7 ธ.ค. 2021 เวลา 11:43 • ไอที & แก็ดเจ็ต
แนะนำ “Brave” เบราว์เซอร์ที่ผมเลือกใช้แทน Chrome (เบากว่า เร็วกว่า ส่วนตัวกว่า)
ช่วงที่ผ่านมาใช้ Chrome แล้วรู้สึกว่ามันกินแรมมาก Macbook เครื่องเก่าของผม Ram แค่ 8GB เลยทำให้เครื่องอืด พอเปิดมากกว่า 10 Tab ทีไร คอมค้างทุกที ผมก็เลยลองหา Alternative แล้วก็ได้มาพบกับตัวที่ชื่อ Brave
นี่ลองใช้มา 2 สัปดาห์แล้วชอบมาก เพราะ
1. Brave ทำทุกอย่างได้เหมือน Chrome
ผมเป็นคนที่ใช้ Extension ของ Chrome เยอะมาก เมื่อก่อนก็คิดว่าย้ายไปตัวอื่นไม่ได้แน่ๆ แต่ Brave มันทำตัวเองเป็นเหมือนหน้ากากครอบ Chrome (และตัดสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นออก) ทำให้ผมยังใช้ทุกอย่างที่ดีของ Chrome ได้เหมือนเดิมเด๊ะๆ
1
วิธีการคือพอดาวน์โหลด Brave เสร็จ มันจะถามว่าเราอยากจะ Import Setting ต่างๆ จาก Chrome มาเลยไหม
2. แต่เร็วกว่า
1
สาเหตุที่ Brave เร็วกว่าเพราะว่าพวกเขา Block Ads และตัด Tracking Script ที่แบรนด์ฝังเอาไว้เพื่อ Track ออก (ใครสายเว็บจะรู้ว่า พวกนี้แหละที่ทำให้เว็บช้า)
2
มันก็เลยทำให้ Brave กินแรมน้อยกว่า และโหลดเร็วกว่า (Brave โฆษณาว่า เมื่อเทียบกับ Chrome แ้ลว Browser ของเขากินแรมน้อยกว่า 33% โหลดเร็วกว่า 3 เท่า และ Save Battery มากกว่า 1 ชั่วโมง - ไม่ได้เทสต์ดูเลยไม่รู้จริงไหม แต่เท่าที่ใช้ความรู้สึก รู้สึกว่าเว็บต่างๆ โหลดเร็วกว่า)
2
* เรื่อง Tracking เราเลือกได้ว่าจะให้เว็บไหน Track เราบ้าง ผมก็มีเลือกไปบ้าง เพราะอยากให้บางเว็บ Personalize Experience ให้ผมดีๆ
3. และมอบความเป็นส่วนตัวให้เรา
อย่าที่บอกไปว่ามัน Block Ads และตัด Tracking Script ออกทั้งหมด นอกจากเรื่องทำให้ Browser โหลดเร็วแล้ว เรายังได้เรื่องความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกัน
ใน Chrome มี Incognito Mode ที่เราสามารถ Browse แบบไม่ระบุตัวตนได้ คือ Third-party Apps ก็ Track เราไม่ได้ แต่ตัว Chrome เองก็ยังรู้อยู่ดีว่าเราเข้าเว็บไหน เพราะฉะนั้นมันก็ยังไม่ Private ของจริง แต่ใน Brave มี Private Mode ที่เราสามารถ Browse ได้โดยที่แม้แต่ Brave เองก็ไม่รู้ว่าเราเข้าไปเว็บไหน
ว่าง่ายๆ คือ Brave กำลังมอง Browsing Experience ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะเข้าถึงและควบคุม Privacy & Environment ของตัวเองได้ง่ายๆ
แล้วเขาจะอยู่รอดไหม เขาจะหาเงินได้ยังไง
แน่นอนว่าของฟรีและดีมันแทบไม่มีอยู่จริง และต่อให้มันจะมีอยู่จริง ของแบบนั้นก็จะไม่ยั่งยืน (มีข้อยกเว้นว่าเป็น Non-profit หรือ SE ที่ได้รับการสนับสนุนจริงๆ อย่าง Khan Academy ซึ่งมีจำนวนน้อยมากๆ)
ตอนผมเลือกเครื่องมือมาใช้ผมก็เลยจะค่อนข้างระวังคำว่าฟรีเป็นพิเศษ
1
ซึ่งวิธีการที่ Brave หาเงินคือ
1. ขาย VPN Service เพื่อทำให้ Browsing Experience ดี & Private ขึ้น
2. Brave Ads โดยที่ Brave จะถามเราว่าอนุญาตให้เขาแสดง Brave Ads ไหม และอยากเห็นความถี่เท่าไหร่ ซึ่งถ้าเขาเลือกดู Ads ที่เขาให้มา เราจะได้ Reward กลับมาใน Brave Wallet รูปแบบของ BAT (Basic Attention Token) ซึ่งเป็นสกุลเงิน Crypto รูปแบบนึงที่เราจะเอาไปซื้อนู่นนี่นั่นต่อได้
2
สรุป
1
Browser ตัวนี้ใช้แล้วดี เลยอยากเอามาบอกต่อ
1
ลองไปดาวน์โหลด Brave มาใช้ดู แล้วมาคุยกันได้นะครับว่าชอบไม่ชอบยังไงบ้าง?
บทความนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกที่ https://sitthinunt.com/productivity/brave-browser
1
ผมทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ Business, Productivity, Self-development & Tech เป็นประจำ
 
ไม่พลาดคอนเทนต์ดีๆ ที่จะทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพียงเลือกติดตามผ่านทางช่องทางด้านล่าง :)
SOCIAL
💬. LINE: https://lin.ee/ac2WqRU หรือแอด LINE ID: @sitthinunt
 
หรือเข้าไปอ่านบทความที่ผมเคยเขียนไว้ในเว็บไซต์อื่นของผมได้ที่ https://magnetolabs.com/blog/ และ https://contentshifu.com/author/bank/
โฆษณา