Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ต้น keep in touch
•
ติดตาม
1 ธ.ค. 2021 เวลา 15:05 • บันเทิง
ตอนที่ 2 : มัน ใหญ่ มาก (ตอนที่ 1)
“ถ้าปีนี้ไม่ติด Covid วันที่ 10,11 ธันวาคม 2564 จะมีเทศกาลดนตรี มันใหญ่มาก ครั้งที่ 12”
แต่เมื่อจัดงานไม่ได้ ผมขอเล่าย้อนความไปพบกับบรรยากาศส่วนหนึ่งเล็กๆ กับการทำงานใน มัน ใหญ่ มาก ครั้งที่ 11 แทนก็แล้วกัน
12,13 ธันวาคม 2563
งานเทศกาลดนตรี ก็คืองานที่มีวงดนตรีมาแสดงหลายๆ วง หลายๆ เวที ซึ่งในประเทศไทยก็มีอยู่หลายๆ เทศกาลที่ได้รับการยอมรับ และจัดต่อเนื่องมาหลายๆ ปี
เรื่องหนึ่งที่เป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ของงานการแสดงดนตรี ก็คือ การเปลี่ยนวง เมื่อศิลปินหรือนักดนตรีกลุ่มหนึ่งแสดงจบ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นนักดนตรีกลุ่มต่อๆ ไปขึ้นมาแสดง การเปลี่ยนวงคือนอกจากเปลี่ยนผู้แสดงแล้ว ยังต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ เครื่องดนตรีอีกด้วย
เมื่อสมัยผมเริ่มทำงานคอนเสิร์ตใหม่ๆ ราวๆ ปี 2541 อุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรียังเป็นแบบ Analogue อยู่ นักดนตรีแทบทุกวงจะใช้อุปกรณ์กลางที่ Concert Organizer จัดเตรียมไว้ให้ สมมติว่ามี 10 วง ก็ตีกลองชุดเดียวกัน ใช้กีต้าร์แอมป์ ตู้เดียวกัน ใช้เปียโนไฟฟ้าตัวเดียวกัน และก็ใช้ไมโครโฟน 2-3 ตัวหมุนเวียนกันไป เมื่อเปลี่ยนวงก็หมายถึงการเปลี่ยนคนเล่น เปลี่ยนตัวกีต้าร์และเอ็ฟเฟ็กต์กีต้าร์ ปรับปุ่มโทนเสียงที่ตู้แอมป์ ปรับตำแหน่งของชุดกลองให้เหมาะสมกับสรีระมือกลอง จัดตำแหน่งการยืนของนักดนตรีให้เหมาะสมตามจำนวนสมาชิกของวงนั้นๆ ส่วน sound engineer ก็มีหน้าที่ปรับแต่งเสียงต่างๆ บน Mixer board ของแต่ละอุปกรณ์ตามที่จดไว้ในกระดาษให้ตรงกับที่ได้ sound check ไว้ล่วงหน้า ถ้ามี 10 วง ก็มีกระดาษ 10 แผ่น ที่ขีดๆ เขียนๆ ทำมาร์คไว้แล้วว่าปุ่มไหน ปรับหมุนไปที่ไหน ความดังเบา ปรับไปที่เท่าไหร่
เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีเริ่มพัฒนาขึ้นสู่ระบบ Digital แทนที่จะจดใส่กระดาษ 10 แผ่น ก็เปลี่ยนเป็น save 10 ไฟล์ ไว้ใน Mixer board ตัวเดิม พอถึงเวลาเปลี่ยนวง ก็แค่กด recall scene เรียกซีนที่ได้ save ไว้กลับขึ้นมา ปุ่มต่างๆ ที่ถูกปรับแต่งไว้ ก็พร้อมใจกันหมุนพรึบพรับเข้าประจำที่ของมันไม่ผิดเพี้ยน ส่วนการทำงานบนเวทีก็เริ่มไม่เหมือนเดิม นักดนตรีเริ่มมีอุปกรณ์เครื่องดนตรีเป็นของตัวเอง ใช้กีต้าร์แอมป์หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ใช้คีย์บอร์ดไฟฟ้าตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ใช้รุ่นที่มีเสียงเฉพาะ รุ่นอื่นยี่ห้ออื่นไม่มีเสียงแบบนี้จะเล่นไม่ได้
จนกระทั่งมีกลองชุดเป็นของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องดนตรีที่มีความวุ่นวายที่สุด กลอง 1 ชุด มีสิ่งที่ตีแล้วเกิดเสียงดังราวๆ 8 ชิ้นขึ้นไป แต่ละชิ้นก็ต้องมีไมโครโฟนจับรับเสียงเฉพาะของใครของมัน ซึ่งหากสังเกตุบนเวทีดีๆ จะมองเห็นเหมือนโชว์รูมขายเครื่องดนตรีมากกว่า ถ้ามี 10 วง ก็ต้องมีตู้กีต้าร์แอมป์ไม่ต่ำกว่า 10 ตู้ เพราะ 1 วง อาจจะมีมือกีต้าร์มากกว่า 1 คน ทีนี้พอเวลาเปลี่ยนวง ทีมงานก็จะทำหน้าที่ย้ายไลน์ จากเครื่องดนตรีของวงที่ 1 ไปสู่วงที่ 2 ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ ย้ายไมค์รับเสียงที่หน้าตู้กีต้าร์วงที่ 1 ไปจ่อรับเสียงที่หน้าตู้กีต้าร์ของวงที่ 2 เป็นต้น ก็ต้องจดและจำให้ได้ว่าวงไหนวางตู้กีต้าร์ไว้ตรงไหน ถามว่ามีผิดบ้างมั้ย แน่นอนว่า.......... มี
หลังจากนั้นไม่นาน นอกจากวงดนตรีจะมีอุปกรณ์เครื่องดนตรีเป็นของตัวเองแล้ว ก็เริ่มมี Sound engineer และ Mixer Board เป็นของตัวเองด้วย หมายความว่า วงของฉัน ใช้อุปกรณ์ของฉันเองทั้งหมด ไม่ใช้ร่วมกับใคร และใครอื่นก็ใช้ของฉันไม่ได้ด้วยเช่นกัน ถ้ามี 10 วง ก็มี 10 Mixer boards (เติม s แล้วด้วย) ซึ่งนับว่าเป็นพัฒนาการที่ดีเยี่ยม สามารถประหยัดเวลาในการทำงานได้ดี ใช้เวลาในการ sound check น้อยลง เพราะ save การปรับแต่งไว้แล้ว เมื่อเปิดใช้งาน ต่อสายให้ครบ เรียกซีนเดิมขึ้นมา แล้วปรับแต่งอีกนิดหน่อยให้เหมาะสมกับพื้นที่การแสดง ก็เสร็จกระบวนการ sound check แล้ว การเปลี่ยนวงง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องไปย้ายไมค์จ่อหน้าตู้แล้ว แต่บนเวทีก็ยังเป็นโชว์รูมอยู่ดี
จวบจนปัจจุบัน วิธีการนี้ ศิลปิน นักดนตรีใช้กันเกือบ 100% จะมีเพียงไม่กี่วงเท่านั้น หรือไม่ก็วงน้องใหม่มากๆ ที่ยังขอใช้อุปกรณ์กลางอยู่ และก็มีอีกไม่กี่วงที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น นั่นคือ บนเวทีไม่ต้องตั้งตู้กีต้าร์แอมป์และเอ็ฟเฟ็กต์กีต้าร์แล้ว ทั้ง 2 อย่าง ไปตั้งแอบไว้ข้างๆ เวที แล้วใช้ระบบสัญญาณ midi ในการบังคับให้เอ็ฟเฟ็กต์กีต้าร์เปลี่ยนเสียงกีต้าร์ให้โดยอัตโนมัติเมื่อถึงท่อนที่ต้องการ แทนการเดินมาเหยียบปุ่มต่างๆ บนเอ็ฟเฟ็กต์กีต้าร์แบบเมื่อก่อน ซึ่งถ้าทุกวงใช้วิธีนี้ได้ครบ เราจะมองเห็นฉากบนเวทีชัดๆ ปราศจากโชว์รูมตู้กีต้าร์อีกต่อไป
ที่เล่ามานี้ คือการเปลี่ยนวงบนเวทีงานเทศกาลดนตรี ที่ไม่ได้ใช้เทคนิคเวทีเลื่อนนะ หากงานไหนเวทีอลังการ เป็นเวทีเลื่อนซ้ายเลื่อนขวาได้ การเปลี่ยนวงบนเวทีจะไม่มีให้เห็น เมื่อวงแรกเล่นจบ ก็เลื่อนเวทีเอาวงต่อไปออกมาโชว์ได้เลย เล่นต่อเนื่อง non stop กันไป ถ้ามี 10 วง เล่นวงละชั่วโมง ผู้ชมก็เต็มอิ่ม หูบวมตาแฉะ ไปเลย 10 ชั่วโมงเต็มๆ ซึ่งก็มีเทศกาลดนตรีที่ใช้วิธีนี้เกิดขึ้นแล้วหลายๆๆๆๆ ครั้ง
จะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้ เราทำเพื่อ.................... คุณผู้ชม
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย