14 ธ.ค. 2021 เวลา 08:19 • คริปโทเคอร์เรนซี
Keanu Reeves บอกว่าไม่อยากให้โลก Metaverse ตกอยู่ในมือของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook แล้วยังบอกอีกด้วยว่าแกฝากเพื่อนซื้อคริปโตไว้ หรือว่า...แกจะถือ $SAND
4
..ถึงเฮียแกจะไม่ได้ถือ $SAND แต่วันนี้ Project ที่ผมจะพูดถึงก็คือ "The Sandbox" โปรเจ็คที่ออกเจ้าเหรียญ $SAND ที่เราคุ้นเคยกันเนี่ยแหละ ผมจะมาวิเคราะห์พื้นฐานของตัวโปรเจ็ค The Sandbox บวกกับวิเคราะห์ Tokenomics หรือก็คือพื้นฐานของเจ้าตัวเหรียญ $SAND กันว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง แล้วมันยังน่าถือไปยาวๆมั้ย?
The Sandbox จริงๆเขาทำ Platform เกมแนว 2D มาก่อน ลองไป Search หาดูใน App store หรือ Play store ได้ ซึ่งมียอดดาวน์โหลดถึง 40 ล้านดาวน์โหลดแล้วก็เคยถูกรับเลือกให้เป็น Apple as The Hidden Gems of 2012
ทีมก็ประกอบด้วย Arthur Madrid ที่เป็น CEO แล้วก็ Sebastien Borget ที่เป็น COO เราก็จะได้เห็น Sebastien ออกสื่ออยู่บ่อยๆ ซึ่ง 2 คนนี้ทำบริษัท Startup ด้านเกมมือถือชื่อ Pixowl ซึ่งก่อตั้งขึ้นตอนปี 2011 ก็ทำเกม The Sandbox 2D ลงมือถือเนี่ยแหละ แล้วก็อีกคนนึงคือ CTO อย่าง Lucas Shrewsbury คนนี้เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคของบริษัทเกมอย่าง Gameloft เจ้าของเกมโทรศัพท์อย่าง Asphalt 9, Modern Combat แล้วก็ Gangstar ไม่รู้ว่าทันกันมั้ย แต่ผมเล่นเกมพวกนี้ช่วงอยู่มัธยมต้นนู่น เอ้อ..แล้วก็ความเจ๋งอีกอย่างของ Sebastien ที่เป็น COO คือเขาเป็นประธานของ Blockchain game alliance ซึ่งเปรียบเหมือนกับเป็นสมาคมของเกม NFT เลย เรียกได้ว่าหาพาร์ทเนอร์ หา Connection ได้ง่ายสุดๆ 3 คนนี้คือหัวหอกนำทีมอีกกว่า 120 คน ถ้าไปดูใน Linkedin เนี่ย เขาก็กำลังขยายทีมเรื่อยๆด้วย
1
Linkedin: The Sandbox
Ecosystem ของ TSB (The Sandbox) ประกอบด้วย
1. Voxel Editor → เป็นเครื่องมือให้ creator ใช้สร้าง NFT 3D และนำมาขายบน Marketplace ได้
2. Marketplace → ตลาดกลางเอาไว้ซื้อขาย NFT ที่ Creator ในเกมสร้างขึ้นมาโดยจะใช้ $SAND เป็นสกุลเงิน
3. Game Maker → เครื่องมือเอาไว้ให้ creator มาสร้างเกมคล้ายกับ *Roblox Engine* หรือ *Unreal Engine* ของ Epic Game
1
ทั้ง 3 องค์ประกอบนี้เป็นส่วนสำคัญมากของ TSB: ถ้าเครื่องมือของ Creator อย่าง Voxel Editor กับ Game Maker มันใช้ง่าย แค่ Drag & Drop อาจจะไม่ต้องมีความรู้ Technical อะไรมากมายมันทำให้การสร้างคอนเทนต์หรือการสร้างเกมบน TSB มันง่าย ทำให้มีคอนเทนต์บน TSB มากขึ้นซึ่งก็จะดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่ๆเข้ามาพร้อมกับรั้งผู้เล่นเดิมเอาไว้ได้นั่นเอง
การเป็นแพลตฟอร์มมันจะมีปัญหาไก่กับไข่อยู่ก็คือ "ผู้บริโภค" หรือ "ผู้สร้าง" ใครจะเข้ามาในแพลตฟอร์มก่อนกัน ในมุมผู้สร้างก็มองว่าถ้าไม่มีผู้ใช้งานก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาสร้างอะไรบนแพลตฟอร์มนี้ ในมุมของผู้บริโภคก็คือแพลตฟอร์มไม่มีอะไรให้เล่นเลยไปที่อื่นดีกว่า แต่ต้องบอกว่าตัว TSB เขาพร้อมในเรื่องของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มแล้ว คือเขามีพาร์ทเนอร์ที่มาจับจองพื้นที่บน TSB ที่พร้อมจะสร้างคอนเทนต์ให้ผู้บริโภคอย่างเราๆได้เสพกัน เช่น อยากเล่นเกมก็วาร์ปไปที่ Atari อยากจะหาเพื่อนที่ชอบ Snoop Dogg เหมือนกันก็วาร์ปไปที่ Snoopverse หรือเดินเล่นเบื่อๆเกิดอยากช้อปปิ้งขึ้นมาก็วาร์ปไปเลือกซื้อรองเท้าที่ Adidas Virtual Store เรียกได้ว่า TSB สอบผ่านในเรื่องของความหลากหลายของคอนเทนต์ มีหลายอย่างให้เราทำ เหมือนกับเราใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเลย ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการเป็น Metaverse ด้วย!
1
ทางฝั่งคนที่รอเล่นหรือ Community ของ TSB ก็แข็งแกร่งดูได้จากตัวเลขตามนี้:
- Facebook: The Sandbox 700,000 Followers
- Discord: 248,000 Members
- Twitter: 618,000 Followers
- YouTube: 118,000 Subscribers
Community แข็งแกร่งเทียบกับเกม NFT อันดับ 1 อย่าง Axie Infinity ได้เลย ตัวเลขของเกม Axie:
- Facebook: Axie Infinity 340,000 Followers
- Discord: 800,000 Members
- Twitter: 793,000 Followers
- YouTube: 25,000 Subscribers
เสริมตัวเลขอีกนิดนึง จำนวน Active users ของ Axie Infinity อยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านคนต่อวัน แล้วก็เกมที่เป็นแนวเดียวกับ The Sandbox อย่าง Roblox ก็มีจำนวนผู้เล่นต่อวันอยู่ที่ประมาณ 47 ล้านคนต่อวัน!
1
อีกองค์ประกอบนึงที่สำคัญของการที่จะเป็น Metaverse ก็คือ "Any Device" หลายๆคนอาจจะมองว่า Metaverse คือโลก VR เหมือนที่เราดูกันใน Ready Player One ซึ่งในอนาคตไกลๆก็คงเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ แว่น VR มันยังแพง การใส่ VR นานๆมันก็ปวดหัว (ผมเป็น T_T) ซึ่งโลก Metaverse มันต้องสามารถเข้าถึงจากที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ดังนั้นการเปิดให้ใช้งานผ่านมือถือจึงเป็น Key สำคัญในการสร้างโลกเสมือน
ซึ่งตัว Roadmap ของ TSB เองก็ประกาศชัดเจนว่าจะเปิดให้เล่นผ่านมือถือแล้วก็ Console อย่าง Playstation หรือ XBox ด้วย พูดถึง Roadmap ตอนนี้ TSB ก็เปิดให้คนเข้าไปทดลองเล่นเวอร์ชั่น Alpha 1.0 แล้วซึ่งคุณจะต้องมี Alpha pass ก่อนถึงจะเข้าไปเล่นได้ เห็นว่าเดี๋ยวเขาจะมีรอบ Alpha 2.0 อีก เสร็จแล้วก็ต้องเปิดเวอร์ชั่น Beta อีกรอบนึง กว่าตัวเกมจะเปิดให้เล่นจริงๆ อาจจะช่วงสิ้นปี 2022 หรือเลยไป 2023 ก็เป็นได้ ก็ไปเช็ค Roadmap กันได้ผ่านลิ้งค์ https://www.sandbox.game/en/roadmap/?__cf_chl_jschl_tk__=9WOkBnZIXpp8cIOdz4I.DxgWsBNk28oLWKLPbNTpc6E-1639403376-0-gaNycGzNDNE
อย่างที่ผมบอกไปโปรเจ็คที่ดีไม่จำเป็นว่าเหรียญของโปรเจ็คนั้นจะน่าลงทุนเสมอไป เพราะฉนั้นเรามาวิเคราะห์ Tokenomics ของ $SAND กันบ้างดีกว่า
เหรียญ $SAND มี Total Supply อยู่ที่ 3,000 ล้านเหรียญ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาประมาณ 10% หรือประมาณ 300 ล้านเหรียญทุกๆ 6 เดือน ไปจนถึงปี 2025
Vesting Schedule
ซึ่ง 1/3 ของ $SAND มีการเปิดขายเพื่อระดมทุนในช่วงแรก แบ่งออกเป็น:
- Seed Sale: จำนวน 515,277,777 SAND และพวก VCs ที่ลงทุนใน Phase นี้ ได้ไปในราคา $0.0036 ต่อ $SAND
- Strategic Sale: จำนวน 120,000,000 SAND และนักลงทุนในรอบนี้ได้ไปในราคา $0.005 ต่อ $SAND
- สุดท้ายคือขายสู่สาธารณะชนผ่าน Binance Launchpad (ผมไม่ได้ลง T_T): จำนวน 360,000,000 SAND และได้ไปในราคา $0.008333 ต่อ $SAND
- สรุปคือมี SAND จำนวน 995,277,777 SAND หรือประมาณ 1 ใน 3 ที่ถูกเปิดขายในราคาเฉลี่ยที่ $0.00548 เท่ากับว่า ณ ราคา $SAND = $5 คนกลุ่มนี้ก็ฟันกำไรไปแล้ว 900 เด้ง และ (ความคิดเห็นส่วนตัว) คนกลุ่มนี้พร้อมจะเทขาย ณ ราคาเท่าไหร่ก็ได้ช่วงเวลาตลาดเป็น Trend ขาลงหรือพร้อมจะขายเมื่อ $SAND ที่ถูกล็อคไว้ถึงกำหนดที่จะปล่อย ทำให้เกิด "Sell Pressure" กดให้ราคาดำดิ่งในช่วงขาลงนั่นเอง
1
จุดนี้ ทาง Sebiastian ที่เป็น COO ก็ออกมาบอกเองเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาอยากจะให้ $SAND ทั้งหมดไปอยู่ในมือของ Community ก็แปลว่า $SAND เหล่านี้ก็จะต้องถูกขายเปลี่ยนมือนั่นเอง
ในการที่จะตอบคำถามว่าแล้วคนถือ $SAND อย่างเราๆจะได้ประโยชน์อะไรจากการถือ? ก็ต้องมาดูในส่วนของ Business Model ของ TSB นั่นเอง ซึ่งรายได้ของ TSB *ณ ตอนนี้ มาจาก:
1. การเปิดขาย $LAND และ Premium NFTs (แบ่งเป็นรอบ Pre-sale กับ Public sale) — Pre-sale หมดไปแล้วตอนนี้เหลือแค่ Public sale ที่ราคาดูเหมือนจะแพงขึ้นเรื่อยๆในแต่ละรอบ ซึ่งรายได้ที่ได้จากการขาย $LAND ก็จะไปที่ Company reserve* 25% Treasury* 50% Foundation pool* อีก 25%
2. TSB จะเก็บ 5% จากมูลค่าการซื้อ-ขาย NFTs ที่เกิดขึ้นบน Marketplace ของ TSB — อันนี้ถ้าเราลองไปเทียบกับ Volume ซื้อ-ขายบน Axie Infinity ก็จะอยู่ที่ประมาณ $15 ล้านต่อวัน คิดเป็นประมาณ $5,400 ล้านต่อปี แล้ว TSB เก็บ 5% แปลว่าจะสร้างรายได้ประมาณ $270 ล้านต่อปี ซึ่ง $270 ล้านเนี่ยเขาก็จะแบ่งไปเข้า Foundation* 50% และ เข้า Staking Pool* 50%
TSB Business Model
- Company Reserve — เก็บไว้เป็นทุนสำรองฉุกเฉิน เช่น ใช้เพิ่ม Staking Reward
- Company Treasury — เก็บไว้ใช้จ่าย Operating Expenses เช่น ค่าพนักงาน ค่าเช่าออฟฟิศ แปลว่าเขาต้องขาย $SAND ทิ้งและ Cash-out ออกมาเป็นเงินสด
- Foundation Pool — เอาไว้ให้เป็นเงินลงทุนสำหรับ Creator ให้มาสร้างเกม สร้าง NFTs เจ๋งๆบน TSB อันนี้ผมมองว่าเหมือนกับเป็นการนำรายได้ของบริษัทไปลงทุนเพิ่ม
- Staking Pool — จ่าย $SAND ให้กับคนที่นำ $SAND มา Stake ไว้ในระบบ (เปรียบเหมือนกับการจ่ายปันผลให้นักลงทุน) เอ้อ..แล้วก็ใครที่เป็นเจ้าของ $LAND เขาก็จะเพิ่ม Reward จากการ Stake ให้ด้วย ตามตารางด้านล่างเลย
LAND Multiplier
ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงของ TSB ที่ต้องจับตามองก็คือ:
1
1. เซอร์เวอร์ของ TSB จะรันอยู่บน AWS (Amazon Web Service)* — ทำให้มีความเสี่ยงของการที่ถ้า AWS ล่มชั่วคราว TSB ก็จะล่มตามไปด้วย
2. ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการทำให้ Server ไม่ล้นจากการที่คนเข้าไปเล่น คือถ้าไม่สามารถทำให้ทุกคนอยู่บนโลก (Server) เดียวกันได้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็น Metaverse ได้มั้ย
3. อย่างที่ผมบอกไปใน Section ของ Tokenomics ว่านักลงทุนที่ได้ลงทุนในรอบแรกๆ ได้ราคาเหรียญที่ถูกมาก ทำให้อาจจะเกิดการ Sell-pressure ในระยะสั้นเวลาที่มีเหรียญถูกปล่อยออกมาตามกำหนด
4. คู่แข่งทั้งที่เป็น Decentralized Platform อย่าง Decentraland หรือจะเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง Meta, Microsoft, Epic Games หรือบริษัทเกมที่ทำคล้ายกันอย่าง Roblox ที่มีประสบการณ์การทำแพลตฟอร์มแนว UGC (User Generated Content) มากกว่า 17 ปี มีเงินทุนที่มากกว่า มีบุคคลากรที่พร้อมกว่า บอกเลยว่าถนนทุกสายมุ่งสู่การเป็น Metaverse และพร้อมที่จะแย่ง "เวลา" ของ User เข้าไปในแพลตฟอร์มของตัวเองกันอย่างแน่นอน
4
Roblox Avatar
ส่วนตัวผมมองว่า TSB เป็นโปรเจ็คคริปโตที่มี Potential มาก ลงเล่นในตลาดที่มี TAM (Total Addressable Market) ใหญ่มากๆ เราพูดกันถึงตัวเลข Trillion Dollar หรือล้านล้านเหรียญสำหรับตลาดของ Metaverse ที่จะใหญ่กว่า Social Media แต่ด้วยราคาเหรียญตอนนี้ที่มันขึ้นมาเยอะมากๆแล้ว (ผม Take profit ไปตอน $5) บวกกับความเสี่ยงระยะสั้นอย่าง Tokenomics ของเหรียญแล้วก็ความเสี่ยงระยะยาวอย่างคู่แข่ง ผมเลยยังไม่คิดจะซื้อ $SAND เก็บเพิ่มตอนนี้หรือเร็วๆนี้ แต่จะเก็บไว้เป็น Watchlist ไว้หากตลาดคริปโต Crash หนักๆขึ้นมาแล้วพื้นฐานของ TSB มันยังไม่เปลี่ยนเนี่ย รับรองว่าจะเป็นเหรียญนึงที่ผมจะช้อนให้ช้อนงอกันไปข้างเลยครับ😛
1
โฆษณา