3 ธ.ค. 2021 เวลา 04:43 • ธุรกิจ
แนะนำ 5 Project Management Tools ที่จะช่วยให้คุณทำงานฉลาด และวางแผนดีกว่าเดิม !
Project Management Tools เป็น เครื่องมือในการบริหารจัดการงาน หรือ โปรเจกต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาในการทำงาน รวมไปถึงสามาถติดตามงานได้ตลอด
ปัจจุบัน Project Management Tools มีมากมายในตลาด การค้นหาหรือการเลือกเครื่องมือสำหรับทีมอาจเป็นเรื่องยาก วันนี้เราจึง 5 เครื่องมือบริหารจัดการงานที่ใช้งานกันมาแนะนำ
แนะนำ 5 Project Management Tools ที่จะช่วยให้คุณทำงานฉลาด และวางแผนดีกว่าเดิม !
Airtable เครื่องมือที่ผสมผสานระหว่าง Spreadsheet และ Database เข้าไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่า เป็น Spreadsheet ประสิทธิภาพสูง สามารถแนบรายการต่างๆ รวมทั้งรูปภาพ ลิงก์ไปยังงานอื่นๆ และผู้ที่ได้รับมอบหมายได้
Airtable ช่วยบริหารการทำงาน และจัดการ Operations ได้แบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณและทีมของคุณประหยัดเวลาในการทำงาน ไม่ต้องกังวลกับการทํางานซ้ำๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้องค์กรได้
Airtable มีมุมมองอื่นๆ นอกเหนือจากมุมมองสเปรดชีต/ตาราง ซึ่งรวมถึงมุมมองปฏิทิน, Kanban, แกลเลอรี และอื่นๆ อีกมากมาย แอปฯ นี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือการจัดการโปรเจกต์ที่ดีที่สุด หากคุณเคยชินกับการทำงานใน Excel หรือ Google Sheets ชีตเป็นหลัก
บริษัทใหญ่ๆ ที่ใช้ Airtable ในกาารทำงานได้แก่ Netflix, Expedia, HBO, Condé Nast Entertainment, TIME, City of Los Angeles, MIT Media Lab and IBM และอื่นๆ อีกมากมาย
จุดเด่นของ Airtable :
- สามารถสร้างฐานข้อมูลที่ปรับแต่งได้เพื่อให้เข้ากับการทำงานของคุณ
- หากเคยชินกับการทำงานใน Excel หรือ Google Sheets ชีตเป็นหลัก จะสามารถเข้าใจเครื่องมือนี้ได้อย่างง่ายดาย
- Customize มุมมองได้หลากหลาย เช่น Grid View, Calendar View, Gallery View หรือ Kanban View เป็นต้น
- มีระบบอัตโนมัติที่ให้ คุณส่งการแจ้งเตือน ส่งอีเมล และอื่นๆ อีกมากมาย
- สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ได้หลากหลาย เช่น Google Drive, Gmail, Google Calendar, Basecamp, MailChimp, WordPress, Slack, Facebook และ Twitter เป็นต้น ล่าสุด ยังสามารถเชื่อมกับ LINE เพื่อส่งข้อความแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย
- ใช้งานได้ทั้ง เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชั่นบนมือถือ (Android และ iOS )
ราคา:
Airtable สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรี ถ้าอยากได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มหรือฟีเจอร์ขั้นสูง ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเริ่มต้นที่ ราคา $10 ต่อผู้ใช้ /เดือน
ศึกษาราคาการใช้งาน Airtable :https://airtable.com/pricing#cost
หากคุณอยากทำความรู้จักกับ Airtable เพิ่มขึ้น :https://blog.skooldio.com/what-is-airtable/
Asana สร้างขึ้นโดยหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Facebook เป็น Tool มีความยืดหยุ่นสูง มีรูปแบบจัดการ Project ได้หลากหลาย สามารถดูมีมุมมองมากมายแต่ยังไม่สามารถดูแบบ Spreadsheet ได้ ออกแบบมาให้ใช้งานและปรับแต่งได้ง่าย ใช้ในการติดตามภาระงานต่างๆ ในทีม เพื่อช่วยสมาชิกในทีมจัดการปริมาณงานแต่ละรายการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของ Asana :
- สร้าง Subtask, Nested Subtask สามารถแบ่งงานได้ กำหนดวันส่งงานและผู้รับผิดชอบแยกจากงานหลักได้
- ดูมุมมอง Projectได้หลายรูปแบบ เช่น Board, Calendar, Listview Timeline และ Karban เป็นต้น
- การวิเคราะห์งานแบบ Real time และ แผนภูมิแสดงความคืบหน้าของงาน
- การติดตามภาระงานต่างๆ ในทีม เพื่อช่วยสมาชิกในทีมจัดการปริมาณงานแต่ละรายการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้งานร่วมกับเครื่องมือมากกว่า 100 รายการ
- ใช้งานได้ทั้ง เว็บไซต์ และ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ(Android และ iOS )
ราคา:
Asana สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรี จำกัดผู้ใช้เพียง 15 คนในทีมเท่านั้น ถ้าอยากได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มหรือฟีเจอร์ขั้นสูง ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเริ่มต้นที่ ราคา $10.99 ต่อผู้ใช้ /เดือน
ศึกษาราคาการใช้งาน Asana :https://asana.com/pricing
Hive เป็น Project Management Tool ที่ใช้โดยทีม Google, Starbucks, Comcast, Toyota, Anheuser Busch และอื่นๆ เครื่องมือนี้ใช้ได้กับองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพและองค์กรไม่แสวงหากำไร ไปจนถึงบริษัทที่มีพนักงานกว่าจำนวน 100,000 คน นอกจากนี้ยังมี Template ที่หลากหลายนำมาใช้งานได้ทันที มี Hive chat ทำให้การสื่อสารกับทีมดียิ่งขึ้น รวมถึงความสามารถในการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นมากกว่า 1,000 รายการ
จุดเด่นของ Hive:
- Hive chat ทำให้การสื่อสารกับทีมดียิ่งขึ้น
- มี Project View ที่หลากหลาย เช่น Gantt, Kanban, ปฏิทิน, ตาราง และ Portfolio
- การติดตามเวลา (Time-tracking) และไทม์ชีท Timesheets )
- การใช้งานร่วมกับเครื่องมือกว่า 1,000 รายการ เช่น Jira, Gmail, Zoom และ Salesforce เป็นต้น
- เครื่องมือในการจดบันทึกการทำงานร่วมกัน
- Hive Analytics : ช่วยวิเคราะห์การทำงาน และติดตามความคืบหน้าของทีมได้
- ใช้งานได้ทั้ง เว็บไซต์ และ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ(Android และ iOS )
ราคา:
Hive สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรี ได้เพียง 2 ผู้ใช้เท่านั้น ถ้าอยากได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มหรือฟีเจอร์ขั้นสูง ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเริ่มต้นที่ ราคา $12 ต่อผู้ใช้ /เดือน
ศึกษาราคาการใช้งาน Hive :https://hive.com/pricing/
Trello ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และปัจจุบัน Atlassian เป็นเจ้าของซึ่งเป็นเจ้าของ Jira ด้วย Trello เป็นเครื่องมือที่เน้นลักษณะแบบ Kanban (กระดานสรุป) เน้นการใช้งานง่ายเหมือนกระดาน ให้เห็นภาพรวมของงานง่ายขึ้น มีความตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน เหมาะกับผู้ใช้ทุกระดับ ทำให้เป็น tool ที่คนต่างนำมาใช้ เป็น tool แรกๆ จึงเรียกได้ว่าเป็น Project Management Tool ที่ใช้งานง่ายที่สุด
จุดเด่นของ Trello ได้แก่:
- Power-Ups เครื่องมือสุดล้ำใน Trello ที่ให้ผู้ใช้นำฟังก์ชั่นหรือแอปพลิเคชันต่างๆ มาทำงานร่วมกับ Board เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
- ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน สามารถเรียนรู้การใช้งานและเข้าใจเครื่องมือได้ในเวลาอันสั้น
- สามารถสร้าง Workflow ให้ทำงานอัตโนมัติได้
- สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นในบอร์ดเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
- ใช้งานได้ทั้ง เว็บไซต์ และ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ(Android และ iOS )
- ทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆได้มากกว่า 600 รายการ
ราคา:
Trello สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรี ถ้าอยากได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มหรือฟีเจอร์ขั้นสูง ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเริ่มต้นที่ ราคา $5 ต่อผู้ใช้ /เดือน
ศึกษาราคาการใช้งาน Trello :https://trello.com/en/pricing
ClickUp ก่อตั้งโดย Zeb Evans สร้างเครื่องมือนี้จากปัญหาที่เขาเจอจากการใช้เครื่องมือหลายตัวในการจัดการงาน ทำให้งานของเขาล่าช้าเพราะต้องสลับไปใช้เครื่องมือทำงานอยู่บ่อยๆ เขาจึงสร้าง ClickUp ครื่องมือที่ช่วยแก้ไขปัญหาธุรกิจได้ในที่เดียว ที่ช่วยให้คุณประหยัดเวลาทำงานได้ถึง 20% มีมุมมองที่สามารถปรับแต่งได้หลายแบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานบริหารจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีบริษัทใหญ่ๆ ใช้กันอยู่อย่าง Google, Airbnb, และ Netflix เป็นต้น
จุดเด่นของ ClickUp รวมถึง:
- ความสามารถในการตอบอีเมลในแอปฯ ได้โดยตรง
- จัดการโปรเจกต์ ได้ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยมุมมองที่ปรับแต่งได้สูง ซึ่งทำให้การวางแผนโครงการเป็นเรื่องง่าย
- Import งานของคุณจากเครื่องมืออื่นๆ โดยอัตโนมัติในทันที
- กำหนดสิทธิ์ให้แต่ละคนในการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละส่วนได้
- ทำงานร่วมทำอยู่ และไม่พลาดทุกการแจ้งเตือนที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว
- ความสามารถในการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นมากกว่า 1,000 รายการ
ราคา:
ClickUp สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรี มีผู้ใช้ได้ไม่จำกัด แต่จะจำกัดการใช้งานบาง Feature ไว้และจะคิดค่าบริการใช้งานต่อผู้ใช้ ClickUp มีราคาถูกกว่าเจ้าอื่นในท้องตลาด ถ้าอยากได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มหรือฟีเจอร์ขั้นสูง ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเริ่มต้นที่ ราคา $5 ต่อผู้ใช้ /เดือน
ศึกษาราคาการใช้งาน ClickUp :https://clickup.com/pricing
โฆษณา