เริ่มต้นวางแผนการเงิน ก่อนลงทุน ด้วยพีระมิดการเงิน
ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาเรื่องการลงทุน หลายคนคงมีคำถามในหัวมากมาย ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอย่างไร มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ อันนั้นก็ดูดี อันนี้ก็ดูน่าสนใจ
เรื่องการเงินและการลงทุนจึงดูเป็นเรื่องยากและลี้ลับสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานทางการเงินมาก่อนเลย
แต่จริง ๆ แล้ว ในโลกของการวางแผนการเงินมีเครื่องมือที่จะช่วยให้เราไม่หลงทาง เปรียบเหมือนนักเดินทางที่มีดาวเหนือคอยชี้นำ ☄
สิ่งนั้นเค้าเรียกกันว่า “พีระมิดทางการเงิน” (Financial Pyramid)
ขึ้นชื่อว่าพีระมิด แสดงว่าต้องมีฐานและยอดเป็นของคู่กัน การที่เราจะไปถึงจุดยอดของพีระมิดได้ ก็ต้องเริ่มปีนจากฐานขึ้นไป พีระมิดทางการเงินก็เช่นกัน
พีระมิดทางการเงิน มีทั้งหมด 3 ชั้น (เรียงจากล่างขึ้นบน) ได้แก่
1⃣ ความจำเป็นพื้นฐาน
2⃣ การเก็บสะสม
3⃣ การลงทุน
ชั้นที่หนึ่ง: “ความจำเป็นพื้นฐาน”
ในชีวิตคนเรามีสิ่งจำเป็นพื้นฐานหลายอย่าง ซึ่งมักจะตามมาด้วยค่าใช้จ่าย ดังนั้นเงินก้อนแรกที่เราควรวางแผนคือ “เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน”
เงินในส่วนนี้เรามีไว้เผื่อเกิดโชคชะตาเล่นตลก อยู่ดี ๆ เราอาจจะตกงานเพราะบริษัทได้รับผลกระทบจากพิษโควิด แต่รายจ่ายในชีวิตของเราก็ยังต้องดำเนินต่อไป 😩
แล้วแบบนี้เราควรเตรียมเงินสำรองเผื่อไว้กี่เดือนดีล่ะ ? คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับอาชีพของเราว่าเป็นที่ต้องการของตลาดในช่วงนั้นแค่ไหน
ถ้าเราดูแล้วว่าการหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก เราอาจจะเผื่อเงินสำรองไว้แค่ 3 เดือนก็ได้
แต่ในบางอาชีพที่มีความไม่แน่นอนสูง บางช่วงอาจจะไม่มีงานเข้ามาเลยก็ได้ แบบนี้เราอาจจะต้องเผื่อเงินสำรองไว้มากกว่า 6 เดือน
นอกจากค่าใช้จ่ายประจำแล้ว บางครั้งเราอาจจะโชคร้าย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด พาเราไปพบกับอุบัติเหตุ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็ไม่อยากเจอหรอก แต่มันเลือกไม่ได้ บทจะเจอก็ต้องเจอ
ดังนั้นเราจึงควรมีเงินอีกก้อนไว้สำหรับทำประกันตามความจำเป็น
ที่ต้องเน้นคำว่า “จำเป็น” เพราะว่าความจำเป็นของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวไม่มีประวัติเป็นโรคร้ายแรง แต่บางคนก็อาจจะมีโอกาสเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ เงินในส่วนนี้จึงไม่มีคำตอบตายตัวแต่ก็ไม่ควรที่จะมีมากจนเกินพอดี
ชั้นที่สอง: “การเก็บสะสม”
ในชั้นนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ “ความจำเป็น” และ “ความต้องการ” สองคำนี้มองผ่าน ๆ อาจมีความหมายคล้ายกัน แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปจะเข้าใจว่า ความจำเป็น คือสิ่งที่เราต้องมี ไม่มีไม่ได้ ส่วนความต้องการนั้น เราจะมีหรือไม่มีก็ได้
แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งจำเป็นและเราต้องวางแผนเก็บเงินสะสม ตัวอย่างเช่น การวางแผนการศึกษาของลูก และแผนเกษียณอายุ
ส่วนตัวอย่างของความต้องการ เช่น บ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ และการไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นต้น
เราจะเห็นได้ว่าเป้าหมายพวกนี้ ต้องใช้เงินและใช้เวลาในการเก็บสะสมเงินค่อนข้างมาก ถ้าเราไม่วางแผนตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อถึงเวลาสิ่งที่ไม่เร่งรีบในตอนนี้ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งเร่งรีบขึ้นมาได้เหมือนกัน
ชั้นที่สาม: “การลงทุน”
เงินที่จะนำมาใช้ในส่วนนี้ควรจะเป็นส่วนที่หากเกิดอะไรผิดพลาด จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรามากนัก เป็นส่วนที่เราสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ในระดับหนึ่ง
แต่ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน ตัวอย่างเช่น การเปิดธุรกิจ การลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
สิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง คือคนส่วนใหญ่มักเริ่มวางแผนการเงินจากจุดยอดของพีระมิด เรามักให้ความสำคัญและทุ่มเงินเข้าไปในส่วนของการลงทุนเป็นอันดับแรก โดยไม่ค่อยให้ความสนใจกับฐานของพีระมิดเท่าไหร่นัก
ถ้าธุรกิจหรือการลงทุนของเรายังไปได้ดี ตามที่ตั้งใจไว้ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าโชคไม่ดี ธุรกิจเกิดสะดุด หรือมีสิ่งไม่คาดคิดเข้ามาทำให้ธุรกิจต้องชะงัก สุขภาพทางการเงินของเราจะเผชิญกับปัญหาทันที 😰 เพราะเราไม่ได้วางแผนในส่วนเงินสำรองฉุกเฉิน ยังไม่ต้องพูดถึงค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมลูก และค่าใช้จ่ายในบ้าน
📌 ดังนั้น จำให้แม่น !! การวางแผนการเงินที่ดี ต้องเริ่มปีนจากฐานพีระมิดไปสู่ยอดบนสุด เปรียบเหมือนกับการขึ้นเขาไปจุดชมวิว เราจะขึ้นไปสู่ยอดดอยได้ เราก็ต้องเริ่มเดินจากข้างล่างขึ้นไป
ไม่มีใครเริ่มจากยอดดอยเลยทันที (ยกเว้นว่าจะมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว พาขึ้นไป อันนี้ไม่เถียง)
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
พวกเรากลุ่มคนที่รักเรื่องราวของการเงินการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจ จึงก่อตั้งเพจ Dime! (ไดม์!) ขึ้น
Dime! แปลว่าเหรียญ 10 เซ็นต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
หากทุกคนมีความรู้ทางการเงินที่แข็งแรง
สังคมของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
