6 ธ.ค. 2021 เวลา 00:25 • ครอบครัว & เด็ก
ลมหนาวเริ่มมาอีกแล้ว…
ถ้าเป็นคนเก่าๆ พอได้ยินประโยคนี้ คงคิดถึงเพลงของคุณครูสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งตัวจริง ผู้ล่วงลับไปกว่า 70ปี
ชื่อเพลง ดูเหมือนจะชื่อ “หนาวนี้พี่ตายแน่” เมื่อก่อนดังก้องฟ้าเมืองไทย ยุคนั้นคนไทยตั้งแต่เด็กเล็ก ยันคนแก่ ร้องเพลงนี้ได้หมด
ผมจำเนื้อเพลงท่อนหนึ่งขึ้นใจ ทั้งสนุก ทั้งมีอารมณ์ขัน “ลมหนาวเริ่มมาอีกแล้ว คงไม่แคล้วเห็นจะต้องหนาวแน่ ใครมีเมียสาวก็คงสุขแท้ ใครมีเมียแก่คงจะต้องขาดทุน”
ไม่รู้คุณรู้สึกเหมือนผมไหมครับ.. หน้าหนาวนอกจากเป็นวันเวลาที่สดใส ผู้คนห่อห่มร่างกายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน ท้องฟ้าสวย ดอกไม้บาน มันยังเป็นช่วงเวลาที่แสนโรแมนติคอีกด้วย
อ้าว.. อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ อย่ามองว่าแก่ปูนนี้ก็ยังมีอารมณ์อย่างนี้ด้วย
ความโรแมนติค ไม่ได้จำกัดอายุเหมือนทำใบขับขี่ นี่ครับ ทำไมคนแก่จะรู้สึก โรแมนติคบ้างไม่ได้
ในวันที่ฟ้าใส ลมหนาวโชย ขออนุญาตเล่าเรื่องสบายๆ แบบคนรื่นเริงสุขสำราญสักเรื่องนะครับ
คุณแป้ด หนึ่งในผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ผมสนิท ถามสารทุกข์สุกดิบกันประจำ แม้ลูกจะจบไปแล้ว บ้านปลูกอยู่ในพื้นที่เกือบ 2 ไร่
เพราะเป็นบ้านที่ปลูกมานาน ตั้งแต่รุ่นตา กับยาย ต้นไม้จึงมีขนาดใหญ่ร่มครึ้ม เช้าๆเสียงนกกางเขน และนกปรอทส่งเสียงร้องเพรียกดังทั่วบริเวณ ยิ่งเวลากลางวัน ลมเย็นกับร่มไม้ในบ้าน ทำให้แกหวงแหนบรรยากาศแบบนี้จนป้องกันไว้ทุกวิถีทางโดยเฉพาะต้นไม้
แล้ววันหนึ่งก็จำต้องจำใจ ตัดต้นไม้ที่หวงนักหวงหนา เมื่อจำเป็นต้อง เดินและเปลี่ยนสายไฟใหม่หมด เพราะมันเก่ามาก จน เกิดการลัดวงจรในบ้านบ่อย
และก็ให้บังเอิญครับ ที่ต้นไม้สองต้นที่ต้องตัด คือต้นที่อยู่ตรงห้องเอนกประสงค์ที่ใช้นั่งเล่นและเวลารับแขกซึ่งติดอยู่กับห้องนอนของนอนด้วย
คุณแป้ดเล่าให้ฟังว่ากังวลใจจนนอนไม่หลับ ถ้าต้นไม้ถูกตัด แล้วมันคงโล่ง ไม่เห็นสีเขียวกิ่งก้านใบของต้นไม้ นกที่เคยร้องเพรียกให้ได้ยิน คงหายไปหมด แกบอกยิ่งเวลาฝนตก ต้นไม้เหล่านี้อุ้มความชุ่มฉ่ำไว้ให้ชื่นใจถึงสองสามวันเลย
แต่...เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้แต่ทำใจ “โอ๊ย..ยิ่งเสียงเลื่อยไฟฟ้าดัง เสียงต้นไม้ล้ม แทบต้องเอามืออุดหู ไม่อยากได้ยินเลย อาจารย์” แกบอก
ผมถามว่าแล้วไง ตัดต้นไม้แล้ว เปลี่ยนไปเยอะไหม คุณแม่ลูก 2 วัย 50 หัวเราะ วาดมือขวาขึ้นตีบนอากาศเบาๆข้างหน้าตัวเอง พูดปนเสียงหัวเราะ “เสียดายว่าตัดช้าไปอาจารย์ “
คุณแป้ดบอก มันโล่งโจ้งอย่างที่คิดนั่นแหละ ตรงนั้นเป็น ทิศตะวันขึ้นขึ้นค่ะ( เพิ่งเคยได้ยิน ทิศตะวันขึ้น) เช้าๆแสงแดดผ่านเข้ามาถึงในห้อง สวยมาก ยิ่งคืนเดือนหงายนะอาจารย์ เห็นพระจันทร์ตั้งแต่โผล่ขอบฟ้า จนลับหลังคาบ้านเลย โอย..ตัดช้าไป แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างสุขใจ
ผมพูดคุยเรื่องนี้กับคุณแป้ด ในงานแต่งลูกชายของเพื่อนที่บ้านแถบตำบลอบทม ปากทางเข้าอำเภอสามโก้ อ่างทอง เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ในวัยที่ผ่านแดด ผ่านฝน มาจนเป็นพ่อคนแม่คน เรื่องทำนองนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ ส่วนตัวผมเชื่อตั้งแต่เริ่มต้องพึ่งพาตัวเองเพราะจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็กว่า โดยธรรมชาติแล้ว คนเรากลัวมากกว่ากล้าครับ
ไอ้ที่กล้าๆแบบบ้าระห่ำ บางครั้งก็เกิดจากความกลัวนั่นแหละครับ ทำนองหมาจนตรอก ไปไหนไม่ได้ก็จำเป็นต้องกล้าหันมาสู้
ความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเรื่องอะไร เราต่างก็วิตกกังวลเป็นอันดับแรกทั้งนั้น ก่อนจะถึงเวลาที่ต้องการ การแก้ปัญหา
นึกภาพออกไหมครับ เรื่องหนักๆอย่างเลิกกับเมีย(อย่าหาทำ) ถูกไล่ออก ตกงาน อุบัติเหตุ หรือแม้ความสวยความงาม ความแก่ชราที่คืบคลานเข้ามาแบบไม่มีวันพัก สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เราต่างก็กลัวกันทั้งนั้น คนบ้าเท่านั้นที่จะดีใจร้องไชโย
ความเปลี่ยนแปลงก็ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมดครับ บางเรื่องราว อย่างเรื่องของคุณแป้ด ผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ผมเล่าเป็นตัวอย่าง เมื่อเสียบางอย่าง ก็อาจได้บางอย่างที่ดีกว่าทดแทนก็ได้
ในยุคที่บ้านเมืองเรา กำลังเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่ปกติแสนสาหัส ทุกอย่างหมุนเปลี่ยนไป ไม่เคยหยุดพัก ถ้าคิดแบบปลงๆ นะครับ แบบมองไปข้างหน้าเหมือนที่วัยรุ่นชอบพูดกันว่า “เดี๋ยวมันก็เช้าแล้ว” ประมาณว่า เดี๋ยวแม่งก็ดีเอง ก็คงพอจะทำให้ยิ้มได้บ้าง แม้จะได้แค่ ยิ้มนิ๊ดๆ ก็ยังดี
ความเปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรม อย่างที่พระท่านบอก ทุกอย่างในโลกนี้ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ คนเราทุกคนนอกจากต้องปรับตัวให้อยู่ได้แล้ว ก็ยังต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้ได้สิ่งดีๆให้กับชีวิตอีกด้วย
แต่บางเรื่องราว ที่ไม่ค่อยเข้าท่า ก็อย่าไปคิดเลยครับ ขอแนะนำว่า อย่าได้แม้แต่จะคิด ผมมีคลิปหนึ่งที่มีคนส่งมาให้ทางไลน์ มาดูกัน
เป็นภาพสามีภรรยาหนุ่มสาว นั่งคุยกันครับ จับใจความว่าคุณสามีไปได้ผู้หญิงอีกคน แล้วหนีไม่ออก ทำนองกินแล้วติดมือว่างั้นเถอะ
แล้ววันหนึ่งอยู่ๆก็เสี่ยงตาย สวมหัวใจเพชรถามคุณเมียสาวว่า ถ้าพี่จะขอมีเมียอีกคนหนึ่งได้ไหม เมียก็แสนดี หันมามองหน้าผัวตาเยิ้มบอกได้พี่ แต่ต้องแยกห้องกันนะ
ไอ้ผัวโง่หลงกล ดีใจสุดขีดโดดกอดหอมแก้มฟ้อดใหญ่ ถามว่า แล้วจะแยกห้องกันยังไงจ๊ะเมียจ๋า คุณเมียแปลงร่างจากแมวเป็นเสือตัวเมีย หันหน้ามาเผชิญหน้า จ้องตาตรงๆคำรามลั่น “จะไปยากอะไร มึงก็อยู่ในโลง กูอยู่ในคุก ส่วนอีนั่นไปอยู่ห้อง ไอ ซี ยู “ (ฮา)
คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าไอ้ความเปลี่ยนแปลงที่แม้แค่คิดก็ไม่ควร ที่สำคัญมันเป็นพิษต่อสวัสดิภาพตัวเองและครอบครัวขั้นมหันต์ คือเรื่องอะไร (ฮา)
ขอให้มีความสุขและอบอุ่นในลมหนาวครับ.........................................
โฆษณา