หากพูดถึงซีรีส์ที่ปฏิวัติวงการโทรทัศน์และเป็นจุดทำให้วงการนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล ผมนึกออก 3 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือ True Detective ซีซั่นแรกครับ
จำได้ว่าที่ดูเพราะนักแสดงเลย Matthew McConaughey กับ Woody Harrelson และจุดเปลี่ยนที่ว่าก็คือสองคนนี้ ต้องขอบคุณทั้งสองที่ยอมมาเล่นซีรีส์ที่ได้ค่าตัวน้อยกว่าหนังเป็นอย่างมาก
ถ้าถามว่าอะไรคือจุดแตกต่างระหว่างหนังโรงกับซีรีส์ แม้โดยภาพรวมเราจะเห็นว่าหนังฉายทีละ 1 ซีรีส์มีมากกว่า 1 ตอน หรือ 1 ซีซั่น ด้านเนื้อหา การแบ่งองก์ การเชื่อมโยง และวิธีการเล่าก็ส่วนนึง โปรดักชั่นและทุนสร้างก็อีกส่วน แต่ข้อนึงที่ยังแบ่งแยกคุณภาพระหว่างสองเรื่องนี้เหมือนเส้นหนาๆอย่างชัดเจนคือ 'นักแสดงนำ'
ซีรีส์มักจะใช้นักแสดงใหม่ นักแสดงโนเนม หรือนักแสดงที่มีชื่อเสียงไม่มากนัก หรือค่าตัวไม่แพง
และ True Detective เปลี่ยนวงการด้วยการเป็นครั้งแรกที่เอานักแสดงชื่อดังระดับแม่เหล็กกับมีฝีมือการแสดงอันโดดเด่นมาเจอกัน และให้เป็นตัวละครหลักแบบนี้ ตอนนั้นจำได้ครับว่าคนฮือฮากับเรื่องนี้มาก ซึ่งหลังจากซีซั่นแรกจากเรื่องนี้ที่เป็นตัวทำลายเส้นกั้น ดาราดังก็ค่อยๆเริ่มตบเท้ามาแสดงซีรีส์จนถึงทุกวันนี้
จุดเด่นของ True Detective คือเนื้อเรื่องสืบสวนสอบสวน ที่นำเสนอผ่านงานภาพและการกำกับที่ประณีต แข็งแรง ไดอะล็อกกับการอสดงขั้นเทพ การดำเนินเรื่องไปอย่างเข้มข้นทั้งด้านหาคนร้ายและด้านดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักทั้งสอง สอดแทรกไปด้วยความโจ่งแจ้งสไตล์ HBO ทั้งเนื้อหาด้านภาพ ฉากโหด ประเด็น และเซ็กส์
ที่น่าจดจำมากสุดก็เห็นจะเป็นฉากลองเทคในตำนาน
แม้ซีซั่น 2 จะดร็อปลงแต่ก็ได้นักแสดงมีชื่อเสียงอย่าง Rachel McAdams,Colin Farrell, Vince Vaughn และ Taylor Kitsch (จริงๆซีรีส์ก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด มีด้านดีๆอยู่ไม่น้อย แค่มันสู้ซีซั่นแรกไม่ได้)
ส่วน 3 ผมดองไว้ยังไม่ได้ดูซะที
จู่ๆคิดถึง ว่าจะกลับไปดูอีกรอบเลยพูดถึงซะหน่อยครับ ซีรีส์ที่ประกาศศักดาว่า “เป็นซีรีส์ก็คุณภาพดีไม่แพ้หนังได้นะโว้ย”
ส่วนอีกสองเรื่องที่ผมบอกว่าปฏิวัติวงการ คือ
Game of Thrones ที่ผมมองว่าไม่ได้เกินคำว่าซีรีส์ แต่ push คำว่า 'ซีรีส์' ไปให้สุดขอบของมัน เหนือเรื่องอื่นที่เคยมี CGI ดีงาม ทุนสร้างต่อตอนสูง และเปิดทางให้หลายเรื่องที่ทะเยอทะยานได้มีโอกาสเกิดขึ้น เช่น Westworld เป็นต้น รวมถึงซีรีส์ช่องอื่นอีกมาก
อีกเรื่องที่ผมมองว่าเป็นเรื่องแรกที่ทำลายคำว่า 'ซีรีส์' อย่างแท้จริงคือ The Mandalorian ที่ทุนสร้างสูง และงานออกมาดูเป็น 'ภาพยนตร์ที่ฉายต่อเนื่องกันจนจบ 1 เซ็ต' มากกว่าที่จะเป็นซีรีส์ ซึ่งต้องขอชม Disney + ที่กล้าและลงทุนขนาดนี้ หลังจากนั้นเลยมีซีรีส์ Star Wars กับ Marvel ตามมาอีกหลายเรื่อง
ในฐานะคนที่ดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจแบบคำว่าซีรีส์เข้าไปอยู่ในกระแสเลือด เขียนคอนเท้นต์เกี่ยวกับซีรีส์ และเป็นหนึ่งในคนที่เฝ้ามองมันมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่แมสและคำว่า 'ซีรีส์' ยังไม่ได้แพร่หลายเช่นนี้ ดีใจมากครับที่มันมาไกลขนาดนี้
อยากเห็นเหมือนกันครับว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีเรื่องอะไรมาให้เราได้ดูกันอีก
#Watchman
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
