8 ธ.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เมื่อความใจดีย้อนมาฆ่า ]
นัดแรกในบทบาทผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ดของ ราล์ฟ รังนิก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
ไม่น่าเชื่อว่าผ่านการฝึกซ้อมเพียงแค่เซสชั่นเดียวเท่านั้น ซึ่งรวมเวลาก็น่าจะราว 3 ชั่วโมงไม่ได้มากมายอะไรเลย
ผลลัพธ์อันน่าทึ่งนี่เอง ช่วยสร้างความสบายใจต่อ รังนิก อย่างดีเยี่ยม เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะออกมาดีขนาดนี้ นักเตะตอบสนองน่าอัศจรรย์
อย่างแรกที่พอจะสรุปได้ก็คือ หลายคนมีเซนส์ ความเข้าใจเกมและเตรียมพร้อมสำหรับเริ่มต้นกับเจ้านายคนใหม่
อย่างสองคือพวกเขามีความสามารถในระดับสูง ติดอยู่แค่การดึงนำออกมาใช้ให้เกิดประโยนช์สูงสุด ซึ่งจริงๆเรื่องนี้น่าจะพอดูกันออกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำไม่ได้เหมือนที่คาดหวังกัน
1
พอย้อนกลับไปตอนปลายปี 2018 โซลชา ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่กุนซือชั่วคราวแทน โชเซ่ มูรินโญ่ ปรากฏว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนมากมาย
ฟอร์มของแมนฯยูไนเต็ดร้อนแรงเกินห้ามใจ สิ่งไหนที่ไม่เคยได้เห็นในช่วง มูรินโญ่ เป็นบอส ก็ได้เห็นกันเต็มสองลูกตา
8 นัดแรกทุกรายการปีศาจแดงเดินหน้าคว้าชัยเรียบวุธ ไม่ใช่เรื่องประหลาดเลยหากแฟนบอลจะฝันไกลไปว่า ยุคเรืองรองเหมือนช่วง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีมต้องกลับมาในไม่ช้า
1
ดีเอ็นเอความเป็นยูไนเต็ดของ โซลชา น่าจะถูกถ่ายทอดซึมซับมาอย่างเต็มที่และคือความภาคภูมิใจของเชียร์ นี่แหล่ะที่อยากเห็น ไม่ต้องไปจ้างกุนซือบิ๊กเนมค่าเหนื่อยแพงอย่าง หลุยส์ ฟานกัล หรือ มูรินโญ่ ให้สิ้นเปลืองเปล่าๆ
เพราะความที่ โซลชา เป็นนักเตะที่นี่นานถึง 11 ปี บวกกับเมื่อรีไทร์แล้วยังไปเรียนโค้ชกลับมาทำงานในทีมเยาวชนอีก ยินดีรับใช้สโมสรอย่างเต็มที่ อีกทั้งทำตามคำแนะนำ เฟอร์กี้ ช่วยชี้ทางสว่างให้
1
ไม่ใช่แค่ผลงานในสนามช่วงแรกที่เขาสามารถสร้างความประทับใจ แต่ความไนซ์ยังได้รับความนิยมนอกสนามอีกด้วย เป็นการส่งเสริมความโดดเด่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม
1
บุคลิกเช่นนี้ฉายให้เห็นตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะแล้ว เขาให้ความเป็นกันเองกับพนักงานทุกคน ไม่เคยถือตัวหรือคิดว่าต้องอยู่สูงกว่าเลย
ยิ่งตอนสวมบทซูเปอร์ฮีโร่ ซัลโวประตูชัยในช่วงทดเวลาพาแมนฯยูไนเต็ดโค่นบาเยิร์น มิวนิค พลิกสถานการณ์กลับมาครองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 1999 โซลชา ยกระดับขึ้นมาเป็นแข้งคนสำคัญ แม้ภาพของเขามักจะเป็นแค่ตัวสำรองก็ตาม
เขาได้รับเกียรติและความเคารพตลอดมา จนกระทั่งเกษียณจากค้าแข้ง สถานะก็ยังไม่แปรเปลี่ยน
กระทั่งเมื่อทางเดินชีวิตมาบรรจบกันอีกอย่างคาดไม่ถึง โซลชา ก็ยังคงเป็นที่รักเหมือนเคย
วันแรกที่กลับมายังสโมสรแต่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้จัดการทีม พอเดินมายังออฟฟิศที่ศูนย์ฝึกแคร์ริงตัน พนักงานบางส่วนที่รู้จักกันต่างโค้งให้ แล้วเรียกว่าบอส
โซลชา ยกมือห้ามทันควัน แล้วบอกอย่างเป็นกันเองขอให้เรียกขาน โอเล่ เหมือนในอดีตเถอะ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรหรอก
ถามว่าหากคุณเป็นพนักงานแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้า เชื่อว่าคงตื้นตันความรู้สึก โดยเฉพาะนิสัยไม่ลืมตนเอง ไม่ลืมผู้อื่นและไม่ลืมอดีตของ โซลชา
อย่างก็ตามความใจดีจนถึงขั้นไนซ์ของเขานี่แหล่ะ มันส่งผลเสียต่อระบบการปกครองด้วย
ช่วงแรกเหมือนฮันนีมูน ทุกอย่างยังหวานชื่น ลูกทีมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันยอดเยี่ยม ไม่อึมครึมตึงเครียดเหมือน มูรินโญ่ เป็นบอสใหญ่
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่เกิดในสนามซ้อมหรือห้องแต่งตัว ย่อมส่งผลไปถึงในสนามจริงด้วย นั่นคือส่วนหนึ่งของชัยชนะ 8 นัดรวดในการประเดิม
โซลชา เป็นกันเองกับลูกทีม เหมือนต้องการจะหยิบยื่นความสุขไปให้ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานอึดอัดกันมานาน
แต่วิธีการดังกล่าว อาจไม่เหมาะสำหรับการปกครองในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อต้องมาเป็นผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งเต็มไปด้วยแข้งระดับท็อปค่าจ้างแพงๆ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เล่าถึงแนวทางการปกครองนักเตะไว้ในหนังสือ Leading อย่างน่าสนใจ
สำหรับคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ของ เฟอร์กี้ คือต้องรักษาระยะห่างกับนักเตะตามความเหมาะสม ไม่ใช่ปล่อยใกล้ชิดจนเกินไป
1
ถ้าคุณเป็นหัวหน้าอย่ามัวไปคิดแค่ว่าต้องพยายามทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความสุข แล้วพวกเขาจะต้องรักและเคารพคุณ นั่นคือสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ในโลกความเป็นจริง
1
ทีมอย่างแมนฯยูไนเต็ดจำต้องตกอยู่ในความเครียดกันบ้าง มันต้องเกิดการแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ซึ่งผลัพธ์แง่บวกจะส่งตรงมายังสโมสร
ฉะนั้นแล้วบางครั้งการทำให้ลูกทีมเกิดความกลัว น่าจะเป็นเรื่องดีมากกว่า อย่างน้อยคำสั่งคุณจะเหมือนประกาศิต ทุกคนจะต้องเคร่งครัด ไม่ใช่หละหลวมปล่อยไหลไปตามสภาพ ทำอย่างไรก็ได้
นอกจากนี้ที่อันตรายมากๆก็คือ คำปลอบประโลม คำมั่นสัญญาหรือการให้ความหวังอย่างจริงจังกับนักเตะสักคน
1
เพราะหากคุณไม่อาจทำอย่างที่พูดไว้ได้ ผลร้ายจะมาตกอยู่กับผู้จัดการทีมและนั่นคือสิ่งที่ต้องชดใช้
นักเตะแมนฯยูไนเต็ดส่วนใหญ่รู้สึกสลดใจเมื่อได้ยินข่าว โซลชา โดนปลดพ้นตำแหน่ง แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วหลังโดนวัตฟอร์ดถล่มราบเป็นหน้ากลอง ก็ยังคงทำใจลำบาก
ในขณะที่พนักงานไม่น้อยเศร้าโศกเช่นกัน มีบ้างที่ร้องไห้กับข่าวการเปลี่ยนแปลงนี้ คุณไนซ์ นิสัยดีมากๆ ไม่ควรต้องตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมดังกล่าว
นอกจากถูกวิจารณ์ว่าความสามารถไม่ถึงแล้ว ความใจดีเกินไปจนกระทบต่อระบบการปกครอง ก็น่าจะเป็นอีกสาเหตุ
งานคุมสโมสรใหญ่จึงไม่น่าเหมาะกับ โซลชา ก็เป็นได้
-----------------
กิตติศัพท์ของ ราล์ฟ รังนิก นอกจากสไตล์การเล่นเพรสซิ่งอันเลื่องชื่อ อีกอย่างคือความเฮี้ยบซึ่งเป็นที่รู้กันในวงการฟุตบอลเยอรมัน
ด้วยความที่ต้องทำงานกับกลุ่มผู้เล่นดาวรุ่ง ในฐานะฝ่ายพัฒนาเยาวชน จึงต้องปลูกฝังเรื่องวินัยอันเป็นพื้นฐานสำคัญ
ดังนั้นกฏข้อบังคับต่างๆจึงต้องถูกร่างขึ้นมา เพื่อให้นักเตะได้ตอบสนอง รังนิก จึงไม่ใช่ประเภทประนีประนอมสักเท่าไร
แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจจุดที่ยืนอยู่ ไม่อาจหักด้ามพร้าด้วยเข่า ซึ่งมันอาจมีผลร้ายมากกว่า จึงต้องปรับเปลี่ยนอย่างเป็นขั้นตอน
เขาได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ไว้คร่าวๆบ้างแล้ว เราจึงพอเห็นแนวทางการทำงานที่แตกต่างจากยุค 3 ปีของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
แน่นอนว่า รังนิก เองก็ต้องการเวลาเพื่อพิสูจน์ผลงาน มันเร็วเกินไปที่จะสรุปรวบรัดจากการคุมทีมแค่นัดเดียว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ปรากฏแล้วก็คือ วิธีการตามแบบ โซลชา ใช้ไม่ได้ผลกับนักเตะแมนฯยูไนเต็ดชุดปัจจุบัน
การฝึกซ้อมที่หนัก วินัยตึงเป๊ะไม่หย่อนยาน ทัศนคติอันดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่คือเบื้องหลังความสำเร็จอย่างแท้จริง
ถ้าต้องขี่หลังเสือ แล้วคุณใจดีเกินไปจนต้องตกลงมา นั่นหมายความว่าเสือจะขย้ำคุณให้กลายเป็นเหยื่ออันโอชะ
จำไว้ว่าเมื่อคุณพลัดตกจากหลังพยัคฆ์ร้าย ก็ไม่อาจมีใครช่วยได้อีกแล้ว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา