12 ธ.ค. 2021 เวลา 04:33 • ท่องเที่ยว
มีอะไรดีๆ ที่ลพบุรีตอนนี้ : ตอนที่ ๑ ขอบ่น รฟท. ก่อนเที่ยว
 
ที่จริงเมืองลพบุรีไปเที่ยวตอนไหนๆ ก็ได้ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งก็ยังอยู่ ไม่ได้หนีหายไปไหน ยังพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลาครับ
 
แต่แหล่งท่องเที่ยวบางแห่งก็ท่องเที่ยวได้เฉพาะฤดูกาลเท่านั้นนะครับผิดจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้ชมได้หรอกครับ
 
ไปลพบุรีคราวนี้ได้เที่ยวหลายแห่ง ก็ขอบ่นไป เที่ยวไปและชมไปตามแบบฉบับของผู้เขียนละกัน แน่นอนครับ ไฮไลท์ก็คือรถไฟลอยน้ำ
 
คงสงสัยซิครับว่ารถไฟที่ไหนลอยน้ำได้ จริงหรือที่รถไฟลอยน้ำได้ อ่านต่ออีกนิดนะครับว่ารถไฟลอยน้ำนั้นมีความเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร
ทางรถไฟสายแก่งคอย–บัวใหญ่ เพื่อไปสู่จังหวัดหนองคายนั้น ส่วนหนึ่งต้องผ่านลุ่มน้ำป่าสักในอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี 
 
บริเวณนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่สร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามโครงการพระราชดำริ ดังนั้น เมื่อเริ่มปล่อยน้ำเข้าเขื่อน หากไม่ทำอะไรทางรถไฟสายนี้ก็ต้องจมน้ำด้วย การแก้ปัญหาเพื่อให้เส้นทางรถไฟไม่ขาดช่วงและเดินทางได้เหมือนเดิม ก็ต้องยกรางหนีน้ำซิครับ
 
ดังนั้น ทางรถไฟระหว่างสถานีแก่งเสือเต้น–โคกสลุง-สุระนารายณ์ ระยะทางกว่า ๒๔ กิโลเมตร จึงต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ รวมถึงการสร้างเป็นทางรถไฟยกระดับให้สูงขึ้น เมื่อน้ำเต็มพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด จึงกลายเป็นท้องน้ำที่กว้างสุดลูกหูลูกตา 
 
เมื่อรถไฟวิ่งผ่านและมองออกนอกหน้าต่าง จึงคล้ายกับรถไฟแล่นบนผิวน้ำ จึงได้ชื่อเรียกว่า ‘รถไฟลอยน้ำ‘ คงเป็นคำตอบได้ตรงนี้นะครับว่ารถไฟลอยน้ำมีจริงหรือไม่
การท่องเที่ยวครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ออกจากบ้านไปท่องเที่ยวหลังจากสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่แต่ในบ้านหลายเดือน
 
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวโดยจัดขบวนรถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขึ้นทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ จนถึงเดือนมกราคม ๒๕๖๕
ทราบข่าวแล้วก็ช้าอยู่ไยละครับ เหมาะเจาะที่เป็นวันว่างและแน่ใจแล้วว่าไม่ติดโควิดจากการใกล้ชิดกับผู้ติดโควิด จึงรีบร่วมรายการนี้ทันทีโดยเดินทางไปกับทัวร์ขบวนนี้เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ที่ผ่านมา
 
ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้หน่อยไม่ใช่เพราะ รฟท. หรอกครับ เพราะผู้เขียนไม่ค่อยรัก รฟท. สักเท่าไหร่  แต่เพื่อท่านผู้อ่านที่ชอบการท่องเที่ยวเท่านั้นแหละครับ และเป็นการท่องเที่ยวที่ไม่แพงนักด้วย
 
ทำไมไม่น่ารักหรือครับ ก็รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการประชาชนหลายแห่งลดราคาค่าโดยสารให้ผู้สูงอายุ แต่ รฟท. ลดให้เฉพาะหน้าฝนเท่านั้นเข้าใจว่าหน้าฝนไม่ค่อยมีใครค่อยเดินทางกัน เผื่อ สว. จะได้ช่วยอุดหนุนบ้างกระมัง ระวังเถิดครับ เกิด สว. ลื่นล้มบาดเล็บหรือตายไป รฟท. คงถูกฟ้องร้องกันบ้าง
นี่พูดถึงรถไฟที่ให้บริการเป็นประจำนะครับ ไม่ได้หมายถึงขบวนท่องเที่ยวพิเศษเช่นนี้หรอกครับ
 
นอกจากนี้ ยังพบว่ารถนอนขบวนพิเศษใหม่นั้น มีเงินและต้องการซื้อตั๋วก็คงซื้อตั๋วไม่ได้ ตัวอย่างเช่นขบวนพิเศษสายใต้ซื้อตั๋วไปลงชุมพรไม่ขาย แต่แนะนำให้ซื้อตั๋วไปลงที่สุราษฎร์ธานี แล้วตัวไปลงที่ชุมพรก็ย่อมได้นะครับ รฟท. กลัวจะไม่ได้เงินมากจึงกีดกันกันน่าดู ขายตั๋วแบบกันท่าแบบนี้ถึงได้ขาดทุนไงครับ
 
ไหนๆ ก็บ่น รฟท. แล้ว ก็ขอบ่นต่ออีกเรื่องหนึ่งเถิดครับ
ที่จริงเดิมนั้นตั้งใจไปเที่ยวที่ลำปางโดยทางรถไฟ ซึ่ง รฟท. ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จัดทัวร์ลำปาง ๓ วัน ๒ คืน ระหว่างวันที่๓-๕ ธันวาคม ที่ผ่านมาในราคาพิเศษ แต่โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดพร้อมจองตั๋ว คอยอยู่กว่า ๓๐ นาที ยังบอกให้กรุณารอสักครู่ 
 
ทนเสียค่าโทรศัพท์มือถือไม่ไหว เลิกใช้โทรศัพท์บ้านของ NT มานานแล้วเพราะทนการบริการที่ไม่เอาไหนไม่ไหว จึงวางหูแล้วเลิกคิดไปเที่ยวลำปางโดยรถไฟ ไปเครื่องบินดีกว่า
ไม่ทราบเป็นไงนะครับ รัฐวิสาหกิจของไทยที่ให้บริการประชาชนถึงไม่ปรับตัวโดยการให้บริการประชาชนให้ดีขึ้น หรือคงคิดว่าบริการยังไงก็ไม่เจ็งแน่เพราะรัฐต้องอุ้มอยู่แล้ว
 
อ้าว กลับเข้าเรื่องใหม่ ท่านผู้อ่านอาจจองตั๋วไปเที่ยวรถไฟลอยน้ำได้ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ หรือผ่านระบบ D-Ticket ก็ระบบออนไลน์นั่นแหละครับ ทั้งนี้ เหมาตู้กันก็ได้นะครับ แต่สงสัยว่าไปเฮฮาปาตี้กันได้หรือเปล่า เพราะโควิดนี่แหละครับ
 
สำหรับอัตราค่าโดยสาร รถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นี้ไม่ว่าผู้ใหญ่และเด็กราคาเดียวกันนะครับ ตู้รถธรรมดากรุงเทพ–เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไปกลับ ราคา ๓๓๐ บาท ส่วนตู้รถปรับอากาศกรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไปกลับ ราคา ๕๖๐ บาท ส่วนไปจากที่อื่นสอบถามเองนะครับ
เพราะรถไฟขบวนนี้กำหนดออกจากสถานีรถไฟสามเสนตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. ผู้เขียนและคุณสายพิณ ภรรยา จึงต้องรีบตื่นแต่เช้าซิครับ ไม่อยากนั่งแท็กซี่เพราะกลัวติดโควิด จึงนำรถไปจอดที่สามเสนนั่นแหละครับ เช้าๆ คงยังมีที่จอดเยอะหรอกครับ
ตื่นตั้งแต่ ๐๔.๔๐ น. อาบน้ำแต่งตัว อุ่นข้าวผัดที่ซื้อเตรียมไว้ กะว่าไปกินที่สถานีรถไฟสามเสนในเวลา ๐๕.๔๕ น. แล้วขึ้นรถ เวลา ๐๖.๐๐ น. ไม่อยากกินบนรถไฟหรอกครับ
ได้กินข้าวผัดปูตามเวลาที่ประมาณไว้ แต่รถไฟไม่มาตามนัด  ทั้งๆ ที่สถานีสามเสนห่างจากสถานีหัวลำโพงเพียงสถานีเดียว ก็ไม่ทราบว่า รฟท. บริหารงานอย่างไร ปล่อยให้ช้าตั้งแต่ต้นทางถึง ๓๓ นาที ยังดีครับที่อากาศตอนเช้าในวันนั้นกำลังสบาย
เรื่องความล่าช้าของ รฟท. มีให้เห็นเป็นประจำเนิ่นนานมาแล้ว ไม่ทราบว่า รฟท. จะอนุรักษ์เรื่องนี้ไว้ทำไม หัดตรงเวลากับเขาบ้างก็ดีนะครับ
 
สำหรับเหตุการณ์จำเป็น เช่น รถตกราง รถชนกัน น้ำท่วมทางหรือเหตุสุดวิสัยอื่นๆ ไม่ว่ากันนะครับ แต่กรณีนี้ออกจากหัวลำโพง ผู้บริหารและฝ่ายปฏิบัติการควรเอาใจใส่ในเรื่องนี้ให้มาก
 
โอกาสต่อไปถ้ากำหนดออกจากสถานีรถไฟสามเสนเวลา ๐๖.๓๓ น. ก็ประกาศให้ทราบด้วยนะครับ จะได้มีเวลาหลับนอนได้มากขึ้นครับ
บ่นมาเยอะแล้วนะครับ อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ บ่นแล้วก็แล้วกัน แล้วตอนหน้าจะได้เที่ยวกันให้สนุกครับ
 
พุธทรัพย์ มณีศรี
โฆษณา