28 ก.พ. 2022 เวลา 02:35 • การศึกษา
กุศโลบายให้พ้นโลก
พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นที่ยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เราต้องทำใจให้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะความเลื่อมใสทำให้ใจเราหยุดนิ่งและผ่องใส เราจะได้รับรสแห่งความสุขที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง การเจริญพุทธานุสติมีพระพุทธเจ้า เป็นอารมณ์นี้ มีอานิสงส์ใหญ่ สามารถปิดประตูอบายภูมิ เปิดประตูสวรรค์ และนิพพานได้ ถ้าหากเราหมั่นระลึกนึกถึงบ่อย ๆ จนกระทั่งเห็นองค์พระได้ชัดใส จนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับท่าน เมื่อนั้นอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย จะบังเกิดขึ้นกับเรา เพราะฉะนั้น ให้หมั่นเจริญสมาธิ ภาวนาทุก ๆ วัน เพื่อจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อิจฉาสูตร ว่า….
"โลกอันความอยากผูกไว้ เพราะกำจัดความอยากเสียได้ จึงหลุดพ้น เพราะละความอยากได้เด็ดขาด จึงตัดสังโยชน์อันเป็นเครื่องผูกได้ทั้งหมด"
โลกของเรา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าเพลิดเพลิน จนทำให้เกิดความอยาก ผู้ไม่รู้ หลงใหล มีความทะยานอยากในสิ่งต่าง ๆ ที่อายตนะทั้งหก ได้ไปถูกต้องสัมผัสทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ แต่บัณฑิตผู้รู้ทั้งหลายที่ท่านได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากในทุกระดับชั้น ท่านเห็นว่า โลก คือ หมู่สัตว์นี้ เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ ล้วนแต่มีทุกข์ ด้วยกันหมดทั้งสิ้น เพราะชีวิตในภพทั้งสามนี้เป็นทุกข์
ภพสาม เป็นเหมือนคุกขนาดใหญ่ที่กักขังสัตวโลกไว้ ใครจะออกจากคุกนี้ได้ ต้องมีบุญบารมี ที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ และมีบารมีมากพอที่จะขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้ ดังนั้น ท่านผู้รู้ ผู้เป็นบัณฑิต จึงใช้เวลาอยู่ในโลกนี้อย่างมีคุณค่า ด้วยการสร้างบารมี แสวงหาความจริงของชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง
อันที่จริง โลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ เป็นโลกแห่งการสร้างบารมี สัมปรายภพ คือ โลกหน้า เป็นโลกแห่งการเสวยผล ซึ่งจะมีทั้งผลที่เป็นทุคติและสุคติ หากเราเกิดมาในโลกมนุษย์นี้แล้ว พลั้งพลาดไปทำบาปอกุศลเข้า โดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม สัมปรายภพ คือ ที่ไปในเบื้องหน้า จะเป็นทุคติ ต้องไปเสวยผล คือ ความทุกข์ทรมาน อยู่ในอบายภูมิ บ้างก็พลั้งพลาดไปเกิดเป็นสัตว์นรก อสุรกาย เปรต สัตว์เดียรัจฉาน เป็นต้น
แต่ถ้าขณะที่เป็นมนุษย์ สั่งสมบุญบารมีไว้ ได้ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ประพฤติธรรม ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งใจละชั่ว ทำความดี ทำใจให้ผ่องใส ครั้นละโลกไปแล้ว จะมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป ยิ่งถ้ามีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจมาก มีความบริสุทธิ์จนถึงที่สุด ก็จะได้นิพพานสมบัติ มีนิพพานเป็นที่ไป
เพราะฉะนั้น จิตใจต้องบริสุทธิ์ ต้องฝึกฝนให้หยุดให้นิ่ง โดยรู้จักปลดปล่อยวางในเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เป็นสาระ ไม่ไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่นจนเกินเหตุ ซึ่งความจริง สาเหตุของทุกข์มาจากความทะยานอยาก ความทะยานอยากทั้งหลายในโลก ทำให้ใจติดอยู่ในโลก ไม่อาจที่จะพ้นจากโลกไปได้ จึงต้องวนเวียนอยู่ในห้วงทะเลทุกข์ คือ สังสารวัฏ
ในสมัยพุทธกาล มีมาณพหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ โธตกมาณพ ท่านเป็นผู้ที่ได้สั่งสมบุญมาอย่างดีแล้ว จึงเกิดความเบื่อหน่ายในโลก ปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากโลก จากความทุกข์ทรมานในสังสารวัฏ ได้ไปกราบขอคำแนะนำจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วัดพระเชตวัน เมื่อกราบแทบพระบาทแล้ว ท่านก็เริ่มต้นกราบทูลว่า...
"พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าขออนุญาตกราบทูลถามพระพุทธองค์ ขอทรงโปรดข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด ข้าพระพุทธเจ้าอยากจะฟังพระดำรัสของพระองค์ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว จะใส่ใจศึกษาข้อปฏิบัติ ซึ่งเป็นเครื่องดับกิเลสในตน"
1
พระบรมศาสดาทรงมีพระเมตตา ทรงรู้ว่าบารมีของผู้มีบุญท่านนี้ถึงคราวแก่กล้าแล้ว จึงตรัสตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น ท่านจงตั้งใจฟัง เราจะบอกแก่ท่าน ท่านจงเป็นคนมีปัญญา มีสติ หมั่นทำความเพียรในศาสนานี้เถิด"
โธตกมาณพกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นพระองค์ผู้เป็นยิ่งกว่าพราหมณ์ หาความกังวลมิได้ เที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ทรงเปลื้องความสงสัยด้วยเถิด"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "เราเปลื้องใคร ๆ ในโลก ผู้ยังมีความสงสัยอยู่ไม่ได้ เมื่อท่านได้รู้เห็นธรรมอันประเสริฐแล้ว จะหายสงสัยเอง และจะข้ามห้วงทะเลใหญ่ คือ กิเลสทั้งหลายได้"
โธตกมาณพทูลว่า "ถ้าพระองค์จะทรงพระกรุณา ก็ควรแสดงธรรมอันทำให้กิเลสของข้าพระพุทธเจ้าดับไป และแสดงธรรมที่ควรจะรู้ ขอได้โปรดสั่งสอนข้าพระองค์ให้เป็นคนโปร่งเบาใจ ไม่ขัดข้องดุจสภาวะที่กิเลสดับไปแล้ว ไม่อาศัยสิ่งใดสิ่งหนึ่งเที่ยวอยู่ในโลกนี้เถิด พระพุทธเจ้าข้า"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงให้ความอนุเคราะห์ต่อมาณพ ได้ตรัสว่า "เราจักบอกอุบายเครื่องดับกิเลสให้แก่ท่าน ซึ่งท่านจะรู้เห็นได้เอง โดยไม่ต้องเชื่อตามข่าวลือ ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ทราบแล้ว ขอท่านจงมีสติ แล้วข้ามพ้นความอยาก ที่ตรึงใจไว้ในโลกทั้งหมดให้ได้"
โธตกมาณพทูลรับว่า "สาธุ ข้าพระพุทธเจ้าชอบใจอุบายเครื่องดับกิเลสอันสูงสุดนั้นเป็นอย่างยิ่ง"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสสอนต่อไปว่า "เมื่อท่านรู้ว่าความทะยานอยากทั้งเบื้องบน ท่ามกลางและเบื้องล่าง เป็นเหตุให้ติดข้องอยู่ในโลก ท่านจงอย่าทำความทะยานอยากนั้นให้เกิดขึ้น เพื่อจะได้ไม่เกิดในภพน้อยใหญ่อีก"
โธตกมาณพ ส่งใจไปตามกระแสพระธรรมเทศนา จิตก็ละเอียดอ่อนไปตามลำดับ และในที่สุดแห่งพุทธพยากรณ์ โธตกมาณพมีจิตหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มีใจโปร่งเบา ไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมและคุณวิเศษ เป็นผู้ข้ามพ้นวัฏสงสาร มีนิพพานเป็นที่ไป
จะเห็นได้ว่า กุศโลบายให้พ้นโลก ให้พ้นจากความทุกข์ทรมานในสังสารวัฏ ต้องละความอยากให้ได้ก่อน เพราะความอยากเป็นสาเหตุของความทุกข์ ไม่ว่าจะอยากได้ อยากมี อยากเป็น ต้องทิ้งไปให้หมด ให้ใจเกลี้ยงเกลา สะอาดบริสุทธิ์ แล้วมุ่งทำใจให้หยุดนิ่งตามพุทธวิธี กระทั่งมีใจใสสะอาดบริสุทธิ์เต็มที่ ในที่สุดจะสามารถหลุดพ้นจากความอยากในโลก พ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลายได้
ใจใสๆ นี่แหละ ที่จะแก้ไขปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างได้ ใจใส ๆ ช่วยให้พ้นทุกข์ได้จริง ใจใส ๆ สมบัติใหญ่จะไหลมา ใจใสไปสวรรค์ได้ ละโลกไปแล้ว มีสุคติเป็นที่ไปอย่างเดียว กระทั่งเมื่อใจใสถึงที่สุด จะได้นิพพานสมบัติ มีนิพพานเป็นที่ไป เพราะฉะนั้น อานุภาพของใจใสนี่ยิ่งใหญ่มาก นำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จสมปรารถนาทุกอย่างในชีวิต
ดังนั้น ให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ ให้มีคุณค่าที่สุดด้วยการประพฤติธรรม ทำใจให้ใส ๆ นึกถึงบุญ นึกถึงความดี นึกถึงธรรมะ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ แล้วเราจะสมปรารถนาในทุกสิ่ง เพราะพระองค์เป็นศูนย์รวมของความสุข ความบริสุทธิ์ ศูนย์รวมของทุกสิ่ง ทั้งบุญบารมี รัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิเฉียบขาด กุศลธรรมความดีงามทั้งหลาย พร้อมทั้งอานุภาพที่ไม่มีประมาณ ให้หมั่นนึกด้วยใจที่ใส ๆ กัน
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๖ หน้า ๒๗๐ – ๒๗๖
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
โธตกปัญหา เล่ม ๖๗ หน้า ๑๖๑
โฆษณา