5 ธ.ค. 2021 เวลา 13:05 • ไลฟ์สไตล์
บางเสร่…เสน่ห์ที่ไม่เคยเสื่อมคลาย
เผลอแป๊ปเดียว!นี่ก็ใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว
เมื่อสองสามวันก่อนสายลมหนาวก็เริ่มพัดมา
พวกเราเลยเห็นพ้องต้องกันครับว่า
คงต้องหาเวลาฉลองให้ตัวเองกันหน่อยแล้ว
■ ใช้เวลาอย่างช้าๆ
เป็นรางวัลให้ตัวเองกันเถอะ
บางครั้ง...
เราต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้างนะครับ
หลังจากที่ทำงานเหนื่อยกันมาทั้งปี
การเดินทางครั้งนี้ของ ถาม•ทาง•ทัวร์
จึงขอพาเพื่อนๆออกตามหาน้ำใจนอกเมือง
ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพกันบ้างนะครับ
เชื่อเถอะครับว่าคนไทยน่ารัก นิสัยดี
มีน้ำใจที่พร้อมแบ่งปันให้เรานั้นมีอยู่
ในทุกที่แน่นอนครับ เราจะไปพิสูจน์กัน...
"อากาศดีๆกับสายลมเย็นๆในหน้าหนาว
ถ้าได้จิบกาแฟร้อนๆกลิ่นหอมกรุ่นที่ริมทะเล
พร้อมกับหลับตาฟังสายลมเสียงคลื่น
ที่ทะยอยระลอกกระทบหาดทรายเบาๆ
คล้ายเสียงให้เราสู้ ๆๆไปตลอด!!!
คงจะมีความสุขกันอยู่ไม่ใช่น้อยนะ" 555!!
นั่นคือสิ่งที่เราพูดกันเล่นๆ
จนเกิดเป็นทริปท่องเที่ยวชุมชน“บางเสร่”
ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันงดงามในEpนี้
ทริปออกนอกกรุงในครั้งนี้
เราออกเดินทางกันเช้าหน่อยครับ
จะได้มีเวลาเดินเที่ยวอย่างสโลว์ไล้ฟ์
สบายอารมณ์กันได้นานขึ้นหน่อย
ไม่ต้องเร่งรีบทำเวลาจนไม่สนุก
และอีกอย่างที่สำคัญคือจะได้มีเวลา
ซึมซับความงดงามของธรรมชาติ
พร้อมกับวิถีชีวิตชุมชนของผู้คน
ในหมู่บ้านชาวประมงด้วยครับ
เราขับรถเพื่อมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
คือชุมชนบางเสร่
เพื่อท่องเที่ยวตามหาน้ำใจ
ในอีกมุมมองนึงของชุมชนแห่งนี้
■ อาหารเช้า ที่ห้ามพลาด
ในสไตล์ท้องถิ่นชาวประมง
ระหว่างทางเราก็ไม่ยอมพลาด
กับอาหารเช้ามื้ออร่อย
ต้องปลุกพลังไฟให้กับ
อากาศยามเช้าที่หนาวๆแบบนี้
ด้วยการซดน้ำซุปร้อนๆสิครับ
เราปักหมุดความอร่อยนี้กันที่
ร้านก๋วยเตี๋ยวซอย 12
กับน้ำซุปสไตล์ปลาหมึกแห้ง
ที่หอมอร่อยได้อารมณ์ทะเลๆ
เราสั่งกันไม่มากไม่มายแค่จุกกันไปเต็มๆ
ต้องไปลองกันดูนะครับ ห้ามพลาดจริงๆ!!
อ้อ!อย่าลืมอุดหนุนข้าวหลามของคุณยาย
ที่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเค้ามีน้ำใจให้ตั้งขาย
อยู่หน้าร้านด้วยนะครับอยากให้สนับสนุนกัน
■ ความฝันที่เกินฝัน...ที่คาเฟ่บางเสร่
อิ่มท้องกันแล้วเราก็ไปต่อกัน
เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้
นั่นคือการได้ดื่มกาแฟริมทะเลรับลมหนาว
ชื่อเพจเราก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ถาม•ทาง•ทัวร์
เราจึงเริ่มทัวร์ด้วยปากของเรานี่แหละ
ขับไปถามไป ท่องเที่ยวถึงจะสนุกถึงใจ
ในสไตล์ของพวกเรา มาๆตามเราไปกันครับ
ในที่สุด...
รถเราก็เลี้ยวมาจอดกันที่ริมสะพานปลา
และสะดุดตากับร้านกาแฟอันโดดเด่นเข้า
“บางเสน่ห์ คาเฟ่” เป็นร้านกาแฟน่ารักๆ
อยู่ตรงปากทางเข้าสะพานปลาเลยครับ
พวกเราไม่ได้หาข้อมูลมาหรอกนะครับ
ว่ามีร้านไหน อะไรอร่อย บรรยากาศเป็นอย่างไร เพราะพวกเราต้องการสัมผัสเรื่องราวธรรมดาๆ
ที่เป็นรูปแบบดั้งเดิมของท้องถิ่น
มากกว่าร้านกาแฟอู้ฟู่หรูหราหมาเห่า
แต่ไม่ได้คำนึงถึงการออกแบบที่กลมกลืน
กับความเป็นวิถีท้องถิ่นแต่อย่างใด
“พี่นั่งตรงนั้นกันก่อนก็ได้ครับ
เดี๋ยวถ้ามีคนมาค่อยว่ากัน”
เราไปถึงร้านในเวลาค่อนข้างเช้า
ร้านเปิดแล้วนะครับ แต่ลูกค้ายังไม่เข้า
ที่นั่งในร้านกาแฟของน้องก็ว่างอยู่
เราสามารถเลือกนั่งได้ทุกโต๊ะเลยก็ว่าได้
แต่น้องบาริสต้าคนนี้ก็เดินไปอีกโซนหนึ่ง
เพื่อหาที่นั่งที่คิดว่าดีที่สุดให้กับพวกเรา
เป็นโซนโฮมสเตย์ของพี่สาว
ที่อยู่ติดกันกับร้านกาแฟนี้
เพราะสามารถมองเห็นวิวริมทะเล
ได้ชัดเจนเต็มตาเป็นวิวพานอราม่าที่สุด
...นี่คือน้ำจิตน้ำใจอย่างแรกที่เราได้รับ...
กับการบริการที่เหนือความคาดหมาย
ตั้งแต่เรายังไม่ได้เริ่มสั่งกาแฟเลยด้วยซ้ำ
แต่พวกเราก็เลือกที่จะนั่งในร้านกาแฟดีกว่า
ซึ่งบรรยากาศที่ร้านกาแฟของน้องร้านนี้
เราว่ามันก็สวยประทับใจได้ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ
พอเราถ่ายรูปจนหนำใจกันสักพัก
พอได้เวลา น้องก็ยกกาแฟที่เราสั่งไว้มาเสิร์ฟ
ต้องบอกเลยครับว่า...รสชาติกาแฟ
เกรดพรีเมี่ยมสูตรที่น้องเค้าแนะนำ
เป็นรสชาติที่ผมไม่เคยลองจากที่ไหนมาก่อน
ท่ามกลางความเข้มดุดันของสายพันธ์
แต่ทว่ากลับอ่อนโยนละมุนกลมกล่อม
ด้วยความหอมละไมผสานรสชาติ
รวมกันจนเป็นหนึ่งด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
ชั้นเลิศของกาแฟที่อยู่เบื้องหน้าเรา
ทุกครั้งที่จิบกาแฟเคล้าสายลมหนาว
เราจะได้ยินเสียงกระซิบสู้ๆๆ ของทะเล
จนเราเพลิดเพลินดื่มด่ำไปในอารมณ์
กับทุกช่วงโมงยามที่ลิ้นรับรสสัมผัสซ่าน
ความสุขแบบนี้ สะกดเราให้เคลิ้มหลง
จนถึงกับวางแก้วไม่ลง ทำให้เราถึงกับต้อง
ขอสัมภาษณ์น้องบาริสต้าเจ้าของร้าน
ผู้เป็นดั่งเป็นศิลปินผู้สร้างงานสุนทรียะ
แห่งกาแฟแก้วล้ำค่านี้กันก่อนเลย
“กู SLOW BAR”
โลโก้ไฟที่ติดอยู่หลังบาร์ชงกาแฟ
เป็นการบอกให้ลูกค้ารู้ว่า ที่นี่เป็นการบริการ
แบบไม่ได้รวดเร็วมากนัก เพราะว่าน้องเจ้าของร้านทำร้านกาแฟกับแฟนแค่สองคน และต้องทำทุกอย่างเองตั้งแต่เลือกสายพันธ์หรือการชงกาแฟก็เป็นการใช้เครื่องที่ต้องใช้มือกดบรรจงทำ
เพื่อให้ได้การกลั่นกาแฟออกมาเพียง1แก้วต่อการกดด้วยมือที่ต้องใช้พลังทั้งหมดโดยไม่ได้ปล่อยให้เครื่องทำอย่างกับเครื่องอัตโนมัติ
เครื่องดื่มแต่ละแก้วล้วนบรรจง
ใส่ใจทำออกมาให้ได้รสชาติที่อร่อยที่สุด
และต้องการให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ค่อยๆละเลียดกับความอร่อยของกาแฟอย่างช้าๆ
กับบรรยากาศที่สบายๆของร้าน
แม้ในบางครั้งน้องอาจจะรู้สึกเสียดาย
ถ้าคนสั่งเครื่องดื่มมาเพียงการถ่ายภาพ
และไม่ได้ซึมซับถึงความตั้งใจในการชงกาแฟนี้
ในระหว่างที่ค่อยๆ ละเลียดกับรสชาติที่ดีมากของกาแฟในใจนี่ไม่อยากให้หมดแก้วเร็วๆเลย
และแล้ว เราก็ได้เจอกับมิตรภาพของน้องสาว
ที่น่ารักอีกคนหนึ่งในร้านกาแฟ
■ มิตรภาพโดยบังเอิญแต่ไม่บังเอิญ
พวกเราก็ได้รู้จักน้องก้อย และเพื่อนๆ
น้องก้อยเข้ามาใช้บริการในร้านเช่นเดียวกัน
พวกเราน่าจะชอบอะไรเหมือนๆกัน
เลยดึงดูดให้มาพูดคุยกัน
โดยที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
พวกเราแลกเปลี่ยนทัศนคติ
และบอกว่าพวกเราชอบท่องเที่ยว
ไปตามชุมชนต่างๆ ด้วยการถามทาง
ซึ่งเป็นการเที่ยวในอีกมุมหนึ่ง
เราบอกน้องก้อยว่า...
ในประเทศไทยนี้มีน้ำใจ
จากคนไทยอยู่มากมายจริงๆ
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเพจ
ถาม•ทาง•ทัวร์
น้องก้อยรู้สึกชื่นชมและยินดีที่ได้เห็น
เจตนาดีๆกับความคิดของพวกเรา
น้องก้อยเห็นด้วยกับพวกเราว่า
น้ำใจจากคนไทยที่พวกเรา
ได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับนี้
เรายังได้มิตรภาพที่ดี
จากผู้คนที่เราได้เข้าไปพูดคุยด้วย
เหมือนที่เราได้เพื่อนใหม่
เป็นน้องก้อยเช่นเดียวกัน
อ่อนอกจากพูดคุยเรื่องงานกันแล้ว
เราก็ถามกันถึงเรื่องงานอดิเรก
น้องก้อยเค้าชอบน้องหมาและน้องแมวครับ
และถ้าใครอยากเห็นความน่ารัก
ของการแกงน้องหมาแมวในสไตล์น้องแล้ว
ก็ไปดูหรือติดตามได้
ที่เพจของน้องก้อยได้นะครับ
แมวซ่าส์กับหมาแสบ
ทาสแมวทาสหมาแนะนำเลยครับ
หลังจากที่เราถ่ายถาพเป็นที่ระลึกแล้ว
ก็ได้เวลาไปเดินเที่ยวในชุมชนกันแล้วครับ
มาดูกันดีกว่าครับว่าคราวนี้
พวกเราจะไปพบเจออะไรกันบ้าง
■ วัดในชุมชน
ประจักษ์พยาน
แห่งศูนย์รวมน้ำใจของชุมชน
เหมือนเช่นทุกครั้ง
เวลาที่เราไปที่ไหนแล้วใกล้กับวัด
พวกเราต้องเข้าไปไหว้พระกันก่อน
“วัดบางเสร่คงคาราม” คือสถานที่
ที่พวกเราเข้าไปสักการะบูชา
และได้มีโอกาสเข้าไปนั่งสมาธิ
ได้ฟังธรรมจากหลวงพี่ ”เรวัติ”
จะโดยเหตุบังเอิญหรืออย่างไรมิทราบได้
เมื่อเรานั่งสมาธิเสร็จ ลืมตามา
ก็เจอกับหลวงพี่ และหลวงพี่ก็เทศนาธรรมให้พวกเราอยู่พักหนึ่ง และพวกเราก็ได้โอกาส
ถามทางจากหลวงพี่ และก็ได้รับความเมตตาจากท่านเช่นกัน ดูเอาเถอะ ถามทางทัวร์เรา
พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้นจริงๆ!555
ออกจากวัดมาได้สักหน่อย
เราก็เดินถามทางไปเรื่อยๆ
เพราะอยากซึมซับกับน้ำใสใจจริง
ของผู้คนในชุมชน เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว
เราต้องมาสะดุดตากับร้านขายของชำโบราณ
ที่เห็นแล้วเราก็อดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายภาพ
และเหมือนเช่นทุกครั้งครับ
ที่เราได้รับน้ำใจดีดี ได้รับคำแนะนำในการเดินทางท่องเที่ยว แหล่งอาหารพื้นเมืองต่างๆ
ร้านของฝาก ร้านไหนมีชื่อในชุมชนบางเสร่
แห่งนี้จากพี่สาวคนสวย อดีตผู้ใหญ่บ้าน “พี่ลักษ์”
พี่เค้ายิ้มอธิบายให้อย่างเอ็นดูพวกเรา
พร้อมกับบอกว่ามีมุมนึงที่นิตยสารสารคดีฝรั่ง
เค้ามาถ่ายไปลงเลยนะ หึหึ เราพูดคุยกับพี่เค้าสักพักก็ต้องขอตัวเพราะลูกค้าเริ่มมาซื้อของแล้ว
เดินออกจากร้านขายของชำแค่ไม่กี่ก้าว
อ้าว!!นั่นไง“ร้านเจ๊อ๋อง น้ำยาปู”
ที่พี่ลักษ์แนะนำ
เที่ยงพอดีก็เลยจัดสักหน่อย
นอกจากน้ำยาปูก็ยังมี ปิ้งงบ
และห่อหมก กับหมูแดดเดียวทอดด้วยนะครับ
อร่อยและอิ่มท้องแล้ว
พร้อมเดินชุมชนเที่ยวกันต่อครับ
ไม่รู้ว่าข้างในจะเป็นอะไร
จะเดินวนกลับมาทางเดิมได้ไหม
แปลกแต่จริงนะครับ
เวลาเราคิดเรื่องทางข้างหน้า
จะต้องมีพี่ ลุง ป้า น้า อา
มาอยู่รอบตัวให้พวกเราถาม
เพราะไม่ยอมให้พวกเราหลงทางทุกที!555
■ ถามทางทัวร์ ในชุมชน
บนซาเล้งครั้งแรก
เราเหลือบไปเห็นคุณลุงคนหนึ่ง
กำลังยืนคุมเชิงรถซาเล้งที่แกนำมาซ่อม
เราก็ตรงดิ่งเข้าไปถามถึงสถานที่
สำหรับไว้ให้ท่องเที่ยวทันทีโดยไม่รีรอ
ตอนแรกกับท่าทางคุณลุงที่ดูยังสงสัยเรา
และเราก็เกรงกับท่าทีที่กลัวคุณลุงจะดุ
แต่สักพักเมื่อเราแนะนำตัวว่าเราเป็นใคร
มาจากไหนและต้องการจะทำอะไร
ท่าทีของคุณลุงและช่างซ่อมรถทั้งหมด
ก็กลับพลิกจากเดิมไปมากเลยครับ
นับว่าเราถามได้ถูกทางและถูกคนมากครับ
เพราะคนที่เราเข้าไปถามนั่นคือ
อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางเสร่
คุณลุงสมจิตร์ นิ่มสุวรรณ์ ท่านให้ทั้งความเมตตา ความเอ็นดู และน้ำใจ กับพวกเราเป็นอย่างมาก แนะนำถึงสถานที่ที่เราควรจะไป
รวมถึงเชิญชวนพวกเราให้ไปดู
การทำหัวน้ำปลา ตามภูมิปัญญาเดิมชาวบ้าน
และทำให้เกิดเป็นการสร้างอาชีพให้กับชุมชน
คุณลุงอาสาขับรถซาเล้งติดเครื่อง
พาพวกเราไปชมด้วยตัวเองเลยนะครับ
เราจึงได้มีโอกาสนั่งรถซาเล้งที่คุณลุงขับ
ด้วยเป็นการทัวร์ครั้งแรกของพวกเรา
ที่ประทับใจจริงๆกับประสบการณ์นั่งรถซาเล้ง
ตระเวนผ่านชุมชน คนก็พามองกันใหญ่เลย
ว่าลุงพาคนกรุงตะลอนไปไหนกัน
■ น้ำใจ กับน้ำปลา
และน้ำตาแห่งความปิติ
นอกจากได้รับความรู้เต็มๆกับการทำหัวเชื้อน้ำปลากระตักแท้ๆแล้ว
คุณลุงยังแถมบอกด้วยว่า
น้ำปลานี้สามารถเอามาใช้หมัก
ลูกหนำเลี๊ยบไว้ทานกับข้าวต้มด้วยนะ
ก่อนกลับคุณลุงยังฝากหัวน้ำปลาให้เรา
และแถมขยั้นขะยอปลาเค็มตัวใหญ่มาก
มาให้พวกเราเอากลับบ้านไปชิมกันด้วย
พวกเราพยายามปฏิเสธขอไม่รับของฟรี
แล้วจะขอซื้อจากคุณลุง แต่คุณลุงไม่ยอมครับ
ลุงบอกว่าถือว่าเป็นตัวแทนน้ำใจของชาวบ้าน
ที่ส่งผ่านมาทางลุงก็แล้วกันนะ
จะมีโอกาสสักกี่ครั้ง...
ที่เราจะไปเที่ยวตามที่ต่างๆ
แล้วได้พบเจอกับผู้คนกับชุมชนที่มีน้ำใจ
และเต็มใจให้กับพวกเรามากมายขนาดนี้
นั้นคือหนึ่งในภูมิปัญญาพื้นถิ่นไทย
และความภาคภูมิใจของชายวัย 63 ปี
บันทึกทริปนี้จึงเต็มไปด้วยความสุข
ความสนุกความประทับใจ
และความทรงจำดีๆของผู้คนในชุมชน
"บางเสร่ เสน่ห์ที่ไม่เคยเสื่อมคลาย"
โฆษณา