Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
6 ธ.ค. 2021 เวลา 02:49 • ประวัติศาสตร์
“เจงกิสข่าน (Genghis Khan)” ผู้ทำให้โลกเกิด “ยุคน้ำแข็ง” ย่อมๆ ขึ้นบนโลก
“เจงกิสข่าน (Genghis Khan)” เป็นผู้นำชาวมองโกล และเป็นหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
เมื่อพิจารณาจากดินแดนที่มองโกล ภายใต้การนำของเจงกิสข่านยึดครอง ก็ต้องยอมรับว่ายากที่จะหาใครมาเปรียบเทียบได้
ในทุกชนชาติ ย่อมมีทั้งยุคทองและยุคเสื่อมโทรม และสำหรับมองโกเลีย ยุคทองก็ต้องเป็นสมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เจสกิสข่านตั้งใจจะยึดครองทั้งโลก
3
อันที่จริง เขาก็เกือบจะทำได้สำเร็จแล้ว โดยสามารถยึดครองเอเชียเกือบจะทั้งทวีป รวมทั้งบางส่วนของยุโรปตะวันออก
เจงกิสข่าน (Genghis Khan)
ในช่วงเวลาของการปกครองของเจงกิสข่าน มีผู้เสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของเจงกิสข่านกว่า 40 ล้านคน โดยในสมัยศตวรรษที่ 13 นั้น ประชากรโลกมีจำนวนเพียงแค่ประมาณ 400 ล้านคน
1
1
เท่ากับว่า ตลอดการปกครองของเจงกิสข่าน ประชากรโลกกว่า 10% เสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของเขา
1
จากการศึกษาค้นคว้าในปีค.ศ.2015 (พ.ศ.2558) พบว่าการที่ผู้คนในสมัยของเจงกิสข่านนั้นเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ระบบนิเวศขาดความสมดุล และทำให้อุณหภูมิของโลกลดต่ำลงในช่วงต้นศตวรรษที่ 14
2
ในยุคนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกลดลงราวๆ สององศาเซลเซียส
2
สององศาเซลเซียสอาจจะฟังดูไม่น่าใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่ออุณหภูมิของทั้งโลกลดต่ำลง ผลกระทบย่อมตามมาแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการเพาะปลูก
1
ประเทศจีนในสมัยของราชวงศ์หมิงได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยพืชผลอยู่ในเกณฑ์ที่แย่ ทำให้เกิดความอดอยากไปทั่ว
นกที่บินอยู่บนฟ้าหลายตัวก็ทนหนาวไม่ไหว และตกลงมาจากท้องฟ้า หากแต่ปัญหาสำคัญก็คือความล้มเหลวของการเกษตร ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก
1
ที่ขาดแคลนที่สุด คือข้าวหรือธัญพืช ซึ่งก็ส่งผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากเป็นอาหารหลักทั้งของมนุษย์และสัตว์
ในเวลานั้น ประชากรส่วนมากของโลกคือชาวนาที่ไม่มีที่นาเป็นของตนเอง ต้องทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์บนที่ดินของคนอื่น ต้องจ่ายค่าเช่าที่นา
1
แต่เมื่อพืชผลตกต่ำ หลายรายก็ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าที่ ทำให้เกิดวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจตามมา ราคาสินค้าอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และถึงแม้เจ้าของที่นาต่างจะลดราคาค่าเช่า แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าอะไรๆ จะดีขึ้น และผู้คนก็ทยอยล้มตายเป็นใบไม้ร่วง
1
จากผลการศึกษาในปีค.ศ.2010 (พ.ศ.2553) ที่ศึกษาจำนวนประชากรโลกตั้งแต่ 10,000 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) พบว่าในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นหลังยุคที่เจงกิสข่านเรืองอำนาจเกือบ 100 ปี ประชากรโลกมีจำนวน 392 ล้านคน
อีก 100 ปีต่อมา คือศตวรรษที่ 15 ประชากรโลกมีจำนวน 390 ล้านคน น้อยกว่า 100 ปีก่อนถึงสองล้านคน
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าระหว่างศตวรรษที่ 14-15 ภายหลังการเรืองอำนาจของมองโกลในยุคเจงกิสข่าน ยุคน้ำแข็งย่อมๆ นี้ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องมา และทำให้ประชากรโลกลดลงทั้งๆ ที่ควรจะต้องเพิ่มขึ้น
คำถามที่น่าสนใจก็คือ การที่คนตายหลักล้านคน เป็นคำตอบของการแก้ปัญหาวิกฤตของโลกหรือไม่?
1
อาจจะฟังดูน่าหดหู่ แต่นักปรัชญาหลายรายก็ออกมาตอบว่าจริง นั่นคือสงครามที่ดูโหดร้าย แต่มีข้อดีคือช่วยทำให้ประชากรโลกอยู่ในระดับที่สมดุล
1
2
แต่ถึงอย่างนั้น สงครามและความรุนแรงก็ไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา
และสำหรับมองโกลในยุคของเจงกิสข่าน ไม่น่าเชื่อว่าผลจากการปกครองของเจงกิสข่าน จะส่งผลต่อโลกต่อเนื่องยาวนานมานับร้อยปีเลยทีเดียว
1
References:
https://historyofyesterday.com/genghis-khan-caused-a-small-ice-age-during-his-reign-508bbbfb3ac4
https://theconversation.com/climate-explained-what-was-the-medieval-warm-period-155294
https://wwf.panda.org/wwf_news/?199285/Genghis-Khan---the-greenest-invader-in-history
https://news.mongabay.com/2011/01/how-genghis-khan-cooled-the-planet/
25 บันทึก
41
3
15
25
41
3
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย