13 ธ.ค. 2021 เวลา 16:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
👩🏻‍💻มาในโหมดของการลงทุนกันบ้างงงงเนอะใกล้จะสิ้นปีแล้วโดยปกติแล้วหลายๆตลาดจะมีการขายทำกำไรเพื่อ rebalance port กันช่วงก่อนเทศกาล X’mas และจะมีแรงซื้อเข้ามาอีกทีในช่วงเดือนมกราที่เรามักจะเรียกเหตุการณ์เหล่านี้ว่า January Effect รวมถึงก็จะเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่หลายๆบริษัทมีการประกาศจ่ายโบนัสประจำปีและพนักงานก็มักจะนำเงินส่วนนั้นมาซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีกันทั้งกองทุน SSF และ RMF กันในช่วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปี
วันนี้เราเลยจะมาแชร์มุมมองและแนวทางในการบริหารสินทรัพย์ของเราเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆกันนะคะ
Money Management and Asset Allocation in พักเทรดไปเที่ยว view ⭐️
💵💸💰Money Management 101 Chapter1
ตามทฤษฎีแล้วเงินก้อนแรกที่เราจำเป็นจะต้องมีไว้เพื่อเป็นสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเลยก็คือ เงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดที่สามารถนำออกมาใช้จ่ายได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เช่น เงินฝากออมทรัพย์ สลากที่สามารถถอนได้ทันที(เกินกำหนดอายุที่หากถอนแล้วธนาคารจะหักค่าธรรมเนียม) หรืออาจจะเป็น Stable coin ที่เราสามารถถอนออกมาได้เลยแบบนี้เป็นต้น โดยเงินส่วนนี้เรามักจะบอกกันว่าควรมีให้ครอบคลุมค่าใช้จ่า Fix cost ของทุกเดือนขั้นต่ำ 6-12 เดือน ซึ่งสำหรับเราแล้วเงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนแรกที่เราว่าสำคัญมากๆเลยนะ เพราะถ้าเงินก้อนนี้ไม่นิ่งและเย็นมากเพียงพออาจจะทำให้เงินอีกส่วนนึงที่เราจะใช้ในการลงทุนจากเงินเย็นก็อาจจะกลายเป็นเงินร้อนไปเลยก็ได้
💼ต่อมาเราขอเรียกว่าเป็นเงินที่ใช้ในการลงทุนซึ่งเราก็จะแบ่งออกมาเป็นหลายๆ port เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน (Risk Management ) โดยสำหรับเราจะแบ่งเป็นสองกองใหญ่ๆคือกองของโลก CeFi และ กองของโลก DeFi โดยส่วนตัวมองว่าการลงทุนใน CeFi เป็นการลงทุนในธุรกิจเหมือนถ้าเราอยากทำธุรกิจอะไรเราก็จะไปลองศึกษางบการเงิน พื้นฐานบริษัท ผลตอบแทนต่างๆที่คาดว่าจะได้รับซึ่งก็จะมีหลายบริษัทและผลิตภัณฑ์ให้เราได้เลือกเยอะมากๆเรียกได้ว่าอยากมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัทไหนเราก็ไปศึกษาและซื้อหุ้นหรือกองทุนที่ลงทุนในบริษัทนั้นหรือกลุ่มธุรกิจนั้นๆได้เลย ส่วนในกองของ DeFi เองเรามองว่าเหมือนเราเอาเงินไปลงทุนในหุ้น Tech แต่เปลี่ยนเป็น Currency ที่สิ่งที่เราลงทุนไปนั้นจะเข้ามาแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ในด้านโลกที่ไร้พรมแดน ทำให้การทำธุรกรรมสะดวก รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายถูกลง และสามารถตรวจสอบรายการได้อย่างโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
📊โดยในกองของโลก CeFi นั้นการลงทุนหลักๆก็จะมีหุ้น , ทองคำ , อสังหา , พันธบัตร , สลากต่างๆ เป็นต้น ซึ่งการจัดแบ่งว่าเราจะลงทุนอะไรมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเรายอมรับความเสี่ยงแต่ละสินทรัพย์ได้มากน้อยแค่ไหน ผลตอบแทนที่ตั้งเป้าไว้มากน้อยเท่าไหร่ และเคล็ดลับสำคัญในการลงทุนที่สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆเลยนั่นก็คือ
“เงินที่นำมาลงทุนนั้นเย็นแค่ไหน ยิ่งเงินเย็นมากเท่าไหร่นั่นก็แปลว่าเราสามารถอยู่กับความผันผวนของตลาดได้นานมากขึ้นเท่านั้น โอกาสในการขาดทุนแล้วกลับมากำไรก็มีมากขึ้น และโอกาสในการถือเพื่อ Run trend เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นก็มากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากทุกๆตลาดสินทรัพย์มีช่วงเวลาของมัน (Business Cycle)”
📈📉และสำหรับการลงทุนในโลก DeFi อันนี้ก็มีวิธีการลงทุนหลากหลายวิธีมากๆๆ เช่น การ Swap , Farming ,P2E , Staking , Saving (ซื้อเหรียญแล้วนำมาฝากแล้วได้ดอกเบี้ยเหมือนฝากออมทรัพย์) และการลงทุนใน Crypto Currency ที่มี Eco System ที่ยั่งยืน ซึ่งจริงๆแล้วการเติบโตในโลกของ DeFi ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างซึ่งจะแตกต่างจาก CeFi เช่น CeFi อาจจะมองกันในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่ในโลกของ DeFi เรามองในเรื่อง Network Effect และโปรเจคที่ประสบความสำเร็จของแต่ละ Token เป็นต้น ซึ่งตลาดนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูงมากๆๆๆ แต่ก็ให้ผลตอบแทนดีและรวดเร็วกว่าโลกของ CeFi เช่นกัน
📚ซึ่งสำหรับการลดความเสี่ยงนอกจากการกระจายความเสี่ยงโดยการกระจายสินทรัพย์ไปในหลายๆตลาดแล้วสิ่งที่ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนลดลงอย่างแท้จริงและยั่งยืนก็คือการที่เราหาความรู้และอัพเดตข่าวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการที่เรามี mindset ที่ดีในการลงทุนและการลงทุนตามแผนที่วางไว้โดยใช้อารมณ์ให้น้อยที่สุด มีวินัยในการลงทุนแบบไม่มีข้อต่อรอง
☀️และอีกอย่างนึงที่อยากจะแชร์สำหรับในภาวะที่ตลาดค่อนข้างผันผวนมากๆในช่วงนี้ก็คือ เราควรแบ่งไม้ในการเข้าไปลงทุนเสมอ และมีแผนสำรองเมื่อการลงทุนไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ สุดท้ายแล้ว Cash is King ก็ยังสามารถใช้ได้อยู่เสมอ เช่น การที่เรามีเงินอีกก้อนสำหรับเอาไว้ซื้อสินทรัพย์ในช่วงที่ตลาดลงหนักๆและเตรียมพร้อมเป็นขาขึ้นเราก็จะสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดีมากๆในช่วงเวลานั้นๆเลย
🤿To Be Continue >>>> ครั้งต่อไปเราจะมาลองจัด Port กันนน
NFA
โฆษณา