2 ธ.ค. 2021 เวลา 03:26 • ไลฟ์สไตล์
Angela Lee Duckworth : Grit the power of passion and perseverance
แองเจลา ลี ดักเวิร์ธ (Angela Lee Duckworth) ลาออกจากงานที่ปรึกษาการบริหาร และรับงานสอนคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนชั้น Grade 7 ในโรงเรียนรัฐบาลในรัฐนิวยอร์ก เธอตระหนักได้ทันทีว่าไอคิวไม่ใช่สิ่งเดียวที่แยกนักเรียนที่ประสบความสำเร็จออกจากเด็กนักเรียนที่กำลังเจอปัญหา ที่นี่ เธออธิบายทฤษฎี "Grit" ของเธอในฐานะเครื่องทำนายความสำเร็จ
ดักเวิร์ธ ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาการบริหาร เพื่อไปทำงานที่ยากกว่า คือการสอนหนังสือ เธอสอนคณิตศาสตร์ให้เด็กเกรดเจ็ด ที่โรงเรียนเทศบาลเมืองนิวยอร์ค ซึ่งเหมือนครูคนอื่นทั่วไป เธอสร้างแบบทดสอบและข้อสอบ ให้การบ้านและมอบหมายงาน เมื่อเด็กส่งงานมาก็ตรวจให้เกรดตามปกติ
แต่การสอนทำให้เธอค้นพบบางสิ่ง เธอพบว่า ไอคิว ไม่ใช่สิ่งเดียวที่แตกต่างระหว่างเด็กเรียนดีที่สุดและเด็กที่อ่อนที่สุด เด็กที่ผลการเรียนดีบางคนไม่ได้มีคะแนนไอคิวสูงเทียมเมฆ แล้วเด็กที่ฉลาดที่สุดบางคนก็ไม่ได้มีผลการเรียนดีนัก
เธอเล่าว่าในชั้นคณิตศาสตร์เกรดเจ็ดนั้นเนื้อหาที่เรียนย่อมมีความยากแน่นอน ทั้งเรื่องของ อัตราส่วน ทศนิยม พื้นที่ของสี่เหลี่ยมด้านขนาน แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่ายากจนทำไม่ได้ และในตอนนั้นเธอก็มั่นใจมากทีเดียวว่านักเรียนที่เธอสอนทุกคนจะสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ ถ้าพวกเขาพยายามให้มากและใช้เวลากับมันนานพอ
การสอนนี้ผ่านไปหลายปี ทำให้เธอเริ่มได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่เราต้องการในแวดวงการศึกษาคือความเข้าใจที่มากกว่านี้ ทั้งในตัวนักเรียนและระบบการเรียนรู้ ทั้งในแง่ของการสร้างแรงจูงใจ และในแง่ของจิตวิทยา ในด้านการศึกษา สิ่งหนึ่งเรารู้จักดีที่สุดในการวัด ก็คือไอคิว แต่ถ้าการจะไปได้สวยในโรงเรียนและในชีวิตกลับขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่แค่ความสามารถในการเรียนรู้
ดักเวิร์ธตัดสินใจลาออกมา เพื่อต่อปริญญาโทในสาขาจิตวิทยา เพราะเธอต้องการที่ศึกษาเด็กๆ และผู้ใหญ่ ภายใต้โจทย์ที่สุดแสนท้าทายทุกประเภท และในทุกการศึกษาค้นคว้า เธอจะมีคำถามคือ
ใครบ้างที่จะประสบความสำเร็จและทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
เธอพยายามที่จะพยากรณ์ว่านายร้อยคนใด จะยังอยู่ฝึกต่อและใครจะลาออก เธอไปเยือนการแข่งขันสะกดคำแห่งชาติ พยายามคาดเดาว่าเด็กคนไหนจะไปได้ไกลที่สุดในการแข่งขัน เธอศึกษาคุณครูมือใหม่ที่ต้องทำงานในละแวกที่ยากลำบาก ด้วยคำถามว่าครูคนใดจะยังคงสอนอยู่ต่อไปเมื่อปีการศึกษาจบลง และในกลุ่มนั้นใครจะมีประสิทธิภาพที่สุดในการยกระดับผลการศึกษาของเด็กที่สอน อีกทั้งยังร่วมมือกับบริษัทเอกชนด้วยการถามว่า เซลส์คนใดจะยังรักษางานไว้ได้และใครจะเป็นผู้ที่ทำรายได้สูงสุด จากบริบทที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้
และในที่สุดดักเวิร์ธก็เจอคุณสมบัติหนึ่งโดดเด่นขึ้นมา มันไม่ใช่ความฉลาดในการเข้าสังคม ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่ดูดี ไม่ความแข็งแรงของสุขภาพ และมันไม่ใช่ไอคิว แต่คือ “ความเพียรพยายาม” (Grit)
ความเพียรพยายาม แปลว่าฝักใฝ่ ใคร่รัก ทุ่มเท และบากบั่นฟันฝ่า เพื่อเป้าหมายระยะยาว ความเพียร คือความทรหดอดทน คือการมุ่งมั่นไปข้างหน้า วันแล้ว วันเล่า ไม่เพียงแค่สัปดาห์ ไม่เพียงแค่เดือน แต่เป็นปี และทำมันอย่างหนัก เพื่อให้อนาคตที่ฝันกลายเป็นจริง
ความเพียรพยายาม คือการใช้ชีวิตแบบวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งระยะสั้น
เด็กที่มีความเพียรพยายามมากกว่า มีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนที่จะเรียนจบ แม้ตอนที่เธอเปรียบเทียบกับลักษณะอื่นที่สามารถวัดได้ เช่นรายได้ครอบครัว คะแนนทดสอบความสำเร็จที่เป็นมาตรฐาน แม้กระทั่งความรู้สึกของเด็กว่าปลอดภัยแค่ไหนเวลาไปโรงเรียน ฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ที่เวสท์พอยท์หรือการแข่งสะกดคำแห่งชาติที่ความเพียรพยายามเป็นปัจจัยสำคัญ ในโรงเรียนก็ด้วย โดยเฉพาะกับเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะลาออก สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเกี่ยวกับความเพียรคือเรารู้จักมันน้อยมาก วิทยาศาสตร์รู้จักวิธีสร้างเสริมมันน้อยมาก และที่รู้แน่ ๆ คือ ‘พรสวรรค์’ ไม่ได้ช่วยให้มีความเพียรพยายามเพื่อขึ้น ข้อมูลของเธอแสดงไว้อย่างชัดเจน ว่ามีผู้มีพรสวรรค์มากมายที่ไม่ทำหน้าที่ของตนให้บรรลุผล มันชี้ว่าความเพียรนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องแบบทางตรงหรือสวนทางกับพรสวรรค์ด้วยซ้ำไป
ต่อมาเธอได้พูดถึงเรื่อง “ความเชื่อในการเติบโต” (Growth Mindset) เป็นไอเดียที่พัฒนาขึ้นที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดย แครอล ดเว็ก (Carol Dweck) มีความเชื่อว่า ความสามารถในการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว และเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความพยายามของคุณเอง ดร.ดเว็กได้เสนอว่าเมื่อเด็กอ่านและเรียนรู้ เกี่ยวกับสมองและการเติบโตของสมอง ในการตอบสนองกับสิ่งท้าทาย พวกเขาจะบากบั่นต่อไปเมื่อพวกเขาล้มเหลว เพราะพวกเขา ไม่เชื่อว่า ความล้มเหลว เป็นสภาวะที่ถาวร
ดังนั้น ความเชื่อในการเติบโต เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยม ในการบ่มเพาะความเพียรพยายาม เราต้องเปิดใจที่จะล้มเหลว ผิดพลาด เพื่อจะได้เริ่มใหม่ ด้วยบทเรียนที่เรียนรู้มา
ในอีกนัยหนึ่ง เราเองต้องฝ่าฟันด้วยความเพียรพยายาม ในการสร้างให้เด็ก ๆ ของเราให้มีความพากเพียรมากยิ่งขึ้นไปด้วย
โฆษณา