5 ธ.ค. 2021 เวลา 11:58 • ข่าวรอบโลก
เหตุการณ์ใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ ณ เวลานี้ ไม่มีเรื่องไหนจะเกินไปกว่า คดีการเสียชีวิตของ อาร์เธอร์ ลาบินโจ-ฮิวจ์ส เด็กน้อยวัย 6 ขวบ ชาวเมืองเบอร์มิงแฮม
นี่เป็นเรื่องราวที่สร้างความสะเทือนใจให้คนทั้งอังกฤษ จนทำให้สโมสรฟุตบอลทั่วประเทศ ต่างตกลงกันว่า ในนาทีที่ 6 ของการแข่งฟุตบอลลีกสัปดาห์นี้ แฟนบอลทั้งสนามจะ "ปรบมือ" เพื่อเป็นการส่งวิญญาณของเจ้าหนูอาร์เธอร์ให้ไปสู่สุคติ
1
[ warning : จากบรรทัดนี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แต่อ่านจบแล้วอาจรู้สึกหดหู่ใจ ดังนั้นอยากให้พิจารณาก่อน ว่าใจพร้อมหรือไม่ที่จะอ่านนะครับ ]
2
เรื่องทั้งหมด ต้องย้อนกลับไปในปี 2014 โทมัส ฮิวจ์ส วัย 22 ปี มีลูกกับโอลิเวีย ลาบินโจ-ฮัลโครว์ ที่อายุ 22 ปีเช่นกัน
เด็กน้อยที่เกิดมามีชื่อว่า "อาร์เธอร์" เขามีสุขภาพแข็งแรงดี
2
ด้วยความที่อายุยังน้อยและมีลูกเร็วเกินไป ทำให้โทมัสกับโอลิเวีย มีปัญหาทะเลาะกันตลอดเวลา ก่อนจะเลิกรากันไป ต่างคนต่างไปคบหาคนอื่น โทมัสมีแฟนใหม่ชื่อเอ็มม่า ทัสติน ที่มีลูกติด 2 คน ส่วนโอลิเวียมีแฟนใหม่ชื่อแกรี่ คันนิ่งแฮม
2
พอโทมัสกับโอลิเวียแยกทางกัน คนที่รับหน้าที่ดูแลอาร์เธอร์ คือแม่กับพ่อเลี้ยง
4
อธิบายให้เข้าใจง่าย ตัวละครในเรื่องนี้ มี 5 คน ประกอบด้วย
3
- โทมัส (พ่อ)
- โอลิเวีย (แม่)
- เอ็มม่า (แม่เลี้ยง)
- แกรี่ (พ่อเลี้ยง)
- อาร์เธอร์ (ลูกชาย)
4
ความสัมพันธ์ของ โทมัสกับโอลิเวียมีความซับซ้อน คือแม้จะเลิกกันไปแล้ว แต่ก็แอบกลับมามีเซ็กส์กันเรื่อยๆ จึงสร้างความหึงหวงให้กับแฟนใหม่ของทั้งคู่เป็นอย่างมาก
4
คุณแม่โอลิเวีย กับพ่อเลี้ยงแกรี่ ติดเหล้ากันอย่างหนักทั้งคู่ บางครั้งก็เล่นยาเสพติดด้วย พอมึนเมาก็ทะเลาะกันเอง ตบตีกันในบ้านทั้งๆที่ลูกก็อยู่ สุดท้ายความรุนแรงก็ยกระดับขึ้น เดือนพฤศจิกายน 2018 โอลิเวียใช้มีดแทงแขนแกรี่จนต้องเข้าโรงพยาบาล
8
จากนั้นกุมภาพันธ์ 2019 ทั้งคู่ทะเลาะตบตีกันอีกครั้ง สุดท้ายโอลิเวียคว้ามีดจ้วงแทงเข้าไปในร่างแกรี่ แผลลึก 11 เซนติเมตร จนแกรี่เสียชีวิตที่อพาร์ทเมนต์
5
โอลิเวีย โดนจำคุก 11 ปี ข้อหาฆาตกรรม นั่นทำให้ลูกชายอาร์เธอร์ ต้องมาอยู่ในความดูแลของ คุณพ่อโทมัส
2
พฤศจิกายน 2019 ณ เวลานั้น อาร์เธอร์อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล คุณครูที่โรงเรียนติดต่อหาคุณพ่อ แล้วรายงานว่า สภาพจิตใจของอาร์เธอร์ ดูจะหมองหม่นกว่าเด็กอายุ 5 ขวบทั่วไปมากๆ เขาสนใจแต่เรื่องความตาย ฆาตกรรม และปืน คุณครูเข้าใจว่า เป็นอิทธิพลจากความรุนแรงที่เห็นจากแม่และพ่อเลี้ยง
2
มีนาคม 2020 คุณพ่อพาอาร์เธอร์ ไปที่ศูนย์บำบัดสภาพจิตใจเด็ก โดยจิตแพทย์เด็ก เคอร์รี่ ฟอร์สิท-เบนสัน รายงานว่า อาร์เธอร์รู้สึกหวาดผวา เขากลัวว่าคุณพ่อจะหายไปจากชีวิต เพราะตอนนี้แม่ก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าพ่อหายไปอีกคน เขาก็จะไม่เหลือใครเลย
3
ในช่วงนี้ แม้อาร์เธอร์จะดูมีปัญหาที่สภาพจิตใจ แต่ทุกอย่างก็ยังโอเค เขายังไปโรงเรียนได้ ยังพอมีความสุขตามประสาเด็กๆ เขาชอบฟุตบอล และเป็นแฟนบอลสโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในภาพรวมๆ จิตแพทย์รายงานว่า เด็กมีความก้าวร้าวลดลงกว่าช่วงแรก
6
ปัญหาของเรื่องนี้ เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2020 เมื่อรัฐบาลอังกฤษประกาศล็อกดาวน์จากวิกฤติไวรัส ทำให้คุณพ่อโทมัส จากตอนแรกที่อยู่คนละบ้านกับแฟนสาวเอ็มม่า แต่พอล็อกดาวน์แบบนี้ เขาเลยพาลูกชาย มาอยู่อาศัยที่บ้านของเอ็มม่าในเมืองโซลิฮัลล์ไปเลย คือถ้าไม่มาอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ก็จะไม่สามารถเจอกันได้
2
ที่บ้านของเอ็มม่าในช่วงล็อกดาวน์ จึงมีคนอยู่ด้วยกัน 5 คน ประกอบด้วย เอ็มม่า, ลูกติดเอ็มม่า 2 คน, โทมัส และ อาร์เธอร์
4
เอ็มม่ามีความหึงหวงโทมัส จนวิตกจริต เธอมีความกังวลตลอดเวลาว่าฝ่ายชายจะกลับไปหาเมียเก่า ดังนั้นการมีอยู่ของอาร์เธอร์ ก็เปรียบเสมือนเครื่องย้ำเตือนให้เธอรู้สึกว่าเป็นรองเมียเก่าตลอดเวลา เพราะอีกฝ่ายเขามีลูกด้วยกันเลยนะ
4
นั่นทำให้เธอใช้ความรุนแรงกับอาร์เธอร์ ทั้งทางใจและทางกาย เธอซ้อมอาร์เธอร์จนมีรอยฟกช้ำเต็มตัว แต่ ณ เวลานั้น คนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยโจแอน ฮิวจ์ส คุณย่าของเด็กบอกว่าเห็นรอยช้ำ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดจากการโดนแม่เลี้ยงทำร้าย เพราะเด็กเพิ่งจะอายุ 5 ขวบ วัยกำลังน่ารัก ต่อให้คนใจร้ายอย่างไร ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะลงมือกับเด็กได้
8
การทารุณกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอ็มม่า ชอบสั่งให้อาร์เธอร์ ยืนอยู่ที่ทางเดินคนเดียว เป็นเวลา 14-15 ชั่วโมง ห้ามไปไหน ห้ามพูดอะไร นอกจากนั้นยังยึดเตียงนอน ให้อาร์เธอร์นอนกับพื้น และยังวางยาด้วยการเอาอะไรแปลกๆ มาผสมกับอาหารหลายๆ มื้อ
9
ปัญหาคือในช่วงล็อกดาวน์ เด็กๆ จะไม่ได้ไปโรงเรียน เป็นการเปิดช่องให้การทารุณเกิดขึ้นบ่อยขึ้น และง่ายขึ้น คือถ้าไปโรงเรียน คุณครูเห็นแผล ก็คงเอะใจ อาจไปแจ้งตำรวจ แต่พอล็อกดาวน์แบบนี้ เด็กจึงโดนตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
3
คนเดียวที่อาร์เธอร์พอจะคุยด้วยได้ คือคุณลุงชื่อเบลค ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณพ่อ ที่นานๆจะแวะมาเยี่ยมหลานที ครั้งหนึ่งอาร์เธอร์ เล่าให้คุณลุงเบลคฟังว่า แม่เลี้ยง เรียกเขาว่า "Horrible ugly brat" (ไอ้เด็กเปรตน่าขยะแขยง) และตัวอาร์เธอร์ ร้องไห้ตัดพ้อว่า "ไม่มีใครรักเขาเลยสักคน"
6
เบลคเอาเรื่องนี้ไปแจ้ง Social Services ที่เป็นหน่วยงานรัฐ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบว่าเด็กโดนทารุณกรรมใดๆ หรือไม่ พอไปตรวจ ก็เจอรอยฟกช้ำที่ร่างกายของอาร์เธอร์ แต่เอ็มม่าบอกว่า อาร์เธอร์เล่นชกต่อยกับลูกติดของเธอ เป็นการเล่นกันประสาเด็ก สุดท้าย Social Services ก็เชื่อ และกลับไปโดยไม่เอาตัวอาร์เธอร์ออกมาจากบ้านหลังนั้น
1
เมื่อหน่วยงานรัฐ พลาดโอกาสในการช่วยอาร์เธอร์ ทำให้ดีกรีการทารุณกรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เด็ก 6 ขวบ ต้องเจ็บตัวคนเดียวอยู่ในบ้าน แม้แต่พ่อแท้ๆแทนที่จะปกป้อง กลับปล่อยเลยตามเลย ตามใจแม่เลี้ยง
5
8 มิถุนายน 2020 อังกฤษปลดล็อกดาวน์รอบแรก โรงเรียนกลับมาเปิดสอนอีกครั้ง แต่อาร์เธอร์ไม่กลับไปเรียน ในวันแรกคุณพ่อโทมัสโทรไปแจ้งโรงเรียนว่า อาร์เธอร์นอนฝันร้ายและขอกลับไปเรียนวันรุ่งขึ้น
7
แต่พอเข้าเช้าวันใหม่ โทมัสก็แจ้งโรงเรียนอีก ว่าอาร์เธอร์น้ำหนักลดเพราะไม่ยอมกินข้าว เขากลัวว่าลูกจะเป็นลม จึงไม่ยอมให้ไปโรงเรียนอีก และอาร์เธอร์ ก็ไม่ได้กลับไปเรียนอีกเลย
3
วันที่ 12 มิถุนายน 2020 เอ็มม่าบังคับให้อาร์เธอร์ยืนนิ่งที่ทางเดิน นาน 14 ชั่วโมง 19 นาที โดยไม่ให้กินอะไรเลย จากนั้นเมื่ออาร์เธอร์ร้องครวญคราง เธอตะโกนด่าว่า หนวกหูเธอจะดูละคร
5
จากวันนั้นวันที่ 13 มิถุนายน 2020 เธอสั่งให้อาร์เธอร์ยืนที่เดิม 11 ชั่วโมง 49 นาที ส่วนเธอกับลูกติดออกไปแมคโดนัลด์เพื่อกินอาหารและไอศครีม
พอเธอกลับมา อาร์เธอร์ยังต้องยืนต่อไปจนกว่าเธอจะพอใจ สุดท้ายเขายืนไม่ไหวแล้ว จะเดินกลับเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น อาร์เธอร์กลับโดนโทมัสตบหน้าจนล้มกลิ้งที่ขัดคำสั่งแม่เลี้ยง จากนั้นเอ็มม่าก็เดินเหยียบหลังเขาที่ล้มไปอย่างหน้าตาเฉย
6
ในขณะที่ลูกติดของเอ็มม่าได้รับการเอาใจทุกอย่าง อาร์เธอร์กลับโดนทำร้าย แม้แต่อาบน้ำ ก็ไม่สามารถทำได้ เขาต้องใส่เสื้อผ้าชุดเดิม 5 วันติดต่อกัน
3
จากนั้นเข้าสู่ วันที่ 16 มิถุนายน 2020 นี่เป็นวันสุดท้ายของชีวิตอาร์เธอร์ โดยในวันนี้ เป็นวันเกิดของเอ็มม่า เธอจึงจ้างช่างเสริมสวยชื่อแคเธอรีน มิลเฮนส์ มาทำผมให้ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวไปปาร์ตี้
1
ช่างทำผม เห็นภาพที่น่าประหลาด เมื่อเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ทางเดินบ้าน ห้ามไปไหน ห้ามกินอะไร ห้ามพูดอะไร แต่เขาก็ไม่กล้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่น สุดท้ายก็เลยกลับบ้านไป พร้อมกับความคาใจ
5
จากนั้นเวลา 14.00 น. โทมัสออกไปซื้อเค้กวันเกิดให้เอ็มม่า ทำให้เอ็มม่าอยู่กับอาร์เธอร์ลำพังสองคน อาร์เธอร์ที่ยืนบริเวณทางเดินติดกันมาหลายชั่วโมงโดยไม่ได้กินอะไร ร้องไห้ครวญครางด้วยความทรมาน นั่นทำให้เอ็มม่ายิ่งโมโห จับหัวอาร์เธอร์ กระแทกพื้นอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก
7
อาร์เธอร์หมดสติไป แทนที่เธอจะโทรเรียกรถพยาบาลทันที เธอกลับรอถึง 13 นาที กว่าจะโทร 999 หลายคนเชื่อว่าเธอใช้เวลาคิดว่าจะแต่งเรื่องโกหกอย่างไรดี
1
และเมื่อรถพยาบาลมาถึงพร้อมตำรวจ เอ็มม่าอ้างว่า "อาร์เธอร์เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ เอาหัวกระแทกพื้นซ้ำๆ พอฉันจะไปห้ามก็ทั้งเอาหัวมาโขก และไล่เตะฉัน"
6
ซึ่งความเป็นจริง เด็กที่ไหนจะไปเอาหัวตัวเองกระแทกพื้นซ้ำๆ จนหมดสติแบบนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือเอ็มม่าจับหัวอาร์เธอร์กระแทกพื้นต่างหาก
2
อาร์เธอร์ ไปโรงพยาบาลด้วยลมหายใจรวยริน สุดท้ายเขาเสียชีวิตในเวลา 01.00 น. แพทย์ระบุว่า อาร์เธอร์สมองตาย และไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว
2
สภาพศพของอาร์เธอร์ มีร่องรอยการโดนทารุณกรรมทั้งหมด 93 แผล ทั่วทุกบริเวณของร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินกว่าเด็ก 6 ขวบคนหนึ่งจะรับได้
7
ตำรวจจับกุมเอ็มม่า และ โทมัส ทันทีในฐานะผู้ต้องสงสัย และก็ค้นพบความจริงว่าทั้งคู่ร่วมมือในการทารุณกรรมอาร์เธอร์ติดต่อกันหลายเดือน ในโทรศัพท์มือถือของเอ็มม่ามีคลิป และรูปภาพจำนวน 22 รูป ที่เธอทำร้ายร่างกายอาร์เธอร์
4
นอกจากนั้นในข้อความที่เธอแชทคุยกับโทมัส ยังเรียกอาร์เธอร์ว่าเป็น "ซาตาน" และ "ฮิตเลอร์" นับครั้งไม่ถ้วน และมีข้อความหนึ่งพิมพ์ว่า" ลากมันออกไป โยนมันไปไว้ในกองขยะเลยได้ไหม"
4
การสืบสวนคดีเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 คือเอ็มม่าและโทมัส ผิดแน่ๆ แต่ต่างคนก็โทษกันว่าใครใช้ความรุนแรงกับเด็กมากกว่า
5
สุดท้ายการไต่สวนสิ้นสุดลง วันที่ 2 ธันวาคม 2021 ผู้พิพากษามาร์ก วอลล์ กล่าวสรุปปิดคดีว่า "เอ็มม่า ทัสติน คุณมีลูกติด 2 คนใช่ไหม ลองคิดดูว่าถ้ามีคนมาทารุณลูกคุณแบบนั้นจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่คุณทำกับอาร์เธอร์ที่ร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้"
10
"ส่วนคุณฮิวจ์ส อาร์เธอร์เป็นลูกของคุณ แทนที่คุณจะมอบความรักและดูแลเขาอย่างที่พ่อควรกระทำ คุณกลับสนับสนุนการกระทำของคุณทัสติน แล้วในวันที่อาร์เธอร์เสียชีวิต คุณปล่อยให้เธออยู่กับลูกของคุณสองคน การฆาตกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น เพราะคุณที่เป็นพ่อไม่ให้ความรักกับลูกของคุณอย่างมากพอ"
1
บทสรุปของคดีนี้ ผู้พิพากษา สั่งจำคุกเอ็มม่า 29 ปี และ สั่งจำคุกโทมัส 21 ปี และเป็นการสิ้นสุดเรื่องราวโศกนาฏกรรมของเจ้าหนูอาร์เธอร์
1
เรื่องที่น่าเศร้าคือ ตลอดชีวิต 6 ขวบ ของอาร์เธอร์ เขาเกิดมาและตายไป โดยไม่ได้รับความรักจากใครเลย
5
แม่แท้ๆ ติดเหล้า ตามด้วยฆ่าพ่อเลี้ยงติดคุก ส่วนพ่อแท้ๆ ก็ปล่อยให้แม่เลี้ยงทำร้ายเขาโดยไม่ห้ามปราม
ชีวิตสั้นๆ ของอาร์เธอร์ ดับสิ้นลงไปอย่างเดียวดายมากจริงๆ
นี่เป็นข่าวสะเทือนขวัญที่ประเทศอังกฤษ เพราะพ่อแท้ๆ ของเด็ก ที่ควรจะปกป้องลูก กลับมีส่วนกับการทำร้าย จนนำมาสู่การฆาตกรรม คุณเห็นเมียใหม่ดีกว่าลูกในไส้ได้ยังไง
6
นอกจากนั้นประชาชนยังตั้งคำถามถึงหน่วยงานรัฐ Social Services ว่า คุณมีโอกาสเห็นแผลจากร่างกายของเด็กแล้วแท้ๆ แต่ทำไมดูไม่ออกหรือ ว่าเด็กกำลังโดนทารุณอยู่
1
คดีจบลง แต่ความเศร้าเสียใจของชาวเมืองมิดแลนด์ยังคงอยู่ นี่คือเหตุผลที่ทุกๆ สนามในเมืองเบอร์มิงแฮม และเขตมิดแลนด์ทั้งหมด รวมถึงอีกหลายเมืองในประเทศอังกฤษ จะมีการปรบมือพร้อมกันทั้งสนาม ในนาทีที่ 6 ของเกมลีกสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นการส่งวิญญาณของอาร์เธอร์ วัย 6 ขวบ
5
น่าเสียดายที่อาร์เธอร์ไม่รู้ว่า มีคนอีกมากมายที่พร้อมมอบความรักให้กับเขา และจริงๆ ชีวิตไม่ได้โหดร้ายและเดียวดายหรอก เพียงแต่โชคร้ายที่อาร์เธอร์จากไปโดยไม่มีโอกาสได้เห็นมุมที่สวยงามของโลกใบนี้
4
ขอให้อาร์เธอร์ไปสู่สุคติ และหากชาติหน้ามีจริง ขอให้ได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ได้พบเจอกับคุณพ่อคุณแม่ที่อ่อนโยน และได้กลายเป็นคนที่ถูกรักจริงๆ เสียที
8
#INMEMORYOFARTHUR
2
Note : สุดท้ายนี้ ถ้าหากที่ประเทศไทย ใครพบเห็นเหตุการณ์ทารุณกรรมเด็ก สามารถโทรแจ้งได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ บางทีโทรศัพท์เพียง 1 สาย อาจเป็นส่วนช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้เกิดขึ้นได้นะครับ
4
โฆษณา