28 พ.ย. 2021 เวลา 13:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Metaverse กับการช่วยเหลือจิตใจ มุมมองที่หลายคนอาจมองข้ามไป
2
Metaverse ในความคิดเราคืออะไร? ระบบที่สร้างโลกเสมือนให้คนแค่มาพบปะสังสรรค์เพราะทำไม่ได้ในโลกแห่งความจริงแค่นั้นเหรอ หรือจะเป็นระบบที่ทำให้เราเล่นเกมได้อินมากขึ้น ทั้งหมดนี่คือศักยภาพที่แท้จริงของ Metaverse หรือยัง?
2
บางคนอาจมองว่า Metaverse ก็เหมือนโซเชียลมีเดียในปัจจุบันที่ทำให้ทุกคนอยู่ใน “สังคมก้มหน้า” ไม่พูดคุยกับคนรอบข้างในโลกจริง แต่คราวนี้อาจทำให้คนเสพติดมากกว่าเดิมเพราะโลกเสมือนดูน่าดึงดูดกว่าการจะจ้องแค่จอมือถือหรือคอมพิวเตอร์อีก
2
“แต่จริงๆ แล้ว Metaverse อาจช่วยชีวิตคนก็เป็นได้” นี่อาจฟังดูเป็นประโยคที่เป็นไปไม่ได้จากอีลิตที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี แต่จริงๆ แล้ว Metaverse สามารถทำให้เราเข้าใจและรับมือกับความเจ็บปวด ความเศร้าและอคติในสังคมได้มากขึ้น
1
Metaverse จากอดีตสู่ปัจจุบัน
3
คำว่า “Metaverse” ปรากฏตัวครั้งแรกในนิยายชื่อ Snow Crash โดย Neal Stephenson ในปี 1992 ถึงแม้ชื่อจะดูน่าสนใจ แต่คอนเซปต์ของโลกอิเล็กทรอนิกส์เสมือนจริงในนิยายเรื่องนี้ยังต้องแพ้ให้กับ “Cyberspace” ในนิยาย Neuromancer โดย William Gibson ในปี 1984 ที่ถึงจะเก่ากว่า แต่ Gibson สามารถวางคอนเซปต์โลกแห่งอิเล็กทรอนิกส์ไว้ได้ดีกว่า
2
Metaverse คือโลกที่สามารถมอบประสบการณ์แบบสามมิติให้เราและผู้ใช้คนอื่นๆ ได้พร้อมกัน เราสามารถใช้ Avatar ของเราสร้างปฏิสัมพันธ์กับ Avatar ของคนอื่น และโลกใหม่ใบนี้เมื่อผนวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ จะสามารถเป็นโลกใบที่สองที่เราสามารถทำงาน เล่น แลกเปลี่ยนสิ่งของ หาเพื่อน หรือแม้กระทั่งหาความรัก
2
หากยังไม่ค่อยเห็นภาพ ลองจินตนาการโลก Metaverse ผ่านคอนเซปต์จากเกมต่างๆ เช่น Second Life, World of Warcraft, Everquest, Fortnite หรือ Animal Crossing เกมเหล่านี้สามารถทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนอยู่บนโลกอีกใบเพียงแต่ต้องใช้ชีวิตผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แทนที่จะผ่านมือและเท้าของเราจริงๆ
2
จากในอดีตที่มีแค่หน้าจอ เมาส์ แป้นพิมพ์ ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก เรามีอุปกรณ์ใหม่ๆ มากมายที่ช่วยให้เราเข้าถึงโลกอีกใบได้ดียิ่งขึ้น เช่น กล้องและไมโครโฟนที่สามารถรับถ่ายภาพและเสียงแบบมีมิติ เทคโนโลยีผสานโลกเสมือนเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง (Augmented Reality: AR) และถุงมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสสิ่งของในโลกเสมือนได้เหมือนสัมผัสในโลกจริงยิ่งขึ้น
1
เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้คนมองว่า Metaverse ไม่ใช่แค่ระบบอินเทอร์เน็ตธรรมดาๆ แต่นี่คือโลกเสมือนที่ “สมจริง” บนระบบดิจิทัล
ทิศทางของ Metaverse ในปัจจุบัน
Metaverse อาจฟังดูเป็นแค่คอนเซปต์ที่เจอได้ดาษดื่นตามเกมต่างๆ แต่ CEO จากสองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Mark Zuckerberg จาก Facebook (ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta) และ Satya Nadella จาก Microsoft เข้ามาทำให้หลายคนเห็นความไปได้และศักยภาพของ Metaverse มากขึ้น อย่างไรก็ตามสอง CEO นี้จะสร้างระบบ Metaverse ที่แตกต่างกัน
Zuckerberg มอง Metaverse ว่าเป็นการทำให้ “อินเทอร์เน็ตเป็นรูปเป็นร่าง” เขาจินตนาการถึงระบบที่คล้ายกับ Facebook ในปัจจุบัน แต่สามารถใช้ Oculus VR เพื่อเข้าสู่ระบบแล้วสัมผัสประสบการณ์และเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ ได้มีมิติกว่าการจ้องผ่านมือถือ
ในขณะที่ Nadella เตรียมใช้ Microsoft Azure ซึ่งเป็นบริการให้เช่าใช้งานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงจากผู้ให้บริการ (Cloud Computing) และอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Microsoft’s Surface และเทคโนโลยี HoloLens ในการสร้าง “ฝาแฝดทางดิจิทัล” ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสโลกที่คล้าย Metaverse แต่เร็วขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากกว่า
1
เมื่อมาถึงจุดนี้ เราอาจเริ่มสงสัยว่า “แล้ว Metaverse มันจะดีจริงๆ เหรอ?” เพราะบนโลกอินเทอร์เน็ตแบบเก่า เราล้วนแต่เคยเจอข่าวปลอม และการโดนรุกล้ำความเป็นส่วนตัว หลายคนจึงอดคิดไม่ได้ว่า หาก Metaverse มาถึง บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ คงจะเตรียมใช้ ข้อมูลเพื่อทำกำไรมหาศาลเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนกังวลว่า Metaverse อาจถูกใช้ในทางที่ผิดหากถูกนำไปผนวกกับเทคโนโลยีอย่าง Deepfake ซึ่งสามารถตัดต่อและสร้างรูปปลอมที่แทบแยกไม่ออกจากรูปจริง ทำให้หลายคนเข้าใจว่าผู้ที่อยู่ในภาพคือคนๆ นั้น ทั้งที่จริงแล้ว ผู้ที่อยู่ในภาพคือคนอื่นต่างหาก
จริงอยู่ เรายังมีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับ Metaverse แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ​ Metaverse ทำ “ประโยชน์” อะไรต่อสังคมได้บ้าง
ถ้างั้น Metaverse จะสามารถช่วยอะไรเราได้?
ตอนนี้หลายคนมองว่า Metaverse มีความสามารถแค่ให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และสินค้าต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งฟังก์ชันเหล่านี้เรามองว่ามีก็ดี แต่ไม่มีก็ได้
แต่ดูเหมือนว่าศักยภาพของ Metaverse จะไปไกลได้กว่านั้น!
Metaverse สามารถใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยที่มีอาการ PTSD หรือ อาการตึงเครียดและความเจ็บปวดจากอดีตที่พวกเขาเคยเจอได้ โดยมหาวิทยาลัย Washington ร่วมกับแผนกกุมารเวชจากโรงพยาบาลเด็กใน Los Angeles และแผนกสูตินรีเวชจากโรงพยาบาล Cedars-Sinai ได้จัดทำโปรแกรมรักษาเหยื่อที่ถูกไฟไหม้โดยใช้เทคโนโลยีนี้ขึ้นมา
1
การศึกษานี้พบว่า โลกเสมือนช่วยขับไล่ความเจ็บปวดในโลกความเป็นจริงของเหยื่อได้ เพราะโปรแกรมนี้ได้ผสมผสานสภาพแวดล้อมที่ผู้ป่วยอยู่เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ครอบครัวและผู้ดูแลอยู่ ช่วยให้พวกเขาสามารถติดต่อกันได้อย่างสะดวกสบายและรู้สึกราวกับอยู่ด้วยกันจริงๆ
1
นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมที่มีมิตินี้ยังช่วยให้ผู้คนสามารถสัมผัสสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาไม่สามารถเห็นภาพได้ชัดเจน เช่น โปรเจกต์จาก Rensselaer Polytechnic Institute และ Penn State ที่ตั้งใจให้คนตระหนักถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อน โดยการจำลองสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่พวกเขาต้องพบเจอ หากพวกเขายังคงเมินเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
2
ข้อดีอีกอย่างของการเข้าสังคมแบบมีมิตินี้คือ ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น ศูนย์สิทธิมนุษยชนและพลเมืองแห่งชาติที่ Atlanta ได้จัดนิทรรศการให้ผู้เข้าร่วมมาสัมผัสประสบการณ์การเป็นเหยื่อที่ถูกพูดเหยียดและถูกคุกคาม แม้ปัจจุบันนิทรรศการนี้จะมีการจำลองแค่ให้ผู้เข้าร่วมฟังเสียงของคนที่พูดเหยียด แต่นั่นก็สามารถทำให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจความเจ็บปวดได้
อย่างไรก็ตามหาก Metaverse เข้ามาพัฒนานิทรรศการนี้ให้มีทั้งภาพและกิริยาที่คนชายขอบต้องถูกกระทำเราจะสามารถปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันและช่วยให้คนเข้าใจผลกระทบจากอคติในสังคมมากขึ้น
นอกจากนี้ Metaverse ยังช่วยให้กลุ่มผู้มีปัญหาทางร่างกายสามารถเข้าถึงโลกโซเชียลได้มากขึ้น เพราะ Metaverse สามารถรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น 3D-Audio Echolocation ที่สามารถสะท้อนเสียงทำให้ผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาสามารถเห็นภาพได้ มีเสียงบรรยายเวลากดเลือกหน้าเมนูระบบ และ Haptic Feedback ที่จะเกิดการสั่นเมื่อผู้ใช้กดคำสั่งต่างๆ
3
ในอนาคตอาจมีอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินสัมผัสประสบการณ์ได้เหมือนเรา เช่น การเล่นรถไฟเหาะหรือฟังดนตรีผ่านการสั่นของคลื่น แต่ทั้งนี้การจะใช้ Metaverse ในกลุ่มผู้มีปัญหาทางร่างกาย โดยเฉพาะผู้มีปัญหาทางสายตาอาจจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญสอนผู้ใช้ให้เกิดความชำนาญในการใช้อุปกรณ์เหล่านี้เสียก่อน
จะเห็นได้ว่า Metaverse ไม่ใช่เพียงระบบที่ใช้เติมเต็มความต้องการของชนชั้นสูง หากเราตระหนักถึงศักยภาพที่ระบบนี้สามารถทำได้ เราจะสามารถเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็น “อุปกรณ์ช่วยเหลือ” หรือ “สื่อเรียนรู้” ที่เหมาะสมสำหรับทุกคน และ Metaverse จะกลายเป็นสุดยอดเทคโนโลยีที่ใครก็ไม่อาจมองข้ามได้
1
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- Life in Metaverse: การออกแบบชีวิตเมื่อโลกเมตาเวิร์สมาถึง: https://bit.ly/3COhLsv
- 5 เรื่องต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ Metaverse: https://bit.ly/3DQMoPb
แปลและเรียบเรียง
1
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#psychology
#metaverse
โฆษณา