6 ธ.ค. 2021 เวลา 04:00 • การศึกษา
“อาตมาอยากจะกล่าวเป็นสำนวนโวหารอีกอย่างหนึ่งว่า จิตว่าง นี้ หรือ ความว่าง นี้ เป็นดนตรีอันไพเราะอยู่ในตัวมันเอง ชีวิตจะมีสภาพเหมือนดนตรีอันไพเราะต่อเมื่อเรามีจิตว่าง ในขณะใดที่เรามีจิตว่างชีวิตเป็นดนตรีมันเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจ สักเท่าไร พอมีจิตวุ่น ชีวิตนี้ก็หมดความเป็นดนตรี คือมีแต่ความมืดมัว เศร้าหมอง เร่าร้อน ไม่สงบ สะอาด สว่าง เยือกเย็น ไม่มีความไพเราะ เหมือนกับดนตรี จิตที่เป็นประภัสสร ไม่มีกิเลสครอบงำ เป็นดนตรีอยู่ในตัวมันเอง คือให้ความชุ่มชื่นไพเราะอยู่ในตัวมันเอง เราเรียกว่าเป็นดนตรีทางวิญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก ไม่ใช่ดนตรี ดีด สี ตี เป่า อย่างที่เราเห็นๆ กันอยู่ แต่ความหมายนั้นอย่างเดียวกัน คือความไพเราะเหลือที่จะกล่าวได้ เพราะฉะนั้น ดนตรี ที่แท้ก็คือ ความไพเราะ ความสวยงาม ความเยือกเย็นอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งได้รับ ได้ยิน ได้ฟัง ได้สัมผัสในขณะที่มีจิตว่าง
ทีนี้ พอมานึกถึงดนตรีที่เราใช้กันอยู่ในเวลานี้ เราก็ควรจะอ่านออกแล้วว่า ดนตรีหรือบทเพลง หรือทำนองเพลงก็ตามมันมีอยู่สองชนิด คือเราให้จิตวุ่นวายก็มี ดนตรีหรือบทเพลงที่กล่อมจิตให้สงบเย็นลงไป ให้ว่างก็มี เพราะฉะนั้นดนตรีที่แท้จริง ที่ถูกต้องกับความต้องการตามธรรมชาตินั้น จะต้องเป็นดนตรีที่ทำให้จิตว่างลง ว่างลง สงบเย็นลง สงบเย็นลง แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ชอบ เราไปชอบดนตรีของภูตผีปีศาจ ที่กระตุ้น ให้จิตเต้นเร่า ๆ ๆ เหมือนภูตผีปีศาจนี้เรียกว่า ส่งเสริมให้จิตวุ่น และเมื่อเรานิยมกันอย่างนี้ทั่วๆ ไปแล้ว ก็แปลว่า เรานิยมความมีจิตวุ่น เป็นพื้นฐานของสังคม ไม่นิยมความว่าง ไม่นิยมความเป็นอยู่ด้วยจิตว่าง ฉะนั้นจึงเข้าใจกันยาก พูดกันเท่าไรก็ยากที่จะเข้าใจกันได้
นึกถึงดนตรีของปู่ย่าตายายในสมัยโบราณ ล้วนแต่มีทำนองเป็นไปในทางช่วยตะล่อมกล่อมเกลาให้จิตว่าง แต่ลูกหลานอุตริสร้างแต่ดนตรีชนิดที่จะทำให้จิตวุ่นเพราะไปนิยมคนต่างประเทศ ที่เขาไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ เตลิดเปิดเปิงไปในทางความวุ่นนั้น เอามาเป็นครูแม้แต่ละครเราก็ยังเคยได้ยินได้ฟังว่า เขาใช้ผู้ชายล้วน ๆ แสดงละคร เหมือนสมัยเชคสเปียร์ในประเทศอังกฤษ ละครใช้ผู้ชายล้วน อย่างนี้มันน่าเอ็นดู ทั้งตะล่อมให้เกิดความรู้สติปัญญา ไม่ทำให้ จิตวุ่น ส่งเสริมไปในทางจิตว่าง
ทีนี้กิเลสของคนสมัยหลัง แก้ไข เอาผู้หญิงเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย แสดงบทบาทยั่วมากขึ้นทุกที ละครจึงเป็นเครื่องมือส่งเสริมจิตวุ่นไป แม้ที่สุด แต่โนราเขาเล่นเป็นผู้ชายล้วน แม้ละครปราโมทัยสมัยหนึ่งเล่นแต่ผู้หญิงล้วน บทอย่างนี้มัน น่าเอ็นดู และมันส่งเสริมไปในทางว่าง ทีนี้เราไม่เอา เราเปลี่ยนแปลงห้มันตรงตามกิเลส ตัณหาไปทุกสิ่งทุกอย่าง นี่เรียกว่า เรา เอียง น้อม มาในทางที่จะมีจิตวุ่น มันก็ต้องได้วุ่นโดยเเน่นอน”
พุทธทาสภิกขุ
พระเดชพระคุณพระธรรมโกศาจารย์
(เงื่อม อินทปญฺโญ)
คัดมาจากตอนหนึ่งของการเเสดงธรรมในหัวข้อ ความว่าง-จิตว่าง
ณ หอประชุมคุรุสภา
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2508
โฆษณา