2 ธ.ค. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
" บาติสตูต้ากับม้าขาว "
เอดินสัน คาวานี่ คือซูเปอร์สตาร์ชาวอุรุกวัยคนล่าสุดที่มาโชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ ลีก
ก่อนหน้านั้นเราเคยผ่านตากับ กุสตาโว่ โปเยต์ จนมาถึง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน และ หลุยส์ ซัวเรซ
หากจะย้อนไปหานักเตะอุรุกวัยคนแรกที่ได้มาเล่นบนเวทีลีกสูงสุดอังกฤษ คนแรกในพรีเมียร์ ลีก ต้องย้อนไปในปี 1994 โน่นเลยทีเดียว
นักเตะอุรุกวัยคนแรกที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก หลายคนอาจไม่รู้จักชื่อ เขาคือ อาเดรียน ปาซ ซึ่งย้ายมาเล่นให้อิปสวิช ในปี 1994
ตอนนั้นทีมงานของทีมม้าขาว เดินทางไปถึงอเมริกาใต้ เพื่อเฟ้นหานักเตะฝีเท้าดีมาร่วมทีม พวกเขากลับมาอังกฤษพร้อมกับ อาเดรียน ปาซ จาก เอสตูเดียนเตส ในลีกอาร์เจนติน่าเมื่อเดือนกันยายนปี 1994
เกมประเดิมสนามในพรีเมียร์ ลีก นัดแรกของกองหน้าวัย 28 ปี ก็เรียกว่าฮือฮาเลย นั่นคือ การเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอิปสวิชชนะไป 3-2 อีกต่างหาก
อย่างไรก็ดีที่ อิปสวิช เซ็นเอา ปาซ มาร่วมทีม ก็เพราะตามรายงานข่าวคือ พวกเขาพลาดการคว้าตัวกองหน้าชื่อดังคนหนึ่ง กองหน้าคนนั้นก็คือ กาเบรียล บาติสตูต้า!
ต้องย้อนไปก่อนว่า บาติโกล์ โดนฟิออเรนติน่าเซ็นมาจากโบคา จูเนียร์ เมื่อปี 1991
เขากลายเป็นกองหน้าตัวความหวังของทีมทันที แต่ฟิออเรนติน่า ดันเจอช่วงเวลาย่ำแย่ ในฤดูกาล 1992/93 พวกเขาตกชั้นไปสู่เซเรีย บี เฉยเลย
แม้ตกชั้นแต่ บาติสตูต้า ไม่คิดย้ายทีม เขายังลุยต่อกับทีมวิโอล่า และในปี 1993/94 ก็ยิงจนฟิออเรนติน่า คว้าแชมป์เซเรีย บี เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้สำเร็จในทันที
จากนั้นก็ถึงเวลาของฟุตบอลโลก USA94 ที่สหรัฐอเมริกา
ที่นี้ ลองกลับไปดูทางฝั่งของ อิปสวิช กันบ้าง
อิปสวิช ได้ตำนานของเวสต์แฮม อย่าง จอห์น ไลออลล์ มาคุมทีมในปี 1990 พอปี 1991/92 เขาพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้อย่างยอดเยี่ยม
นั่นเท่ากับว่า อิปสวิช คือหนึ่งในทีมที่ได้ร่วมสังคายนาใน "พรีเมียร์ ลีก" ฤดูกาลแรกสุดคือปี 1992/93
เขานำทีมทำผลงานดีเยี่ยมเลยในครึ่งซีซั่นแรก ตอนเดือนม.ค. 1993 เคยขึ้นถึงอันดับ 4 แต่หลังจากนั้นฟอร์มกลับรูดแบบน่าเกลียด สุดท้ายจบอันดับ 16
ฤดูกาลต่อมา 1993/94 จอห์น ไลออลล์ มีตำแหน่งผู้จัดการทีมก็จริง แต่เขาดูแลอยู่ข้างหลังโดยสโมสรแต่งตั้งให้ มิค แม็คกิฟเว่น มือขวาของเขาขึ้นมาเป็นเฮดโค้ช คุมทีมตัวจริง
ปรากฏว่าทรงออกมาเหมือนเดิมเลย คือครึ่งซีซั่นแรกผลงานแจ่ม พอครึ่งซีซั่นหลังฟอร์มเละเทะ จนจบด้วยอันดับ 19 (สมัยนั้นมี 22 ทีม) รอดตกชั้นหวุดหวิด โดยเกมสุดท้ายต้องขอบคุณเชลซี ที่เอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ให้ 3-2 ถ้าทีมดาบคู่มีแต้ม อิปสวิช จะตกชั้นแทนเลย
สโมสรมองเห็นปัญหาชัด พวกเขาไม่ใช่ทีมที่เกมรับทุเรศทุรังนัก เสีย 58 ประตูจาก 42 นัด ไม่น่าเกลียดนัก ทีมใกล้ๆ กันเสียระดับ 60 กว่าลูกทั้งสิ้น
แต่ปัญหาของพวกเขาคือเกมรุก เพราะยิงได้แค่ 35 ประตูเท่านั้น น้อยสุดในลีก
1
นั่นคือที่มาของการที่อิปสวิช ต้องการหากองหน้าฝีเท้าดีมาร่วมทีม
จบฤดูกาลนั้น มิค แม็คกิฟเว่น ก็ถอยลงมาเป็นผู้ช่วยเหมือนเดิม ทำให้ จอห์น ไลออลล์ กลับมาคุมทีมเต็มตัวอีกครั้งและเขาก็ตามหากองหน้า เป้าหมายของพวกเขา ดันไม่ธรรมดา เพราะเล็งไปที่ บาติสตูต้า
อย่างที่บอก หลังพาฟิออเรนติน่าเลื่อนชั้น เขาก็ไปลุยบอลโลก และยิง 4 ประตูใน USA94
ตอนนั้นชื่อเสียงของ บาติโกล เริ่มดังขึ้นมาแล้ว ในอิตาลี ลีกที่แกร่งสุด ณ ตอนนั้น
จริงๆ แล้ว จอห์น ไลออลล์ ติดต่อโทนี่ ค็อตตี้ ศิษย์เก่าสมัยเวสต์แฮม ก่อนแต่เขาตอบปฏิเสธ นั่นทำให้หวยไปตกกับ บาติโกล์
ตอนนั้นมีกระแสชัดเจนว่า สโมสรเล็งกองหน้าบิ๊กเนมเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าใคร
สื่อที่เล่นข่าวนี้ก่อนเลยคือ อิปสวิช อีฟว์นิ่ง สตาร์ สื่อดังประจำองถิ่น ที่พาดหัวตามมาเลยว่า "IT'S BATISTUTA"
บาติสตูต้าเว้ยพวกเราที่อิปสวิชเล็งอยู่
ต่อมา สื่อหลักอย่าง The Independent ก็เล่นข่าวนี้ ชนิดที่ใส่รายละเอียดยิบโดยนักข่าวฟุตบอลชื่อดังเวลานั้น เทรเวอร์ เฮย์เล็ตต์
ข่าวลงวันที่ 2 กันยายน 1994 ดิ อินดีเพนเดนท์ พาดหัวข่าวนั้นว่า
"Ipswich chase Argentines"
"อิปสวิช ตามล่าแข้งอาร์เจนไตน์ส"
1
ในเนื้อข่าวเกริ่นว่า อิปสวิช ตามล่า 2 แข้งอาร์เจนไตน์ หนึ่งคือ ออสการ์ รุจเจรี่ ปราการหลังวัย 32 ปี ซึ่งเล่นกับ ซาน ลอเรนโซ่ ในขณะนั้น เขาเคยได้แชมป์โลกปี 1986 และเข้าชิงบอลโลก 1990 มาแล้ว เพิ่งอำลาทีมชาติหลังจบ USA94 หมาดๆ
อีกราย แน่นอนตามเนื้อข่าวบอกว่า จอห์น ไลออลล์ นั้นกำลังตามล่ากองหน้า กาเบรียล บาติสตูต้า
ข่าวไปถึงขั้นระบุรายละเอียดด้วยว่า บาติสตูต้า ไม่แฮปปี้ที่ฟิออเรนติน่า และทั้งสองสโมสรตกลงค่าตัวกันล่วงหน้าได้แล้วที่ 2.9 ล้านปอนด์ ซึ่งจะเป็นสถิติการซื้อของสโมสรอิปสวิชด้วย
ในยุคนั้น ข้อมูลข่าวสารยังไม่ได้หาเสพกันง่ายนัก คนทั่วไป ไม่มีทางจะไถทวิตเตอร์ หรือเปิดเฟซบุค อัพเดตข่าววงในอะไรได้เลย แม้แต่จะหาอินเทอร์เน็ตเล่นยังยากมากๆ
ดังนั้น ข่าวที่เสพกันง่ายสุดคือหนึ่งทางทีวี วิทยุ และสองคือการอ่านหนังสือพิมพ์
แม้ข่าวนี้ออกมาจะทำให้แฟนบอลตื่นเต้น แต่พวกเขาก็มองไปถึงความจริงที่ว่า เทรเวอร์ เฮย์เล็ตต์ นักข่าวคนที่เขียนข่าวนี้ เป็นแฟนบอลนอริช
นอริช กับอิปสวิช คือคู่อริ เป็นดาร์บี้แม็ทช์ที่เรียกกันว่า "อีสต์ แองเกลียน ดาร์บี้" ระหว่างสองทีมใหญ่แห่งอีสต์ แองเกลีย ก็คือนอริช แห่งนอร์ฟอล์ค และอิปสวิชแห่งซัฟเฟิล์ค
แฟนบอลเชื่อกันว่า เฮย์เล็ตต์ เขียนข่าวนี้มาเพื่อแกล้งให้อิปสวิช ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเฉยๆ ทำนองว่าเป็นแค่ทีมระดับนี้ แต่บังอาจจะไปตามล่าบาติสตูต้า เลยเชียวหรือ
อีกทั้งเหตุผลที่บอกว่า บาติโกล์ ไม่แฮปปี้ ไม่น่าเป็นไปได้ หากเป็นเมื่อ 1 ปีก่อนที่ทีมตกชั้นก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ เขาก็ยิงจนพาทีมเลื่อนชั้น กลับมาได้เล่นในเซเรีย อา แล้ว มันไม่น่ามีอะไรไม่พอใจ
แน่นอน ไม่เคยมีใครไปสัมภาษณ์ตัวของ บาติโกล เองเลย ว่าข่าวนี้มันยังไงกันแน่ที่ว่าพูดคุยกับอิปสวิช
อย่างที่บอกว่าพอไม่ได้ตัว บาติสตูต้า ขึ้นมาตามข่าว ในที่สุด อิปสวิช ก็ไปเลือกเซ็นกับ อาเดรียน ปาซ ที่มีผลงานแค่ 1 ประตู ก่อนจะย้ายออกไปเล่นในจีนกับ เซี่ยงไฮ้ ปู่ตง ทันทีในอีก 1 ปีต่อมา
แต่สำหรับอิปสวิช พวกเขามีผลงานที่ย่ำแย่จริงๆ หนนี้แย่ตั้งแต่ต้นซีซั่นเลยด้วย ไม่ใช่มาแย่ครึ่งหลัง
มีเกมน่าพอใจแค่ 2 เกม คือการเปิดบ้านเอาชนะ 2 ทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 (เกมที่ ปาซ ประเดิมสนาม) และ ลีดส์ 1-0 นอกจากนั้นแพ้เกือบทุกเกม พอเดือนธันวาคม 1994 จอห์น ไลออลล์ ก็ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
หนนี้อิปสวิช ไม่ได้มีปัญหาแค่เกมรุก ที่ยิงไปแค่ 36 ตุงจาก 42 นัด แต่เกมรับก็มีปัญหา เพราะพวกเขาเสียถึง 93 ประตูจาก 42 นัด
1
คนจดจำอิปสวิช ปีนี้ในฐานะทีมที่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด เอาคืน ขยี้ไปถึง 9-0 นั่นเอง พวกเขาเป็นบ๊วย ตกชั้นไปตามระเบียบ
ส่วน กาเบรียล บาติสตูต้า ฤดูกาลนั้นกดไป 26 ประตูใน เซเรีย อา คว้าดาวซัลโวไปครอง และกลายเป็นสตาร์ระดับโลกอย่างแท้จริงไปนับแต่นั้น
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา