Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักเล่าเรื่อง
•
ติดตาม
13 ธ.ค. 2021 เวลา 17:22 • นิยาย เรื่องสั้น
บันทึกลับ Ep.50
อำนาจเงิน
“เงินซื้อคนไม่ได้”
“เงินซื้อศักดิ์ศรีไม่ได้”
คำพูดนี้ ผมเคยได้ยินคนที่มีอุดมการณ์
บางคนพูดเสมอ.....ว่า คน และศักดิ์ศรี
ของคนไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
แต่...สำหรับผม...เงินเนรมิตได้
ทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นศักดิ์ศรี อำนาจ
และ #ความถูกต้อง ที่สามารถ
เปลี่ยนจากสิ่งที่ผิด ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องได้
ด้วยความทะเยอทะยาน อยากได้
อยากมี...ที่เป็นปมเมื่อครั้งยังเด็กของผม
มันยังฝังอยู่ในใจตลอดมา.....
ของเล่นที่พ่อแม่ไม่เคยสนับสนุน
ไม่ซื้อหาให้ผมในครั้งที่เป็นเด็ก.....ผมจึง
กลายเป็นคนที่ไม่เคยได้เล่นของเล่น
เหมือนอย่างเพื่อนๆคนอื่นที่เป็นเด็กใน
วัยเดียวกัน.....หากจะว่าไปแล้ว มันก็เป็น
เพียงความอิจฉาของวัยเด็ก ที่อยากมี
อะไรๆเหมือนเพื่อนคนอื่น...แต่... ไม่เคยมี
Cr.ภาพจาก นิยายเด็กช่างสยาม
ตอนนี้ผมรู้เพียงแค่ว่า...หากแค่ผมมี
เงิน อะไรๆก็ง่ายไปหมด อยากได้อะไร
อยากซื้ออะไร....ก็ง่ายหมด
ในความรู้สึกลึกๆของผมในตอนนั้น,,,
เพื่อน -มีเงินก็มีเพื่อนรายล้อม
สังคม -มีเงินก็จะดึงดูดสังคมเข้าหาเรา
อำนาจ -เงินสั่งให้คนอื่นเจ็บเพื่อเราได้
ศักดิ์ศรี -ศักดิ์ศรีของคน ความจริงก็คือเงิน
ความสุข -เงินเนรมิตทุกสิ่งที่ทำให้เราสุข
ความถูกต้อง -เงินทำให้ใครบางคนถวายได้แม้แต่อิสรภาพของตน
ทุกอย่าง.....สร้างให้เกิดขึ้นได้ด้วย
อำนาจของ “เงิน” ซึ่งฟังดูเป็นความคิด
ที่ฟังดูแย่...สำหรับใครหลายคน
แต่สำหรับผม...มันคือความเป็นจริง
ของสังคมตอนนี้ที่ผมกำลังเผชิญอยู่.....
ผมก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจสีเทา
อย่างเต็มตัวกับครึ่งชีวิตการทำงานของผม
ผมได้รู้จักกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จาก
การชักชวนของเพื่อน ที่ทำธุรกิจนอกร่วมกัน
“ถนอม” ...เพื่อนที่ผมเจอและรู้จักกันด้วยความบังเอิญ...จนเรามีความสนิทสนมจนถึงขั้นไว้ใจต่อกัน ใช่ครับ ผมไว้ใจถนอมมาก
ผมเรียนรู้การทำธุรกิจกับถนอม ในขณะที่
ผมก็ยังทำงานประจำอยู่.....ผมเริ่มรู้จักกับ
การนำเงินเก็บที่มี มาแปรสภาพเพื่อให้เกิด
มูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้...จากการลงทุน...และทำ
ให้ผมรู้ด้วยอีกว่า....ลงทุนไปกับธุรกิจสีเทา..... จะทำให้เรามีรายได้จากกำไรอย่างมหาศาล
เงินลงทุนก้อนแรก
Cr.ภาพ pixabay.com
เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ที่ผม
ตัดสินใจเปิดกระเป๋าควักออกมาเพื่อใช้
ไปกับการลงทุน...มันช่างเป็นเงินที่เยอะ
มากสำหรับผมในตอนนั้น ด้วยวิธีการ
และด้วยหุ้นส่วนที่ทำด้วยกัน นำเสนอถึงวิธี
ที่เป็นที่มาของกำไร...ที่จะได้กลับมา....
การเปิดตู้ของสินค้าหนีภาษี จากท่าเรือ
และข้อเสนอ ตัดสดในการนำสินค้าออกมาขายทอดสู่ตลาดมืด... และยี่ปั๊วที่รอรับสินค้า
เป็นทอดๆ มันไม่มีอะไรยากไปกว่า
“ความเสี่ยง” เสี่ยงในการถูกจับ และดำเนิน
คดีตามกฎหมายบ้านเมือง.....
เพียงแต่.....กฎหมายและความผิด
ทุกอย่างถูกออกแบบและกำหนดไว้หมด
แล้ว.....ว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ถูก....พูดกันตรงๆ
ก็คือ.....เงิน...สามารถทำให้กฎหมาย
หูหนวกตาบอด ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็น กับกิจการที่ผมกำลังร่วมลงทุนอยู่ในตอนนั้น......
สังคมผมเริ่มกว้าง ได้รู้จักผู้ใหญ่ใน
แวดวงสังคมท้องถิ่น ได้รู้จักนายตำรวจ
ที่เป็นระดับผู้กำกับในพื้นที่ และสำหรับ
ตำรวจชั้นประทวน ที่เป็นเพียงลิ่วล้อของ
นาย.....ต่างก็วิ่งเข้ามาเพื่อรู้จักกับหุ้นส่วน
และตัวผม
ผลตอบแทนก้อนแรกจากการลงทุน
ด้วยเงินแสนห้า...ภายในระยะเวลาเพียง
แค่ 1 สัปดาห์กว่าๆ ผมได้เงินคืนทุนพร้อมกำไร หกหมื่นกว่าบาท....มันช่างเป็นผลตอบแทนที่แสนคุ้มค่าและรวดเร็วมาก....ผมทำงานประจำเป็นเดือน บวกกับต้องขยันทำงานล่วงเวลา ถึงจะมีรายได้เท่ากับกำไรจากการลงทุนธุรกิจสีเทาของผมในตอนนี้ ที่ทำเพียงแค่สัปดาห์กว่าๆเอง
ช่องทางของรายได้
ลงทุน
ความเสี่ยง
คือ 3 เหตุผลที่ผมไม่เคยนึกถึงก่อนที่จะ
ตัดสินใจควักเงินในกระเป๋าของตัวเองมา
เสี่ยงกับการลงทุน.....แต่.....มันคงเป็นความ
โชคดีของผมก็ได้ ที่ไม่คิดถึงปัจจัยสามข้อ
นี้ก่อนการลงทุน.....แต่...ความเสี่ยงของผม
กลับประสบผลสำเร็จขึ้นมาได้......
หรือมันเป็นโชคชะตา.....ที่กำลังจะดึงผม
ให้ถลำลึกเข้าไปในวงการธุรกิจสีเทาแบบนี้
ที่มันจะชักนำผมให้ติดอยู่ในวังวนชนิดที่ไม่
อาจจะหวนกลับออกมาได้อีกเลย.....
1
ความสำเร็จ
ผมเริ่มสนุกกับการเล่นเกมส์ทางการเงิน
โดยการหมุนเงินลงทุนโดยการเป็นเอเย่น กระจายส่งสินค้าและอะไหล่ยนต์ต่างๆ แบบของหนีภาษี....เริ่มด้วยการลงทุนจากเงินหลักแสน... และได้กำไรจากล้อตต่อล้อต เริ่มที่ ห้าหมื่นต่อล็อตจนถึงล็อตเป็นแสนๆ.....ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน......
ความเป็นจริงแล้วผมแทบจะมีรายได้
จากการเป็นเอเย่นส่งสินค้าจากท่าเรือแบบ
นี้เป็นรายได้หลัก เพราะมียอดเงินเข้าออก
บัญชีส่วนตัวของผมเดือนหนึ่งๆหมุนเวียนก็
เป็นหลักล้าน.....มันมากมายสำหรับผม
กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตแบบที่ต้อง
ดิ้นรนมาทั้งชีวิต แต่กลับได้มาจับธุรกิจ ที่ทำเงินได้มากขนาดหลายล้าน....แม้ว่าเงินที่เป็นรายได้เข้าบัญชีจริงๆที่เป็นเงินเย็นๆ นิ่งๆ ในส่วนของผมจะมีแค่ 8-9แสน...มากที่สุดที่ผม
สามารถเก็บออมได้คือ 1.5 ล้านบาท....
ฟังไม่ผิดครับ....มันเป็นเงินล้านแรก ใน
ชีวิตของผมกับเด็กหนุ่มอายุเพียง 28 ปีใน
ตอนนั้น.....แต่ถึงอย่างไร...ชีวิตผมมาไกล
ได้ขนาดนี้ แต่ผมไม่เคยลืมว่า...ผมเป็นใคร!
ชีวิตการทำงานในบริษัทฯของผมก็ยัง
ดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เข้าทำงาน เจ็ดโมง
ครึ่งตอนเช้า เลิกงานก็ประมาณ 2-3 ทุ่ม
เห็นจะได้....ผมก็ยังคงต้องทำ...ต่อไป.......
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
สุภาษิตบทนี้ยังเป็นเครื่องเตือนสติสำหรับ
คนหมู่มากที่ยังใช้ชีวิตแบบมีสติ อย่างไม่
ประมาทได้ดี...ซึ่งต่างจากผม....ผมยังเพลิดเพลินและหลงใหลอยู่ในวังวน ของการลงทุนทำธุรกิจที่ไม่ใช่สีขาวบริสุทธิ์ ก็เพียงเท่านั้น.....
ความอยากได้ ความโลภ ยังคงปิดบัง
ตาผมไม่ให้ได้เห็นถึงแสงสว่างของการใช้
ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป.....
ธุรกิจของผมจะต้องไม่มีวันล้ม
ผมจะต้องมีเงินมากขึ้นแบบนี้เรื่อยๆไม่รู้จบ
กับชีวิตประจำวันของผม ถึงแม้จะ
ถือว่ามีเงินมากขนาดไหน...ผมก็ยังเป็น
คนประเภทไม่หลงไหลในของประเภทวัตถุ
เช่น บ้าน รถยนต์ หรือสิ่งอำนวยความ
สะดวกทั่วไปที่คนทำงานหาเลี้ยงชีพพึงมี
รถคันเดิม
บ้านเช่า
จับจ่ายใช้สอยเงินผ่อน
ผมยังคงใช้ชีวิตแบบคนปกติ....ต่างกันตรงที่
ผมใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อความสุขให้กับตัวเองอยากได้อะไร....ก็ซื้อโดยไม่เคยคิดว่าของสิ่งนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรกับชีวิต
ผมใช้เงินไปกับการกิน ดื่ม เที่ยว....หาความ
สุข (ที่ไม่แท้) ให้กับตัวเอง.....
ผมใช้เงินกับการแบ่งปัน ให้กับเพื่อน พี่ ลูกน้องหลายต่อหลายคนที่เดินเข้ามาหาผมด้วยความเครียดในเรื่องเงิน โดยเขาเหล่านั้นแค่เอ่ยว่า มีปัญหาเรื่องเงิน หมุนเงินไม่ทัน ฯลฯแล้วจบด้วยการขอยืมเงิน
การยืมก็กล้าให้ ผมให้โดยไม่ต้องคิดมาก
.....ผมให้เขาเหล่านั้นยืมเงินของผมทุกคน
แบบไม่เคยลังเลย....จ่ายหรือไม่จ่ายคืน.....
ผมก็ไม่เคยเอ่ยปากถามเรื่องคืน....
ศาลพระภูมิ
เป็นอีกตัวแทนหนึ่งสำหรับผมตอนนั้น
ที่ชอบไปเที่ยวตามผับตามบาร์ และมี
การแจกจ่ายเงิน ให้กับเหล่าบรรดา พีอาร์
หน้าร้านบ้าง จนท.รปภ.บ้าง กัปตันที่ดูแล
ภายในร้านบ้าง ตลอดจนเด็กต่างชาติที่
เป็นพนักงานดูแลในห้องน้ำชายบ้าง....
เขาเหล่านั้นต่างก็ดูแลผมเป็นอย่างดี
เสมือนแขกระดับ วีไอพี ของพวกเขาทุกครั้ง
ที่ผมไปเที่ยว....เดินเข้าหน้าประตู ก็มีแต่
คนที่ยกมือไหว้และทักทาย และหาที่นั่ง
มุมดีๆเหมาะๆให้กับผมและกลุ่มเพื่อนๆ
ของผมโดยไม่เคยร้องขอ.....
แบบนี้...มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคำพูด
ที่ผมได้ยินเด็กๆมันพูดแซวกันถึงผม
ว่า “ศาลพระภูมิ” มาแล้ว!!! เป็นสิ่งที่
เจ้าของบ้านหรือใครๆก็จะต้องกราบ
ไหว้กัน.....
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย