4 ธ.ค. 2021 เวลา 16:38 • หนังสือ
9.5/10
"หนึ่งในที่สุดนิยายวิทยาศาสตร์ ล้ำจินตนาการ"
Dune
Frank Herbert
จากหนังที่ผู้กำกับที่น่าจับตามองอย่าง Denis Villeneuve ที่กระแสตอบรับยอดเยี่ยม เสียดายตอนนี้ผมยังไม่ได้ดู (HBO Go 9 ธค นี้เจอกัน อิอิ) ดีใจเหลือเกินที่มีการแปละและตีพิมพ์ใหม่โดย Biblio จะรอช้าอยู่ใย จัดไปสิครับ
ตัวหนังสือใช้คำว่า คลาสสิกเห็นจะไม่ผิดเพราะพิมพ์ครั้งแรกก็ปาไปนู่นเลยปี 65 ซึ่งทั้งจินตนาการ บริบท เรื่องราวที่ถ่ายทอดโดย Frank Herbert นั้นนับเป็นมหากาพย์ ยิ่งใหญ่ดั่งจักรวาลของ Tolkien อย่าง The Lord of The Ring ก็ไม่ปาน
ว่าด้วยโลกสมมติในอนาคตอันไกล เมื่อเทคโนโลยีเป็นสิ่งต้องห้าม จักรกลเป็นภัยร้ายจนสูญพันธ์จากมวลมนุษย์ การปกครองแบบ Feudalism การพัฒนาสายพันธุ์ทางชีวภาพ ความเชือ ศาสนา การเมือง มีบทบาทใหญ่ขับเคลื่อนจักรวาล ผูกเป็นปูมหลังเล่าผ่านพอลเด็กหนุ่มทายาทหนึ่งเดียวตระกูลอะเทรดีส ผู้เกิดมาพร้อมสายเลือดและชะตากรรมสุดหยั่งถึง (อ่านจบนี่รู้เลยว่าทำไม 555) ต้องเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างตระกูล เมื่อครอบครัวถูกมอบหมายโดยจักรพรรดิพาดีชาให้ย้ายไปปกครองดาวอาราคิส ดาวทะเลทรายแร้นแค้นหนึ่งเดียวที่กุมทรัพยากรล้ำค่าของมนุษยชาติอย่างสไปซ์ (นึกภาพอารมณ์ยาเสริมความสามารถการรับรู้คล้ายๆในหนังอย่าง Limitless หรือ Lucy) ทว่าหารู้ไม่ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของแผนร้ายที่ยากจะจินตนาการ พอล ครอบครัว คนที่เขารัก หรือจะพูดได้ว่าดวงดาวอาราคิสจะผ่านมันไปได้หรือไม่นั้น ติดตามมมม !!!
ผมคันมือมากเหลือเกิน เพราะเนื้อหาของหนังสือนั้นอัดแน่น ปูมหลัง ระบบนิเวศ หรือเรียกว่าจักรวาลที่ผู้เขียนคิดออกมานั้นละเอียด ลึกซึ้งเสียจน ชวนเชื่ออย่างที่สุด การันตีผ่านรางวัลสูงสุดของวงการอย่าง Nebula Award ปี 65 และ Hugo Award ปี 66 ซึ่งนั่นไม่ทำให้ผมแปลกใจแม้แต่น้อย
มีหลายส่วนที่ผมทึ่งว่าผู้เขียนคิดออกมาได้อย่างไร อย่างแมนแทตมนุษย์ที่มีความคิดเป็นตรรกะดั่งหุ่นยนต์ เบเนเจเซริด แม่มดแห่งจักรวาลมาพร้อมความสามารถอ่าน ควบคุมจิตใจ บางทีสามารถบังคับการกระทำ หรือเรื่องของสนามพลังที่สร้างวิถีการต่อสู้ให้จักรวาล ระบบความเชื่อ ศาสนา มนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ และแน่นอนเรื่องระบบนิเวศบนดาวอาราคิส ความสัมพันธ์ระหว่าง หนอนยักษ์ สไปซ์ และชาวเฟรแมน (พูดมากเดี๋ยวจะสปอย ;D) ได้อย่างกลมกล่อมน่าสนใจ
ตลอดเล่ม (เกือบ 1,000 หน้า) หลายตัวละครดีไซน์ออกมาได้น่าสนใจมีมิติ ไม่มีใครถูกสร้างอย่างเปล่าประโยชน์ หลายคนอาจจะชอบพอล ผู้เกิดมาพร้อมความสามารถและชะตาที่ถูกกำหนด แต่สำหรับผมมีสองตัวที่ชอบมากๆคือ เกอร์นีย์ ฮัลเลก หนึ่งในทหารเอกตระกูลอะเทรดีสผู้เก่งทั้งศาสตร์ และ ศิลป์ (สู้เก่ง ดนตรีเลิศ) ที่พรรคดี เถรตรง ทั้งการกระทำและความรู้สึก กับ อาเลีย (พูดมากไม่ได้อีกเดี๋ยวสปอย 555) ที่ชวนผมนึกถึงตัวละครในหนังอย่าง Lyanna Mormont (เด็กแสบสุดเก๋าเจ้าตระกูลใน Game of Throne แสดงโดย Bella Ramsey) หรือ จิ๋วจี๊ด ใน Kickass
อีกมากเหลือเกินที่สามารถหยิบประเด็นและเอามาพูด แตกไอเดียได้อีกยาวเป็นหางว่าว โดยรวมผมประทับใจมาก แม้บางช่วงตอนจะอืดนิดนึง (เลยขอตัดคะแนนหน่อย) แต่ก็อยากแนะนำทุกคนเป็นอย่างมากทั้งแฟนนิยายวิทยาศาสตร์ หรือคนทั่วไป แม้จะใช้เวลาสักนิดในการเข้าไปในจักรวาลนี้ ชนิดที่ว่าแรกๆนี่ต้องเปิดกลับไปกลับมาระหว่างอ่านกับสารานุกรมท้ายเล่มบ่อยครั้ง (ศัพท์เฉพาะเยอะมว๊ากก) ทว่าเมื่อเครื่องติดแล้วรับรองวางไม่ลง ผมเชื่อว่าแต่ละคนที่ได้อ่านจะได้แง่มุมที่แตกต่างหลากหลาย ลึกตื้นไม่เท่ากันแน่นอน แต่ถามความเห็นส่วนตัวผมคิดว่านิยายชี้ให้เห็นว่าอำนาจ ผลประโยชน์ ไม่ว่ายุคไหน ก็ไม่สามารถสลัดให้หลุด ที่นำพาเหตุการณ์ดีร้ายแล้วแต่จริยธรรมที่ยึดถือ แต่นั่นก็ไม่ควรทำให้เราท้อใจ การไม่ยอมแพ้ ความเชื่อ ความหวัง ที่สอดประสานกับการกระทำจะนำพาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่ว่าช้าหรือเร็วจะมาถึง
ชวนอ่านต่อกันน้าาา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา