจีนเพราะเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้วค่ะ แค่ต้องเตรียมทิชชู่เปียกติดไปเยอะๆ กับผ้าปิดจมูก
พร้อมแล้วลุยกันเลย
บริเวณทางเข้าอุทยานย่าติง/ภาพโดยเพื่อนร่วมทาง
เส้นทางในการเดินที่เป็นที่นิยม มีสองเส้นทางค่ะ ตามภาพคือเส้นสีชมพูและเขีียว ที่พักเราขอแนะนำให้จองบริเวณ yading village ที่อยู่ภายในอุทยาน เนื่องจากตอนเช้าเราจะทำเวลาได้ดีกว่า เพราะมีรสบัสผ่านมาเรื่อยๆค่ะ
ภาพจาก chinadiscovery.com
เมื่อนั่งรถบัส เราจะมาลงตรงจุดที่เป็นทางแยกระหว่างสอง route วันแรกเราเลือก route สั้น (ระยะทางไปกลับ 3 km) ซึ่งจะพาเราผ่านวัด Chonggu ผ่านลำธาร น้ำตก และสิ้นสุดบริเวณทะเลสาบไข่มุก
Chonggu temple/ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ทางเดินมีลักษณะเป็นตะแกรงเหล็ก ถือว่าทำไว้ดีและแข็งแรงมากๆค่ะ มือใหม่ก็เดินได้ อุปสรรคคือ มีบันไดเยอะพอสมควร และอากาศหนาวค่ะ
ทางเดิน และอุปกรณ์กันหนาว/ภาพโดยเพื่อนร่วมทาง
ลำธาร/ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
วันแรกของการ hiking บนที่สูง ถือว่าพวกเราทำได้ดี ไม่มีใครมีอาการแพ้ความสูงค่ะ เย่! แต่ยอมรับว่าการเดินด้วยสปีดเท่าเต่าที่นี่ยังเหนื่อยกว่าวิ่ง 100 เมตรที่ไทยอีกค่ะ
เดินถึงทะเลสาบไข่มุก ผ่ามม! ฟ้าปิด พวกเรานั่งรอนานพอสมควร รวมถึงสวดไหว้เทพเจ้าแห่งยอดเขาเพื่อให้ฟ้าเปิด แต่โชคไม่เข้าข้าง :( เลยได้ภาพยอดเขา Xiannairi แบบที่เห็น
Pearl lake/ภาพถ่ายโดยผู้เขียนนนนน
อย่างน้อยพวกเราก็มีน้องกระรอกมาให้ความบันเทิงค่ะ พวกนางเชื่องมาก ยื้อยุดแย่งโอรีโอ้พวกเราไปจากมือ! ปีนขึ้นหัวชั้นได้คงทำแล้วสินะ!
กระรอกมาขอขนม/ภาพโดยผู้เขียน
หลังจากผิดหวังกับสภาพอากาศ เราก็กลับที่พักเพื่อกินข้าวและนอนเอาแรงสำหรับวันรุ่งขึ้น เราได้เจอคนไทยหลายกลุ่มตอนกินข้าวเย็น หลายๆคนบ่นว่าเมื่อยมาก เหนื่อยมาก และเรายังได้เจอกับพี่เอวา หรือ Ava rest (ติดตามกันได้ทาง facebook/tiktok และอีกหลายช่องทางค่ะ) ซึ่งพี่เค้ามาคนเดียว! และกำลังกินข้าวกับมะเขือเทศผัดไข่อยู่ พี่เค้าเล่าว่า สั่งอาหารไม่เป็น เลยกินเมนูนี้แทบทุกวัน
พูดถึงเรื่องอาหาร ถือว่าคนไทยที่ไม่ได้เลือกกินมากนักน่าจะไม่มีปัญหาค่ะ อาหารที่เรากินเช่น ไก่ผัด ข้าวต้ม หม้อไฟ บะหมี่ ข้าวผัด บางมื้ออร่อยมากๆเลยค่ะ แต่ทีมเราโปรดปรานหม้อไฟเป็นพิเศษ กินแทบทุกวัน เรียกได้ว่าหลังกลับจากจีนงดกินเป็นปีเลยค่ะ ลาก่อนน
เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกเดินทาง route ยาว (ระยะทางไปกลับประมาณ 10 km)
การเดินทางเริ่มจากบัสเหมือนเดิมค่ะ แต่ต่างกันตรงที่พอลงรถบัส เรานั่งรถไฟฟ้าคันเล็กต่อไปถึงทุ่งหญ้าลั่วหรง (หรือจะเดินก็ได้ค่ะ แต่ไกล) เราเริ่มเดินจากตรงนั้นค่ะ และบริเวณที่รถมาจอดนี้เอง มีห้องน้ำ!! ซึ่งสะอาดมาก มีคนคอยดูแลตลอดเวลา แต่ไม่มีชักโครกนะคะ เป็นห้องน้ำแบบจีน ใครอยากใช้ห้องน้ำแนะนำตรงนี้เลย เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะตอนที่เราไป นี่เป็นห้องน้ำที่เดียวที่ใช้ได้จริงในวันนี้ค่ะ
ลงรถมาก็เจอภาพนี้ค่ะทุกคน!! สะพรึงมาก แค่นี้ก็คุ้มแล้วรึเปล่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นภูเขาที่ใหญ่และสูงขนาดนี้มาก่อน จากตรงนี้มีจุดให้ตัดสินใจอีกครั้งว่าคือ คุณจะเริ่มเดิน หรือคุณจะเช่าม้า แต่ม้าไม่สามารถพาไปจนสุดทางได้ค่ะ จะพาไปได้แค่ช่วงทางที่ยังไม่ชันเท่านั้น และแน่นอนว่าเราเลือกเดินค่ะ
จุดจอดรถไฟฟ้า/ภาพโดยผู้เขีียน
เส้นทางช่วงแรกๆเป็นเหมือนทางเดินไม้ ผ่านไประยะหนึ่งทางไม้จะหายไป กลายเป็นพื้นดิน แต่เรียบและเดินง่ายค่ะ ส่วนตัวรู้สึกว่า วันนี้เหนื่อยน้อยกว่าเมื่อวานอีก อาจจะเพราะทางไม่ได้มีบันไดเยอะ ทำให้เดินได้เรื่อยๆเลย
ระหว่างทาง/ภาพโดยเพื่อนร่วมทาง
ตลอดทางที่เดิน สิ่งเดียวที่ทำให้เราช้าในวันนี้ก็คือ...
ภาพโดยผู้เขียน
หยุดมองไม่ได้เลย...รู้สึกว่าความยิ่งใหญ่ของภูเขามันถาโถมมาก ทุกคนหยุดถ่ายรูปกันตลอดทาง น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครถ่ายรูปมาให้เห็น
แต่! อย่าหลงมองวิวจนไม่มองพื้นให้ดี เพราะถ้าคุณไปช่วงที่หนาวมากๆ พื้นบางส่วนจะกลายเป็นน้ำแข็ง มีคนลื่นล้มกันเยอะมาก และยังมีตรงที่น้ำแข็งละลายกลายเป็นธารน้ำย่อมๆ
เหตุเกิดจากความลื่นและรองเท้ากันน้ำของชั้น
หลังจากเห็นคนล้มระเนระนาดอยู่ช่วงหนึ่ง เราทนไม่ไหว เราช่วยจูงคนจีนหลายคนให้เดินผ่านพื้นน้ำแข็ง โดยที่เราเดินตรงที่เป็นน้ำแทน เค้าหันมายิ้มและขอบคุณ :)
ภาพโดยผู้เขียน
หลังจากหมดช่วงทางราบจะมีบริเวณสำหรับพักอยู่ มีตู้ห้องน้ำซึ่งล็อค - -" และตลอดทาง ไม่มีตรงไหนที่จะเป็นห้องน้ำ outdoor ได้เลยค่ะ สภาพ เลยอยากให้ทุกคนทำธุระให้เสร็จตั้งแต่ตอนลงรถไฟฟ้า
เส้นทางหลังจากทางราบนี้ จะเริ่มโหดร้ายขึ้น ทางต่อจากนี้เป็นทางชันๆ และลมแรง บวกกับหิมะเริ่มตก เลยต้องระมัดระวังมาก
หมดช่วงยากลำบากก็เป็นทางราบยาวๆ ที่พาเราไปสู่ Milk lake
milk lake/ภาพโดยผู้เขียน
ความรู้สึกตอนมาถึงคือ หนาวมากและเจ็บหน้า เพราะลมพัดเอาหิมะที่หน้าตาเหมือนลูกเห็บจิ๋วมาฟาดหน้าแบบรัวๆ แถมเข้าตาอีก ระหว่างรอเพื่อนก็มีคนจีนมาคุยด้วย คนละภาษาแหละ แต่คุยกันได้อยู่ ..ความจริงแล้วทะเลสาบนี้เป็นสีฟ้าพาสเทลมาก แต่ในรูปเป็นสีออกขาว เพราะเป็นน้ำแข็งไปครึ่งแล้ว
จากนั้นเรา move ไปที่ทะเลสาบห้าสี ทางเป็นบันไดค่อนข้างเยอะ
ภาพโดยผู้เขียน
มองกลับลงไปจะเห็น milk lake ในมุมสูง ซึ่งสวยมาก แต่ตอนเดินขึ้นนี่เหนื่อยมาก ต้องเดินๆหยุดๆ รู้สึกร้อนผ่าวๆที่กล้ามเนื้อ เนื่องจากกรดสะสม
และเราก็มาถึงจุดหมายสุดท้ายคือทะเลสาบห้าสี
five colours lake/ภาพโดยผู้เขียน
ตอนแรกคิดว่าที่ milk lake หนาวแล้ว แต่คิดผิด ตรงนี้หนาวที่สุด หนาวจนอยากถือป้าย free hug หนาวจนปากพูดไม่ชัด และพยายามทำเรื่องโง่ๆด้วยการหลบหนาวข้างพุ่มไม่ที่สูงแค่เข่า ทนได้ไม่นานก็ต้องเริ่มเดินลง
ลองวัดความสูงดูที่ 4510 เมตร
ภาพโดยผู้เขียน
ทางลงตรงจากทะเลสาบห้าสีเป็นส่วนที่ชันที่สุดในทริปนี้ ทางมีลักษณะเป็นบันได ซ้ายขวามีความโล่ง โล่งแบบไม่มีอะไรมากั้น ตกลงไปไม่ตายก็น่าจะพิการ และลมแรงสุดๆ พัดจนเดินเซกันเป็นแถบ และมันยังพัดจน trekking pole ที่คล้องมือไว้ ปลิวหล่นลงไปด้านล่าง แต่ยังดีที่ไม่ลงเหว พอผ่านจุดนั้นมาได้เราจะเจอกับทางเดิมที่เราเดินขึ้นมา
เนื่องจากอากาศเย็นลงมาก ระหว่างทางกลับ พื้นได้กลายเป็นน้ำแข็งมากกว่าเดิม เรากำลังพยายามเกาะเชือกที่ขึงเป็นที่จับและลองก้าวไปบนน้ำแข็งอย่างระวัง แต่ก็รู้สึกว่าลื่นล้มแน่ๆเลยถอยกลับ จู่ๆก็มีคนมาคล้องแขน ตอนแรกตกใจมาก พอหันไป อ้าว! คนจีนที่เราเคยช่วย เค้าเกี่ยวแขนกันเป็นแผง แล้วมาเกี่ยวพาเราลงไปด้วย
สุดท้ายก็ได้เวลาอำลาย่าติง เรากลับออกไปตอนค่ำ รถบัสเต็มมากๆ เราไม่สามารถขึ้นไปพร้อมกันได้ เลยต้องแยกกันไป ช่วงไหนคนเยอะ คนขับรถจะชูนิ้วบอกจำนวนที่ว่างบนรถ ตอนแรกพวกเราไม่รู้ เกือบตกรถแล้ว
สุดท้ายก็กลับออกมาทัน เราพักที่โรงแรมนอกอุทยาน ก่อนที่จะเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น จบทริปด้วยความประทับใจไม่มีวันลืม
Hiking ครั้งแรกที่ประเทศจีน ทำให้เรียนรู้ว่าความสุขในการเดินทาง ไม่ได้เกิดจากการเดินไปจนถึงจุดหมาย หรือการเอาชนะตัวเองให้ทำในสิ่งที่ท้าทายเท่านั้น แต่ยังเกิดจากความทรงจำที่เราได้รับระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มจากคนแปลกหน้า การสื่อสารแบบมั่วๆที่เข้าใจกัน และน้ำใจจากเพื่อนร่วมทาง
อยากให้ทุกคนได้ "ลอง" ออกเดินทางหาประสบการณ์และเปิดใจให้กับอะไรใหม่ๆค่ะ เพราะบางอย่างที่เราคิดว่าแย่ อาจไม่เป็นอย่างที่คิด และเราอาจจะได้รับสิ่งพิเศษ ในขณะที่เราไม่ได้คาดหวังก็ได้ค่ะ :)
1 บันทึก
1
4
1
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย