2 ธ.ค. 2021 เวลา 11:40 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ข้อคิดจากหนัง 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi (2016) “การคำนึงถึงคุณค่าของชีวิตผู้อื่น”
ค่าจ้าง มันเทียบกับคุณค่าของความเป็นคนไม่ได้
13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi (2016)
เล่าเรื่องราวของทหารรับจ้างยอดฝีมือ 6 คน
ที่รับภารกิจคุ้มกันให้กับฐานลับของสหรัฐอเมริกา
ในเบนกาซี ประเทศลิเบีย
“จากงานคุ้มกันที่ดูเหมือนจะราบรื่นไร้ปัญหา”
แต่กลับกลายเป็นภารกิจสุดโหด
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่เกินคาดหมายขึ้น นั่นคือ
“กลุ่มผู้ก่อการร้ายบุกโจมตี”
ซึ่งเริ่มจากจู่โจมที่พำนักของเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
แล้วยังตามมาบุกถล่มถึงฐานลับที่อยู่ใกล้เคียงอีกซะด้วย
โดยมาพร้อมกับจำนวนคนที่มากกว่า
อีกทั้งยังมีอาวุธครบมือ
และสามารถบุกทะลวงเข้ามาได้จากทุกทิศทาง
“เหล่ายอดฝีมือทั้ง 6”
จึงต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อปกป้องทุกชีวิต
จนกว่าจะมีทีมช่วยเหลือเข้ามาสนับสนุน
นอกจากฉากสู้รบอย่างดุเดือดแล้ว
อีกหนึ่งความประทับใจที่ผมมีต่อหนังเรื่องนี้ก็คือ
การยอมขัดคำสั่งเพื่อปกป้องชีวิตของผู้คนครับ
ซึ่งถ้าพูดถึงภารกิจตามที่ถูกว่าจ้างมานั้น
เหล่าทหารรับจ้างต้องฟังหัวหน้า
และอย่าล้ำเส้นทำเกินหน้าที่
“สั่งมาแค่ไหน ให้ทำแค่นั้น”
แต่เมื่อดันเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นมา
ซึ่งมีคนที่อยู่ภายนอกฐานลับขอความช่วยเหลือ
เหล่านักรบผู้กล้าก็ไม่ยอมนั่งอยู่เฉยแบบนั้นครับ 555
โดยมีฉากหนึ่ง
ที่ตัวละครหลักพูดเรื่องนี้ขึ้นมาครับ
ทำนองว่า
-เราขัดคำสั่งกันขนาดนี้ งานหน้าคงไม่มีใครมาจ้างพวกเราแล้วล่ะ
แต่แล้วเพื่อนอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า
-ค่าจ้างน่ะ มันเทียบกับค่าความเป็นคนไม่ได้หรอก
“ค่าจ้างเรื่องเล็ก ชีวิตคนเรื่องใหญ่”
นี่จึงเท่ากับเป็นการเอาชีวิตตนเองเข้าแลก
เพื่อปกป้องผู้ที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือ
การคำนึงถึงคุณค่าของชีวิตผู้อื่น
แล้วยินดีทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อช่วยเหลือ
ถือเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างหนึ่งของมนุษย์เราครับ
แล้วหากเราลองสังเกตพฤติกรรม “การทุ่มเทเพื่อผู้อื่น”
(ทั้งสถานการณ์จากภาพยนตร์เรื่องนี้
รวมถึงเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันที่เราพบเห็น)
เราจะพบสภาวะหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย เช่น
-ความมุ่งมั่นตั้งใจ
-ความเอาใจใส่/ความห่วงใย
-ความอดทน
-การเห็นคุณค่าในชีวิตผู้อื่น
-การแบ่งปัน/การดูแล
“จิตใจที่เอื้อเฟื้อเกื้อกูล”
ในเมื่อโลกใบนี้
-ยังมีคนที่ไม่ยอมทอดทิ้งผู้อื่นไว้เบื้องหลัง
-ยังมีคนที่เต็มใจช่วยเหลือผู้ที่ประสบความทุกข์
“มนุษย์เรายังคงไม่ทอดทิ้งกัน”
แล้วไม่ว่าเค้าเหล่านั้นจะอยู่ในอาชีพใด/บทบาทไหน
พวกเค้าก็สมควรได้รับการปกป้องดูแลเช่นกัน
(มิใช่ปล่อยให้เหล่าผู้คนที่เสียสละ
ทุ่มเทพลังทั้งหมดจนสิ้นเรี่ยวแรงไปอย่างเดียวดาย)
หากเรารู้จักการดูแลชีวิตจิตใจซึ่งกันและกัน
รวมทั้งมองเห็นคุณค่าและความสำคัญของผู้อื่น
ความรู้สึกอันเหินห่างระหว่างเพื่อนมนุษย์
“ย่อมถูกพังทลายลงไป”
เมื่อหัวใจของเราไม่ถูกกำแพงขวางกั้น
หัวใจของเราย่อมเปิดกว้างมากขึ้น
ซึ่งจะช่วยให้เรามีทางเลือกที่สร้างสรรค์เพิ่มมา
เพราะนอกจากทางแห่งการทำลายล้าง/ละเลย/หลบเลี่ยง
“เรายังสามารถเลือกทางเดินสำหรับการรักและดูแลผู้อื่นได้”
โฆษณา