เราใช้กระดาษทิชชู่กันมาตั้งเเต่เมื่อไหร่
กระดาษทิชชู่หรือกระดาษชำระเป็นของใช้ที่มีติดบ้านกันแทบทุกหลังค่าเรือนเลยก็ว่าได้ เพราะสะดวกเช็ดถูก ซับน้ำ ง่ายกว่าใช้ผ้าธรรมดาเยอะ หลายคนก็พกติดตัวไว้ เวลาออกไปข้างนอก ยิ่งเวลาโรคระบาดแบบนี้ กระดาษทิชชู่ ทิชชู่เปียก นับเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยแหละ
แล้วเราเริ่มใช้กระดาษทิชชู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ สมัยแรก ๆ กระดาษทิชชู่หน้าตาเป็นแบบไหน แรกเริ่มเดิมที่มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้ Library_jiw หาคำตอบมาให้แล้วกับประวัติศาสตร์ของกระดาษทิชชู่ค่ะ
ย้อนไปโน่นเลยค่ะ ราว ๆ ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล (ย้อนไปไกลมาก) มีชาวจีนคนนึง ได้ประดิษฐ์วัสดุห่อที่ของข้างใน เป็นกระดาษ แล้วได้ใช้สิ่งที่นี้สำหรับเช็ดทำความสะอาดหลังจากทำภาระกิจหนักด้วย กระดาษจึงถูกใช้และแพร่หลายในประเทศจีนเรื่อยมาในช่วง ศตวรรษที่ 6 เมื่อก่อนกระดาษทิชชู่ยังไม่นุ่มเหมือนตอนนี้นะคะ มันก็คือกระดาษดี ๆ นี่เอง
มีหลักฐานที่บันทึกไว้ว่าในยุคราชวงศ์หมิง คริสต์ศตวรรษที่ 14 (ค.ศ. 1368 - ค.ศ. 1644) จักรพรรดิจีน ได้มีรับสั่งให้มีการผลิตกระดาษชำระเพื่อใช้ภายในพระราชวัง ซึ่งมีขนาดกว้าง 2 ฟุต ยาว 3 ฟุต และน้ำหอมปรุงกลิ่นให้แก่กระดาษชำระเหล่านั้นอีกด้วย
https://today.line.me/th/v2/article/yvDygo
ไม่ใช่เเค่จีนเท่านั้นที่หาอุปกรณ์รอบตัวมาใช้เเทนกระดาษชำระ ที่อื่นก็มีเช่นกัน เช่น ชาวกรีกโบราณจะใช้ดินเหนียว (อันนี้นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าใช้ยังไง) ขณะที่ชาวโรมันสมัยก่อน ใช้ฟองน้ำหุ้มปลายไม้ (อันนี้พอเข้าใจ) ส่วนไทยเรา ก็ใช้พวกกากมะพร้าว หญ้า จนไปถึงกระดาษหนังสือพิมพ์
Joseph C. Gayetty
จนในปี 1857 โจเซฟ กาเย็ตตี้ (Joseph C. Gayetty) คือบุคคลที่เบิกเนตรโลกใบนี้ให้รู้จักกระดาษทิชชู่มากขึ้น โดยเขาได้ตั้งโรงานผลิตกระดาษชำระที่มีส่วนผสมของว่านห่างจระเข้ ชื่อว่า The Gayetty Firm ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ (คูลสุด ๆ) เเละเค้าเคลมว่า ทิชชู่ของเค้า ช่วยป้องกันโรคริดสีดวงได้
หน้าตากระดาษชำระของกาเย็ตตี้
แต่คนสมัยนั้นก็ยังไม่อินกับกระดาษทิชชู่สักเท่าไหร่ เพราะไม่เข้าใจว่า มันเอาไว้ทำอะไร ใช้ครั้งเดียวทิ้ง สิ้นเปลืองเปล่า ๆ ซึ่งคนสมัยนั้นคิดว่ากะอีแค่กระดาษใช้ชำระ มันต้องตั้งโรงงานผลิตแบบดี ๆ เลยเหรอ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือใบปลิวก็พอแล้วมั้ง แหม!!! ถ้าเป็นสมัยนี้นะใช้ทุกอย่างเลยนะคะ เอาไว้ซับมันทุกอย่าง ตั้งแต่หน้ายันก้น ยันน้ำมันในไข่เจียวก็ยังทำมาแล้วเลย 55555 เเต่เพราะคนไม่เข้าใจ ไม่นิยม ความบ้งจึงบังเกิด ขาดทุนยับ ล้มเหลวไปตามระเบียบ
หลังจากนั้น ก็มีสองพี่น้องตระกูลสก็อตต์ Edward lrvin กับ Clarennce Wood ได้ก่อตั้ง The Scott Paper Company’s ขึ้นในฟิลาเดลเฟีย ได้ผลิตกระดาษชำระแบบม้วนและมีรอยปรุขึ้นมาขาย แถมเนื้อสัมผัสยังนิ่มและสวยอีกด้วย และได้ทำการจดสิทธิบัตรสินค้า ทำให้กระดาษทิชชู่เริ่มเป็นที่นิยม และใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลก
ในปี 1880 กระดาษทิชชู่ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ โดยทางบริษัท British Perforated Paper ได้เริ่มขายกระดาษทิชชู่ในรูปแบบกล่องสี่เหลี่ยม และในปี 1942 ก็เริ่มลองทำกระดาษแบบสองชั้นและกลายเป็นมาตรฐานที่ทุกคนใช้กันในปัจจุบัน
สําหรับฝรั่ง ส่วนใหญ่เค้าจะใช้กระดาษทิชชู่สำหรับเช็ดเช็ดชำระจากการขับถ่ายอย่างเดียว ไม่ได้เป็นกระดาษอเนกประสงค์แบบคนไทย โดยจะมีการเเยกประเภทของกระดาษทิชชู่ด้วย ตั้งเเต่ toilet paper ก็คือทิชชู่ม้วนสั้น ๆ ที่เราใช้ กันงะคะ ฝรั่งเค้าเรียกเเบบนั้น เพราะมันคือเเบบที่เค้าใช้ในห้องน้ำเท่านั้น เค้าไม่ได้เอามาเช็ดปากหลังกินข้าวเเบบเรา เพื่อนเเอดนางก็ไม่กล้าใช้ทิชชู่เเบบนี้เช็ดปากเช็ดหน้ากัน นางบอกเค้าไม่ทำกัน เเอดก็งงหน่อย เเละบอกไปว่า เจ้าพลาดเเล้ว มันทำได้หลากหลายมากกว่าเช็ดตู๊ส ยูโน่ว 55555 (อธิบายภาษาปะกิด)
toilet paper (Pixabay)
หรือเเบบ kitchen paper อันนี้จะเป็นม้วนยาวหน่อย สำหรับใช้ในครัว เพราะมีความหนากว่า ซึ่งฝรั่งสามารถใช้ทิชชู่เเบบนี้สำหรับห่ออาหารบางประเภทด้วย หรือซับน้ำมันออกจากอาหารต่าง ๆ ได้ด้วย เพื่อนเเอดนางก็บอกอีกว่า ใช้เเบบนี้มันสบายใจกว่า เเหม!!!
kitchen paper (Pixabay)
เเต่สำหรับคนไทย ใช้มันทุกอย่าง กระดาษทิชชู่ไม่ได้มีดีแค่เช็ด หรือชำระสิ่งสกปรกเท่านั้น บอกเลยว่านี่เป็นไอเท็มที่ใช้ประยุกต์ในกรณีฉุกเฉินได้เช่นกัน เช่น กันรองเท้ากัด ก็เอากระดาษทิชชู่ยัดในรองเท้ากันตายไปก่อน
หรือใช้ห่อรองเท้าผ้าใบสีขาวเวลาซักเสร็จก่อนจะเอาไปตาก เวลาซักรองเท้าผ้าใบสีขาว แอดจะเอากระดาษทิชชู่มาห่อรองเท้าไว้หนา ๆ เลยค่ะ เพื่อเวลาตากแดด มันจะไม่มีคราบสีเหลืองที่รองเท้าของเรา บ้านแอดเรียกคราบแดดเลีย เวลาร้องเท้าแห้ง สีขาวก็จะเป็นสีขาวจริง ๆ แต่ถ้าไม่ห่อด้วยกระดาษทิชชู่ก่อนตาก จากผ้าใบขาวที่ควรจะขาว เราจะได้ลวดลายสีเหลืองไหม้ ๆ มาด้วย ต๊าชไปอีก!!
สำหรับเพื่อน ๆ นักเขียนนักอ่านทุกคน ใครใช้กระดาษทิชชู่ทำอะไรอีกบ้าง นอกเหนือจากเช็ดชำระ คอมเมนต์บอกกันบ้างนะคะ
ขอบคุณภาพเเละแหล่งข้อมูลจาก
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
